Home  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  •  สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทาน  • หนังสือ  •  บทความ  • กวีธรรม  • ข่าวกิจกรรม  • แจ้งปัญหา
คู่มือการใช้คู่มือการใช้  ค้นหาค้นหา   สมัครสมาชิกสมัครสมาชิก   รายชื่อสมาชิกรายชื่อสมาชิก  กลุ่มผู้ใช้กลุ่มผู้ใช้   ข้อมูลส่วนตัวข้อมูลส่วนตัว  เช็คข้อความส่วนตัวเช็คข้อความส่วนตัว  เข้าสู่ระบบ(Log in)เข้าสู่ระบบ(Log in)
 
ได้ทำการย้ายไปเว็บบอร์ดแห่งใหม่แล้ว คลิกที่นี่
www.dhammajak.net/forums
15 ตุลาคม 2551
 คนขายผัก อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
ผู้ตั้ง ข้อความ
ลูกโป่ง
บัวแก้ว
บัวแก้ว


เข้าร่วม: 01 ส.ค. 2005
ตอบ: 4089

ตอบตอบเมื่อ: 23 เม.ย.2007, 3:09 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ชายขายผักคนหนึ่ง ทุกวันเขาจะถอนผักในไร่
ล้างแล้วจัดใสตระกร้าหาบไปเร่ขายตามบ้าน
โดยเขาจะหาบไปตามเส้นทางเดิม
คนที่ซื้อล้วนเป็นขาประจำ ในจำนวนขาประจำมีบ้านเศรษฐีรวมอยู่ด้วย
ทุกวันคนในบ้านเศรษฐีมักจะซื้อผักกับเขา
เศรษฐีและภริยาแอบสังเกตเห็นว่า
คนขายผักลักษณะท่าทางเป็นคนซื่อ จึงคิดจะยกลูกสาวให้

วันหนึ่งคุณนายได้ถามคนขายผักว่า
“ที่บ้านนอกจากเธอแล้วยังมีใครอีกบ้าง ? ”
“ผมกำพร้าพ่อแม่ ไม่มีพี่น้องอยู่กับคุณอา ตั้งแต่เด็กจนโตครับ”
“เธอยินดีที่จะเป็นลูกเขยบ้านฉันมั๊ย ?” คุณนายถามตรงๆ

คนขายผักถูกคุณนายถามอย่างกะทันหันถึงกับนิ่งอึ้ง
ในใจคิดว่าตนเป็นลูกกำพร้ายากจน หาบผักขายไปวันๆ
ไหนเลยเศรษฐีจะเอาตนเป็นลูกเขยหรือว่าฟังผิดไป

ดังนั้นจึงไม่ได้ตอบคำถามของคุณนาย
ฝ่ายคุณนายคิดว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญในชีวิต
เขาคงต้องกลับไปคิดไตร่ตรองอีกที

การไม่ตอบถือเป็นเรื่องปกติ ฉะนั้นจึงไม่ได้ถามซ้ำอีก
แต่คนขายผักยังคงคิดถึงคำถามของคุณนายตลอดเวลา
เมื่อกลับถึงบ้าน จึงบอกอาเขาถึงคำถามของคุณนาย
อาเขยกล่าวว่า “หลานเอ๋ย เขาเป็นคนรวย แกเป็นคนจนไม่คู่ควรกัน
ใครเขาจะเอาแกเป็นลูกเขย เขาคงพูดเล่นกับแกมากกว่า อย่าไปคิดมากเลย”
คนขายผักรู้สึกคำพูดของคุณอามีเหตุผล จึงไม่กล้าเพ้อฝัน
ทุกวันยังคงหาบผักไปเร่ขายตามปกติ

วันหนึ่ง เขาหาบผักมาถึงหน้าบ้านเศรษฐี
คุณนายถามอย่างจริงจังว่า
“วันก่อนฉันถามเธอว่า เธอยินดีจะเป็นลูกเขยบ้านฉันไหม
คิดไตร่ตรองแล้วเป็นยังไง ทำไมไม่เห็นมาบอก”
คนขายผักได้ฟังรู้ว่าคุณนายพูดจริงไม่ได้พูดเล่น
จึงบอกคุณนายถึงคำพูดของอาเขา

คุณนายกล่าวว่า “เรื่องแต่งงานจะพูดเล่นได้อย่างไร
เมื่อกลับไปบ้านปรึกษากับอาแล้วอย่าลืมมาให้คำตอบด้วยนะ”

วันต่อมา สองอาหลานได้มาบ้านเศรษฐี อาเขาถามว่า
“หลานผมว่าคุณนายจะให้เขาเป็นลูกเขย เป็นความจริงหรือเปล่าครับ”

“เป็นความจริง เราทั้งสองอายุมากแล้ว มีแต่ลูกสาวสามคนไม่มีลูกชาย
หลานคุณเป็นคนซื่อ เราจึงคิดจะยกลูกสาวคนโตให้เขา”
เศรษฐีกล่าวอย่างจริงใจ

“แต่บ้านเรายากจนไม่มีสินสอดจะให้ทำยังไง”

“เรื่องนี้ไม่ต้องกังวล เราต้องการลูกเขยไม่ใช่สินสอด”

แล้วพิธีแต่งงาน ก็ดำเนินไปอย่างเรียบร้อย
คนขายผักได้ทั้งภรรยาแสนสวยและทรัพย์สินก้อนโตที่ติดมากับเจ้าสาว
ทำให้เจ้าหนุ่มดีใจมาก
หลังจากแต่งงาน เนื่องจากความเป็นอยู่ไม่ขาดแคลน
และมีพ่อตาแม่ยายคอยให้ความช่วยเหลือแนะนำ
คนขายผักจึงไม่ต้องหาบผักเร่ขายอีก สามีภรรยาต่างรักใคร่กันมาก
วันเวลาแห่งความสุขผ่านไปได้เพียง 3 ปี
ก็เกิดเหตุไม่คาดฝัน ภรรยาเกิดล้มป่วยและเสียชีวิตลง
คนขายผักเศร้าโศกเสียใจมาก เศรษฐีก็เสียใจมากเช่นกัน
เจ้าลูกเขยตั้งแต่เมียตาย ก็เอาแต่ร้องไห้โศกเศร้า
เศรษฐีเห็นก็รู้สึกลูกเขยรักลูกสาวจริง

วันหนึ่งเศรษฐีกล่าวกับภรรยาว่า ถ้าเขาแต่งงานใหม่กับคนอื่น
เราทั้งสองก็จะขาดที่พึ่ง บัดนี้ลูกสาวคนที่สองก็โตเป็นสาวแล้ว
ให้แต่งกับเขาเลยดีไหม ฝ่ายภรรยาเห็นด้วยเช่นกัน
แต่ยังเกรงลูกสาวจะไม่ตกลง จึงเรียกลูกสาวมาถาม ซึ่งเธอก็ยินดี
แล้วเรียกลูกเขยมาถาม ลูกเขยไม่อาจขัดความหวังดีของพ่อตาแม่ยาย
ก็ตกลงคนขายผักแต่งกับลูกสาวคนที่สองของเศรษฐีได้เพียง 3 ปี
ภรรยาคนใหม่ก็ป่วยตายอย่างกะทันหัน
ทุกคนในบ้านต่างเศร้าโศกเสียใจ ที่โศกเศร้าที่สุด ก็คือ ลูกเขย
บุตรสาวคนโตและคนที่สองต่างแต่งงานได้เพียง 3 ปี
ก็ตายเหมือนๆ กันอะไรเช่นนี้ หรือว่าชะตาชีวิตลิขิต

เศรษฐีเห็นลูกเขยเศร้าโศกมากรู้สึกเห็นใจ
จึงปรึกษาภรรยาว่าลูกคนเล็กโตเป็นสาวแล้ว ให้แต่งกับลูกเขยแล้วกัน
ภรรยาก็เห็นด้วย เศรษฐีจึงเรียกลูกสาวและลูกเขยมาถาม
ซึ่งทั้งคู่ต่างยินดีที่จะแต่งงานกัน

แต่งงานกันได้ 3 ปี ลูกสาวคนเล็กก็ถึงแก่กรรมอย่างไร้สาเหตุ

ในวันที่เศรษฐีและลูกเขยกำลังจัดการเรื่องงานศพอยู่
ขณะนั้นมีพระรูปหนึ่งมาบิณฑบาต
คุณนายกำลังกลุ้มใจก็กล่าวว่า “เคราะห์ร้ายอย่างนี้ ใส่บาตรไร้ประโยชน์
เศรษฐีปลอบใจภรรยาว่า “ลูกสาว 3 คนตายหมด เหลือแต่เราสองตายาย
คงเป็นกรรมเก่า นิมนต์อาจารย์ไปนั่งรอที่ห้องรับแขกก่อน
ฉันจะไปซื้อกับข้าวมาทำอาหารเจถวายก็เป็นกุศลอย่างหนึ่ง”

ท่านเศรษฐีออกไปครู่หนึ่ง คุณนาย เนื่องจากร้องไห้จนเหนื่อยอ่อน
จึงหลับไป ในความฝันได้ยินพระที่มาบิณฑบาต
กล่าวกับนางว่า “ในอดีตชาติสามีของโยมเป็นคนแจวเรือโดยสารข้ามฟาก
ส่วนลูกเขยของโยมเป็นพ่อค้าใหญ่
ครั้งหนึ่งเขานำเครื่องเพชรจำนวนมากจะไปเมืองหลวง
โดยได้ว่าจ้างเรือสามีโยมข้ามฟาก
คาดไม่ถึงว่าสามีโยมเห็นทรัพย์เกิดความโลภ
พอเรือไปถึงกลางแม่น้ำ ก็ผลักเขาลงแม่น้ำจมน้ำตาย
แล้วยึดเอาทรัพย์สินของเขาไป
ลูกสาว 3 คนของโยมตอนนั้นเป็นผู้โดยสาร ที่ร่วมมาในเรือลำเดียวกัน
สามีของโยมเกรงว่า พวกเขาอาจไปเปิดเผยความลับ
จึงปิดปากพวกเขาด้วยเงินคนละ 30 ตำลึง
ครั้นสามีของโยมตายแล้ว วิญญาณตกสู่ยมโลก
ยมบาลโมโหที่เขาฆ่าคนชิงทรัพย์อย่างเลือดเย็น
จึงตัดสินให้เขาตกนรกชั้นที่ 18 เสวยทุกข์
เมื่อครบกำหนดโทษก็ให้เกิดเป็นควายอีก 10 ชาติ
จนมาถึงชาตินี้จึงได้มาเกิดเป็นคนอีกครั้ง
สามีของโยมทรัพย์สมบัติในปัจจุบันล้วนเป็นของลูกเขยโยมทั้งสิ้น
ลูกสาว 3 คนของโยมก็คือผู้โดยสาร 3 คนนั่นในอดีตชาติ
เพราะว่ามีความโลภ ยมบาลจึงปรับ ให้พวกเขาเป็นภรรยาของเขาคนละ 3 ปี
กฎแห่งกรรมยุติธรรมเสมอ ทำไมยังต้องเสียใจอีก”

คุณนายตื่นขึ้นมา มองดูรอบๆ เมื่อครู่นี้ยังเห็นพระนั่งอยู่ในห้องรับแขก
แต่บัดนี้ไม่เห็นแล้ว ครู่ต่อมา เศรษฐีหิ้วตระกร้าผักกลับมา
คุณนายจึงเล่าเรื่องราวทั้งหมดกับสามี

เศรษฐีฟังจนขนลุกขนชัน แม้ว่าไม่มีหลักฐานพิสูจน์
แต่เมื่อนึกถึงเหตุการณ์ต่างๆ ที่ผ่านมา จะไม่เชื่อเลยก็คงไม่ได้
จึงได้ยกทรัพย์สมบัติทั้งหมดให้กับลูกเขย
แล้วออกบวชบำเพ็ญธรรม แสวงหาความหลุดพ้นจากเวียนว่ายตายเกิด



http://www.mindcyber.com/home/index.php?news=158

สาธุ สาธุ สาธุ
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวชมเว็บส่วนตัว
ไม้อ่อน
บัวพ้นดิน
บัวพ้นดิน


เข้าร่วม: 09 เม.ย. 2007
ตอบ: 62

ตอบตอบเมื่อ: 23 เม.ย.2007, 7:49 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

บาปกรรมมีจริง อนุโมทนา สาธุ
 

_________________
Image
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
แสดงเฉพาะข้อความที่ตอบในระยะเวลา:      
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
 


 ไปที่:   


อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
คุณไม่สามารถสร้างหัวข้อใหม่
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ
คุณไม่สามารถแก้ไขข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลบข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลงคะแนน
คุณ สามารถ แนบไฟล์ในกระดานข่าวนี้
คุณ สามารถ ดาวน์โหลดไฟล์ในกระดานข่าวนี้


 
 
เลือกบอร์ด  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  • สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทานธรรมะ  • หนังสือธรรมะ  • บทความ  • กวีธรรม  • สถานที่ปฏิบัติธรรม  • ข่าวกิจกรรม
นานาสาระ  • วิทยุธรรมะ  • เสียงธรรม  • เสียงสวดมนต์  • ประวัติพระพุทธเจ้า  • ประวัติมหาสาวก  • ประวัติเอตทัคคะ  • ประวัติพระสงฆ์  • ธรรมทาน  • แจ้งปัญหา

จัดทำโดย  กลุ่มเผยแผ่หลักคำสอนทางพระพุทธศาสนา ธรรมจักรดอทเน็ต
เพื่อส่งเสริมคุณธรรม และจริยธรรมในสังคม
เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2546
ติดต่อ webmaster@dhammajak.net
Powered by phpBB © 2001, 2002 phpBB Group :: ปรับเวลา GMT + 7 ชั่วโมง