Home
•
กระดานสนทนา
•
สมาธิ
•
สติปัฏฐาน
•
กฎแห่งกรรม
•
นิทาน
•
หนังสือ
•
บทความ
•
กวีธรรม
•
ข่าวกิจกรรม
•
แจ้งปัญหา
คู่มือการใช้
ค้นหา
สมัครสมาชิก
รายชื่อสมาชิก
กลุ่มผู้ใช้
ข้อมูลส่วนตัว
เช็คข้อความส่วนตัว
เข้าสู่ระบบ(Log in)
ได้ทำการย้ายไปเว็บบอร์ดแห่งใหม่แล้ว คลิกที่นี่
www.dhammajak.net/forums
15 ตุลาคม 2551
การแก้กรรมสมัยพุทธกาล
อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
:: ลานธรรมจักร ::
»
สนทนาธรรมทั่วไป
ผู้ตั้ง
ข้อความ
โอ่
ผู้เยี่ยมชม
ตอบเมื่อ: 20 พ.ย.2004, 3:23 pm
จริงๆแล้วสมัยพุทธกาลไม่มีพิธีแก้กรรม แต่มีหลายเรื่องซึ่งจำไม่ได้มากในรายละเอียด แต่เชื่อว่าเมื่อเล่าไปผู้ดูแลเวบนี้ก็คงผ่านหูผ่านตามาแล้ว เรื่องแรกเรื่องของสามเณรลูกศิษย์พระสารีบุตร ซึ่งท่านสารีบุตรทราบว่าสามเณรจะสิ้นอายุขัยใน 15 วัน และให้สามเณรลากลับบ้านไปเยี่ยมพ่อแม่ ระหว่างเดินทางสามเณรไปพบปลาในบึงกำลังจะตายเพราะน้ำแห้ง เกิดความสงสารจึงพาปลาไปปล่อย เมื่อเยี่ยมแม่เสร็จแล้วสามเณรกลับมาหาพระสารีบุตร พระสารีบุตรแปลกใจที่เห็นสามเณรยังมีชีวิตกลับมา จึงถามว่าระหว่างทางได้ทำอะไรบ้าง สามเณรเล่าว่าได้ช่วยชีวิตปลา ลักษณะเช่นนี้เมื่อหมดบุญสิ้นอายุขัยสามเณรต้องตาย แต่เมื่อทำบุญกุศลอันแรงจากจิตทำให้บุญนั้นเกิดขึ้นมาต่ออายุขัยได้อีก กรณีอย่างนี้จะเรียกว่าแก้กรรมหรือไม่เป็นเรื่องต้องพิจารณา
อีกเรื่องหนึ่งมีเด็กเกิดมา เมื่อพ่อพาไปทำบุญพระพุทธเจ้าก็ต้องให้พระ เช่นตอนหนึ่งต้องให้พรว่าอายุวัณโณ คือจงอายุยืน แต่พระพุทธเจ้าไม่ให้พระเด็กคนนี้ เพราะรู้ว่าเด็กจะต้องตาย จะมียักษ์มากินเด็ก พ่อเด็กเมื่อทราบความจริงก็ถามพระพุทธเจ้าว่าทำอย่างไรเด็กจะรอด พระพุทธเจ้าก็ให้กั้นสายสิญจน์ เอาเด็กไว้ข้างในสายสิญจน์ แล้วให้พระสวดพระปริต เมื่อพระสวดเทวดามาฟัง ส่วนยักาจะเข้ามาจับเด็กก็เห็นเทวดานั่งอยู่ก่อน ตนเองต้องนั่งตามลำดับข้างหลัง ไม่มีโอกาสเข้าใกล้เด็ก อครบเจ็ดวันยักษ์นั้นก็จากไปไม่ได้กินเด็กทั้งที่ตั้งใจว่าจะกิน
อันนี้เพราะเวรระงับไปก็ได้ เด็กคนนั้นต่อมาอายุยืนกว่าร้อยปี เรื่องแบบนี้เป็นการแก้กรรมหรือไม่ เป็นเรื่องที่มีในพระไตรปิฏก แล้วท่านจะคิดอย่างไร ส่วนเรื่องประสบการณ์นั้นมีมาก พระยามัจจุราจก็มีจริง และเปลี่ยนกาลมรณะได้ แต่เหตุผลที่จะเปลี่ยนนั้นเป็นเรื่องใหญ่เหลือเกิน เหตุผลที่จะต้องมีชีวิตอยู่นั้นของคนที่สิ้นอายุแล้วนั้น ต้องเป็นเหตุผลเพื่อจะทำกิจเพื่อความพ้นทุกข์ หรือเพื่อทำบารมีที่สำคัญยิ่ง กาลมรณะของบุคคลนั้นย่อมต้องถูกเปลี่ยน และผู้ถูกเปลี่ยนก็จะรู้ชัดด้วยตนเอง พญามัจจุราชผู้มีเสนาใหญ่อันใครผัดเพี้ยนไม่ได้ก็จริง แต่ท่านไม่ขวางทางนิพพานและสร้างบารมีที่รู้กันดีทั้งในสามโลก กาลมรณะจึงต้องเปลี่ยนด้วยอำนาจแห่งกุศลเท่านั้น
amai
บัวบาน
เข้าร่วม: 24 พ.ค. 2004
ตอบ: 435
ตอบเมื่อ: 20 พ.ย.2004, 8:25 pm
คงเป็นการสะเดาะเคราะห์ตามพระไตรปิฏก
น่าเชื่อถือดีค่ะ
เหมือนกะการให้ชีวิตแล้วได้ชีวิต นานขึ้นเลย
ตรงกะ ศีลข้อ 1 เลยค่ะ
ที่ว่าไม่เบียดเบียนสัตว์ ไม่ฆ่าสัตว์
ทำให้โรคภัยไม่เบียดเบียน มีอายุยืน
แล้วการสวดพระปริตรที่
พระพุทธเจ้าก็ให้กั้นสายสิญจน์ เอาเด็กไว้ข้างในสายสิญจน์ แล้วให้พระสวดพระปริต เมื่อพระสวดเทวดามาฟังแล้วยักษ์ไม่กินเพราะนั่งรอจนเหนื่อยกอปรกะคงซึมซาบในบทสวดด้วยมั๊งค่ะ
เลยไม่กินเณร
คล้ายกะที่ คนที่ป่วยไข้ให้สวดบทโพชฌงค์ เป็นการต่ออายุเลยค่ะ
ค่ะอย่างที่ว่า การปฏิบัติวิปัสนากรรมฐานทำให้สามารถเลือกภพภูมิเกิดได้ เปลี่ยนชะตาชีวิตได้
เด๊วต้องขยันปฏิบัติธรรมให้มากๆแล้วมั๊งค่ะ
มีข้อดีเยอะขนาดนี้
สำเร็จ
ผู้เยี่ยมชม
ตอบเมื่อ: 22 พ.ย.2004, 11:34 am
เคยอ่านสองเรื่องนี้มาเหมือนกัน..
ก็คิดทำนองเดียวกัน...
จุดหนึ่งที่อยากเสริมคือ...ทั้งเณรและเด็ก
เป็นผู้ที่ยังไม่หมดอายุไข(อายุของมนุษย์โดยปกติในสมัยนั้น)....
คือยังเติบโตไปได้อีก
แต่จะเป็นผู้ที่...จะหมดกรรม...คือสิ้นกรรม
ทั้งสองจะต้องตายด้วยกรรม...
ดังนั้นการต่ออายุให้คนที่จะสิ้นอายุไข..คือแก่ตายตามธรรมชาติ..
ไม่ใช่การอธิบายเรื่องนี้ได้..
พึงพิจารณาว่า...การต่ออายุให้คนแก่...ด้วยวิธีนี้...น่าจะใช้ไม่ได้ครับ
เรื่องของกรรมนี้..พระพุทธองค์เคยตักเตือนไว้ว่า
เป็นเรื่องที่ส่อให้เห็นว่าจะเป็นอย่างนั้น...แต่ไม่ใช่อย่างนั้นก็มี
เป็นเรื่องที่ส่อให้เห็นว่าจะไม่เป็นอย่างนั้น...แต่เป็นอย่างนั้นก็มี
ดังนั้นการพูดเรื่องกรรม..ต้องทราบว่ามีปัจจัยมากมาย
ต้องเป็นพระพุทธเจ้าเท่านั้น..จึงจะแสดงได้ถูกต้อง
แม้แต่สาวกที่ได้ฌาน ได้อภิญญา ไปเห็นมา..
แล้วสรุปบางเรื่อง...พระพุทธองค์ก็ยังไม่รับรอง..ก็มี
เราเป็นบุคคลที่ยังเป็นปุถุชน..คงได้แต่แสดงตามพระไตรปิฏก
ไม่ควรนึกคิดเอาเอง...ไม่ควรออกความเห็นเอาเอง
อย่างเช่นที่ตั้งกระทู้มา...ถูกต้องแล้ว
โอ่
ผู้เยี่ยมชม
ตอบเมื่อ: 24 พ.ย.2004, 3:58 pm
เข้าใจว่าสาเหตุที่ทำให้สามเณรไม่ตายนั้น เพราะบาปกรรมที่กำลังจะมาถึงนั้นมีกำลังแรงไม่พอ เมื่อสามเณรได้ประกอบกุศลกรรมช่วยชีวิตปลามีวามตั้งใจแรงกล้ามาก กรรมดีนั้นมาแซงกรรมชั่วจนไม่สามารถให้ผลได้ ทำให้กาลมรณะที่กำลังจะสิ้นอายุขัยนั้นเปลี่ยนไป คือกรรมที่เป็นบาปนั้นจะต้องมาสนองในภายหลัง อาจในชาตินั้นหรือในชาติต่อๆไป และกำลังของกรรมชั่วนั้นอาจเบาลงหรืออาจอโหสิกรรมไปก็ได้
เรื่องกรรมนั้นเราคาดคิดเชื่อว่าควรเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ไม่ได้ แต่จะเห็นว่าความรู้เรื่องกรรมในพระสูตร และหลักกรรมสิบสองนั้น ถ้าเราเชื่อมั่นจริงว่าในชีวิตเราเป็นไปด้วยกรรมไม่ไมเหตุบังเอิญแล้ว ความชั่วทั้งหลายเราไม่ควรทำเลย และทำความดีและควรตั้งใจภาวนาเจริญสติให้มาก เพื่อเติมน้ำดีลงไปในตุ่มที่มีน้ำไม่ได ให้น้ำไม่ดีหรือน้ำเน่าเจือจางลง เพื่อผลกรรมชั่วจะอ่อนแรงลง ดังนั้นการทำบุญที่เป็นวามเชื่อว่าแก้กรรมก็คงเป็นไปตามนัยนี้ เพราะกรรมนั้นแก้ไม่ได้ แต่ทำให้เปลี่ยนแปลงแรงกรรมนั้นทำได้ครับ ไม่มากก็น้อย
โอ่
ผู้เยี่ยมชม
ตอบเมื่อ: 24 พ.ย.2004, 4:09 pm
ขอต่อเรื่องอายุขัยนิดหนึ่งนะครับ อายุขัยของมนุษย์สมมุติว่าประมาณร้อยปี ถ้ามาป่วยตายตอนอายุในวัยหนุ่ม สาเหตุเพราะกรรมชั่วที่เคยทำอาจในชาติก่อนมาเบียดเบียน เราเรียกว่า"สิ้นบุญ"
คำว่าสิ้นบุญนี้ผมเคยสงสัยว่าสิ้นบุญจากอะไร ก็คิดว่าการที่เราได้ขันธ์ ๕ มาใช้คือได้ร่างกายและจิตใจได้ชีวิตมาอยู่ในโลกนี้ได้มาโดยบุญ และจะถูกบาปเบียดเบียน เมื่อบาปให้ผลมาเบียดเบียนเอาชีวิตไป บุญนั้นก็เลยสิ้นไป หรือบุญนั้นถูกปิดทางไม่มีกำลังแรงมาหล่อเลี้ยงขันธ์ ๕ ให้ยืนยาวตามอายุขัยได้จึงเรียกว่าสิ้นบุญ แต่ก็ใช้กับคนตายในวัยอื่นด้วยในภายหลังซึ่งผิดความหมายของคำว่าสิ้นบุญ นอกจากสิ้นบุญแล้วก็มีคำหนึ่งคือ "ถึงกาลมรณะ" หมายถึงคนตายก่อนถึงอายุขัยนะครับ
ดังนั้นการทำบุญก็สามารถเปลี่ยนกาลมรณะได้ และเราก็เรียกว่าต่ออายุ แต่จริงๆเป็นไปตามอำนาจของกรรมนั่นเอง
ดังนั้นโรคต่างๆเช่นมะเร็ง อาจบันเทา หรือยืดอายุ หรือหายได้ถ้ากรรมนั้นไม่หนักมากเช่นเคยชดใช้มาในชาติก่อนแล้ว เรามาปฏิบัติธรรมก็มีผล ถึงอย่างไรถ้าเจริญสติเอาจริงั้งวันทั้งคืน ทำให้มาก ผลของโรคย่อมลดหรืออ่นแรงไปอย่างแน่นอน อันนี้ผมไม่สงสัย และมีประสบการณ์ในเรื่องนี้จนเห็นเป็นธรรมดาไม่แปลกใจอะไรเลย
แสดงเฉพาะข้อความที่ตอบในระยะเวลา:
แสดงทั้งหมด
1 วัน
7 วัน
2 สัปดาห์
1 เดือน
3 เดือน
6 เดือน
1 ปี
เรียงจากเก่า-ใหม่
เรียงจากใหม่-เก่า
:: ลานธรรมจักร ::
»
สนทนาธรรมทั่วไป
ไปที่:
เลือกกลุ่ม บอร์ด
กลุ่มสนทนา
----------------
สนทนาธรรมทั่วไป
แนะนำตัว
กฎแห่งกรรม
สมาธิ
ฝึกสติ
การสวดมนต์
การรักษาศีล-การบวช
ความรัก-ผูกพัน-พลัดพลาก
กลุ่มข่าวสาร-ติดต่อ
----------------
ข่าวประชาสัมพันธ์
ธรรมทาน
รูปภาพ-ประมวลภาพกิจกรรมต่างๆ
สำหรับนักเรียน นักศึกษา ขอความรู้ทำรายงาน
แจ้งปัญหา
รูปภาพในบอร์ด
กลุ่มสาระธรรม
----------------
หนังสือธรรมะ
บทความธรรมะ
นิทาน-การ์ตูน
กวีธรรม
นานาสาระ
ต้นไม้ในพุทธประวัติ
วิทยุธรรมะ
ศาสนสถานและศาสนพิธี
----------------
สถานที่ปฏิบัติธรรม
วัดและศาสนสถาน
พิธีกรรมทางศาสนา
พุทธศาสนบุคคล
----------------
พระพุทธเจ้า
ประวัติพระอสีติมหาสาวก
ประวัติเอตทัคคะ (ภิกษุณี, อุบาสก, อุบาสิกา)
สมเด็จพระสังฆราชไทย
ประวัติและปฏิปทาของครูบาอาจารย์
ในหลวงกับพระสุปฏิปันโน
อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
คุณ
ไม่สามารถ
สร้างหัวข้อใหม่
คุณ
ไม่สามารถ
พิมพ์ตอบ
คุณ
ไม่สามารถ
แก้ไขข้อความของคุณ
คุณ
ไม่สามารถ
ลบข้อความของคุณ
คุณ
ไม่สามารถ
ลงคะแนน
คุณ
ไม่สามารถ
แนบไฟล์ในกระดานข่าวนี้
คุณ
ไม่สามารถ
ดาวน์โหลดไฟล์ในกระดานข่าวนี้
เลือกบอร์ด •
กระดานสนทนา
•
สมาธิ
•
สติปัฏฐาน
•
กฎแห่งกรรม
•
นิทานธรรมะ
•
หนังสือธรรมะ
•
บทความ
•
กวีธรรม
•
สถานที่ปฏิบัติธรรม
•
ข่าวกิจกรรม
นานาสาระ
•
วิทยุธรรมะ
•
เสียงธรรม
•
เสียงสวดมนต์
•
ประวัติพระพุทธเจ้า
•
ประวัติมหาสาวก
•
ประวัติเอตทัคคะ
•
ประวัติพระสงฆ์
•
ธรรมทาน
•
แจ้งปัญหา
จัดทำโดย กลุ่มเผยแผ่หลักคำสอนทางพระพุทธศาสนา ธรรมจักรดอทเน็ต
เพื่อส่งเสริมคุณธรรม และจริยธรรมในสังคม
เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2546
ติดต่อ
webmaster@dhammajak.net
Powered by
phpBB
© 2001, 2002 phpBB Group :: ปรับเวลา GMT + 7 ชั่วโมง
www.Stats.in.th