Home
•
กระดานสนทนา
•
สมาธิ
•
สติปัฏฐาน
•
กฎแห่งกรรม
•
นิทาน
•
หนังสือ
•
บทความ
•
กวีธรรม
•
ข่าวกิจกรรม
•
แจ้งปัญหา
คู่มือการใช้
ค้นหา
สมัครสมาชิก
รายชื่อสมาชิก
กลุ่มผู้ใช้
ข้อมูลส่วนตัว
เช็คข้อความส่วนตัว
เข้าสู่ระบบ(Log in)
ได้ทำการย้ายไปเว็บบอร์ดแห่งใหม่แล้ว คลิกที่นี่
www.dhammajak.net/forums
15 ตุลาคม 2551
มาช่วยกันทำให้พุทธศาสนาเป็นศาสนาประจำใจ (พระไพศาล วิสาโล)
อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
:: ลานธรรมจักร ::
»
บทความธรรมะ
ผู้ตั้ง
ข้อความ
admin
บัวทอง
เข้าร่วม: 15 ธ.ค. 2004
ตอบ: 1886
ตอบเมื่อ: 20 เม.ย.2007, 10:26 pm
มาช่วยกันทำให้พุทธศาสนาเป็นศาสนาประจำใจ
โดย พระไพศาล วิสาโล
ความตกต่ำทางศีลธรรมของผู้คน รวมทั้งความซวดเซของพุทธศาสนาอย่างต่อเนื่องตลอดหลายทศวรรษที่ผ่านมา โดยส่วนหนึ่งเชื่อว่าเป็นผลจากการคุกคามจากภายนอก ได้ทำให้ชาวพุทธจำนวนมากมีความเห็นว่า ถึงเวลาแล้วที่จะต้องชูพุทธศาสนาให้กลับมามีความสำคัญในระดับชาติมาตรการหนึ่งก็คือ การเรียกร้องให้มีการบัญญัติในรัฐธรรมนูญอย่างเด่นชัดว่า พุทธศาสนาเป็นศาสนาประจำชาติ
แม้ว่าในอดีตพุทธศาสนาจะมีความสัมพันธ์อย่างแนบแน่นกับชนชาติไทยทั้งในทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมอย่างยากจะปฏิเสธได้ แต่ในปัจจุบันประเทศไทยนับวันจะห่างไกลจากคำสอนทางพุทธศาสนายิ่งขึ้นเรื่อยๆ เห็นได้จากปัญหาอาชญากรรมที่พุ่งไม่หยุด การคอร์รัปชั่นที่แพร่ระบาดไปทุกหย่อมหญ้าและทุกระดับ ความรุนแรงในครอบครัวโดยเฉพาะกับผู้หญิงและเด็ก การหมกมุ่นในอบายมุขและการสำส่อนทางเพศ การหลงใหลวัตถุจนถึงขั้นบูชาเงินและพึ่งพิงวิงวอนอิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์ จนไสยพาณิชย์ระบาดอย่างไม่เคยมีมาก่อน ทั้งหมดนี้ทำให้เกิดมีข้อกังขาว่าพุทธศาสนายังเป็นศาสนาประจำชาติอยู่อีกหรือ ?
ไม่เป็นการเสียหาย กลับเป็นการดีด้วยซ้ำ หากเราพยายามทำให้พุทธศาสนากลับมาเป็นศาสนาประจำชาติ แต่นั่นไม่สามารถเกิดขึ้นได้แม้แต่น้อยด้วยการเพิ่มข้อความดังกล่าวลงไปในรัฐธรรมนูญ ตรงกันข้ามอาจเกิดความฉงนสงสัยที่เพิ่มมากขึ้นในหมู่คนต่างชาติต่างศาสนาว่า ในเมื่อพุทธศาสนาเป็นศาสนาประจำชาติแล้ว แต่เหตุใดความตกต่ำทางศีลธรรมยังมีอยู่ทั่วประเทศไทย? พุทธศาสนาไม่ได้ทำให้คนไทยมีศีลธรรมสูงขึ้นเลยหรือ ?
หากจะทำให้พุทธศาสนากลับมาเป็นศาสนาประจำชาติอย่างแท้จริง มีทางเดียวเท่านั้นคือ ทำให้พุทธศาสนากลับมาเป็นศาสนาประจำใจของผู้คนให้ได้ ชาวพุทธจึงควรระดมสรรพกำลังเพื่อการนี้ยิ่งกว่าอย่างอื่น จริงอยู่พุทธศาสนาจะเป็นศาสนาประจำใจได้ ต้องอาศัยมาตรการต่างๆ มากมาย มิใช่แค่การเทศนาสั่งสอนเท่านั้น มาตรการเหล่านี้ควรได้รับการสนับสนุนจากรัฐด้วย เช่น การออกกฎหมาย การช่วยเหลือด้านงบประมาณและบุคลากร แต่บทบาทสำคัญของรัฐนั้นยังมีความสำคัญน้อยกว่าบทบาทของคณะสงฆ์และประชาชน การระบุไว้ในรัฐธรรมนูญว่าพุทธศาสนาเป็นศาสนาประจำชาติ อาจเป็นเงื่อนไขผูกมัดรัฐให้ทำการอุปถัมภ์พุทธศาสนาอย่างจริงจัง แต่แทบจะไม่สามารถขับเคลื่อนคณะสงฆ์หรือประชาชนให้ทำอะไรเพื่อพุทธศาสนาได้เลย
มักมีความเข้าใจว่าการที่พุทธศาสนาตกต่ำในเวลานี้ เป็นเพราะการปล่อยปละละเลยของรัฐบาล ดังนั้น ถ้ารัฐให้การสนับสนุนมากกว่านี้ พุทธศาสนาจะเจริญมั่นคงยิ่งขึ้น ไม่อ่อนแอซวนเซอย่างทุกวันนี้ หลายคนเรียกร้องให้รัฐบาลจัดหางบประมาณแก่สถาบันและกิจกรรมทางพุทธศาสนามากกว่านี้ คำถามก็คือทุกวันนี้วงการชาวพุทธขาดแคลนเงินทองจริงหรือ คำตอบก็คือไม่ได้ขาดแคลนเลย เงินทองที่สถาบันสงฆ์และวัดวาอารามได้รับจากประชาชนทั่วประเทศนั้นมีจำนวนมหาศาล คำถามต่อไปก็คือ เงินเหล่านั้นถูกใช้ไปกับเรื่องอะไรบ้าง คำตอบคือ ส่วนใหญ่หมดไปกับวัตถุโดยเฉพาะสิ่งปลูกสร้าง ในขณะที่เงินนับร้อยหรือพันล้านถูกใช้ไปกับการสร้างโบสถ์อันงดงามตระการตา แต่การศึกษาสำหรับพระเณร รวมทั้งการอบรมจริยธรรมสำหรับเยาวชนกลับขาดแคลนเงินทุนสนับสนุน แม้แต่อาหารสำหรับพระเณรในสำนักเรียนตามหัวเมืองก็ยังไม่เพียงพอ ในขณะที่บางวัดมีเงินหลายพันล้านบาท แต่หลายวัดทั่วประเทศกลับยากจน (แม้กระนั้นหมู่บ้านที่รายล้อมวัดดังกล่าวกลับมีเงินสำหรับอบายมุขทั้งเหล้าและหวยปีละหลายแสนบาท)
ปัญหาสำคัญที่สุดจึงมิได้อยู่ที่การขาดเงินหรือการปล่อยปละละเลยจากรัฐ แต่เป็นเพราะวงการชาวพุทธในทุกระดับไม่ตระหนักถึงปัญหาที่กำลังเกิดขึ้นกับพุทธศาสนาต่างหาก อีกทั้งยังขาดความร่วมมือในการฟื้นฟูพุทธศาสนาขึ้นมาในใจของผู้คน ลองคิดดูว่าพุทธศาสนาจะเจริญมากกว่านี้สักเพียงใด หากวัดวาอารามที่ร่ำรวยมีความเอื้ออาทรต่อวัดที่ยากจน เช่น ให้เงินสนับสนุนการศึกษาสำหรับพระเณรในชนบท หรือจัดส่งบุคลากรไปช่วยสอน ส่วนประชาชนก็เห็นคุณค่าของการศึกษาของพระเณร แทนที่จะปล่อยปละละเลยหรือสนใจสร้างวัตถุมากกว่า เพราะหวังโชคลาภ
จริงอยู่รัฐบาลที่ผ่านมาไม่ได้ให้ความใส่ใจเท่าที่ควรในเรื่องการพระศาสนา แม้กระนั้นสถานการณ์พุทธศาสนาจะไม่ซวดเซเท่านี้หากพุทธบริษัททุกฝ่ายตื่นตัวในหน้าที่ของตน เริ่มตั้งแต่มหาเถรสมาคมลงมา ตัวอย่างเช่น การศึกษาของสงฆ์ ซึ่งกำลังอยู่ในสภาพที่วิกฤต ทุกวันนี้คณะสงฆ์ยังไม่ได้พยายามอย่างเต็มที่เพื่อให้พระเณรได้รับการศึกษาอย่างทั่วถึง กลับปล่อยให้วัดต่างๆ ดูแลกันเอง คณะสงฆ์เพียงแต่จัดให้มีการสอบเท่านั้น แม้จะมีเสียงเรียกร้องให้ปฏิรูปการศึกษาของสงฆ์ แต่ก็ไม่เคยมีการดำเนินการอย่างจริงจัง ทั้งๆ ที่มหาเถรสมาคมมีความรับผิดชอบโดยตรง ในสภาพเช่นนี้ แม้รัฐจะใส่ใจเพียงใด ก็ยากที่จะทำให้การศึกษาของสงฆ์กระเตื้องขึ้นได้ ทั้งนี้ ยังไม่พูดถึงการปฏิรูปการปกครองสงฆ์ ซึ่งแม้รัฐบาลจะตราร่างพระราชบัญญัติฉบับใหม่ออกมาแล้ว แต่ก็ค้างคามาจนทุกวันนี้ เพียงเพราะความขัดแย้งในคณะสงฆ์เอง โดยมหาเถรสมาคมลอยตัวเหนือปัญหา
การพยายามผลักดันให้มีการตราในรัฐธรรมนูญว่าพุทธศาสนาเป็นศาสนาประจำชาติ มีพื้นฐานมาจากความคิดที่ว่า พุทธศาสนาจะเจริญมั่นคงหรือไม่ขึ้นอยู่กับรัฐเป็นสำคัญ แต่ในความเป็นจริงแล้ว รัฐเป็นแค่ปัจจัยสนับสนุนเท่านั้น ปัจจัยหลักอยู่ที่คณะสงฆ์และประชาชน ถ้าปัจจัยหลักไม่ขยับ รัฐก็ทำอะไรได้น้อยมาก ดังกรณีการปฏิรูปการศึกษาสงฆ์ ยิ่งในบางเรื่องด้วยแล้ว รัฐแทบจะทำอะไรไม่ได้เลย โดยเฉพาะเรื่องพื้นฐาน เช่น การทำให้วัดเป็นเขตปลอดเหล้า ทั้งๆ ที่เหล้ากับพุทธศาสนานั้นเป็นปฏิปักษ์กันโดยตรง แต่ปัจจุบันการกินเหล้าในวัดโดยเฉพาะเมื่อมีงานผ้าป่า งานกฐิน งานวัด หรืองานศพ เป็นเรื่องธรรมดามากในหลายวัดทั่วประเทศ ปัญหาอย่างนี้มีแต่พระสงฆ์กับชาวบ้านเท่านั้นที่จะแก้ได้ แต่หลายวัดก็ทำไม่ได้ สาเหตุสำคัญอยู่ที่วัดอ่อนแอ ส่วนชาวบ้านก็ไม่ใส่ใจ คำถามก็คือ หากพุทธศาสนาเป็นศาสนาประจำชาติในรัฐธรรมนูญแล้ว เหล้าจะหมดไปจากวัดหรือไม่?
ที่กล่าวมานี้ว่าเฉพาะปัญหาของพระสงฆ์อย่างเดียว ปัญหาของพุทธศาสนายังครอบคลุมไปถึงปัญหาความเสื่อมทางด้านศีลธรรมและคุณภาพชีวิตของประชาชน รัฐไม่ว่าจะทรงอำนาจเพียงใดก็ไม่สามารถทำให้พุทธศาสนาเป็นศาสนาประจำใจของประชาชนได้ ทำได้อย่างมากก็เพียงแค่บังคับให้คนเรียนวิชาศีลธรรมมากขึ้น ซึ่งที่ผ่านมาก็ได้พิสูจน์แล้วว่าไม่ได้ทำให้คนมีศีลธรรมมากขึ้นเลย แต่พูดเช่นนี้ไม่ได้หมายความว่ารัฐนั้นไร้น้ำยาหรือไร้ประโยชน์ ยังมีบทบาทหลายอย่างที่รัฐทำได้ แต่แทนที่จะคิดถึงการทำให้คนเรียนศีลธรรมหรือฟังเทศน์มากขึ้น ควรนึกไปถึงการทำให้ครอบครัวและชุมชนเข้มแข็ง ครอบครัวและชุมชนนั้นเป็นสถาบันทางศีลธรรมที่เคยมีความสำคัญมากในอดีต แต่ทุกวันนี้อ่อนแอลงไปมากจนไม่อาจทำงานได้เหมือนเก่า การสร้างกลไกทางสถาบันและกฎหมายที่ส่งเสริมให้ครอบครัวและชุมชนเข้มแข็งขึ้น (เช่น ช่วยให้พ่อแม่มีเวลาอยู่กับลูกมากขึ้น) เป็นสิ่งที่จะช่วยเสริมสร้างศีลธรรมของผู้คนได้เป็นอย่างดี การปฏิรูปสื่อมวลชนให้ปลอดพ้นจากอิทธิพลของบริโภคนิยม ก็เป็นหนึ่งในอีกหลายมาตรการที่รัฐควรทำ แต่มาตรการเหล่านี้เราสามารถผลักให้เกิดขึ้นได้ โดยไม่จำเป็นต้องมีการตราในรัฐธรรมนูญว่าพุทธศาสนาเป็นศาสนาประจำชาติ
การบัญญัติในรัฐธรรมนูญว่าพุทธศาสนาเป็นศาสนาประจำชาติ นอกจากจะไม่สามารถทำให้พุทธศาสนาเป็นศาสนาประจำใจได้แล้ว ยังทำให้ปัญหาต่างๆ ในแวดวงพุทธศาสนาไม่ได้รับการแก้ไขอย่างจริงจัง เพราะเป็นการฝากความหวังไว้กับรัฐมากเกินไป จนกลายเป็นการพึ่งพารัฐและเรียกร้องจากรัฐแต่ฝ่ายเดียว แทนที่จะหันมาร่วมมือกันในหมู่พระสงฆ์กับประชาชน (โดยมีรัฐเป็นฝ่ายสนับสนุน)
การบัญญัติว่าพุทธศาสนาเป็นศาสนาประจำชาติในรัฐธรรมนูญ นอกจากจะไม่ช่วยให้เกิดผลดีที่ตั้งใจแล้ว ยังอาจก่อให้เกิดปัญหาหลายอย่างตามมา ความแตกแยกระหว่างศาสนาเป็นประเด็นหนึ่งที่มีการพูดถึงมาก ปัญหาดังกล่าวจะไม่เกิดขึ้นเลย หากศาสนิกทั้งหลายนับถือศาสนาด้วยความใจกว้าง แต่สภาพการณ์ที่เป็นอยู่ไม่อาจทำให้เรากล่าวเช่นนั้นได้เต็มปาก เพราะการติดยึดกับความเห็นของตนจนไม่ยอมรับทรรศนะที่ต่างไปจากตนนั้น ปรากฏอยู่ทั่วไปโดยเฉพาะเมื่อมีอิทธิพลของชาตินิยมเข้าไปเกี่ยวข้อง การประกาศสาปแช่งหรือถึงขั้นขู่ทำร้ายคนที่มีความเห็นว่าศิลาจารึกหลักที่ 1 มิใช่เป็นผลงานของพ่อขุนรามคำแหงมหาราชก็ดี หรือเห็นว่าคุณหญิงโมมิได้ทำวีรกรรมอย่างที่เชื่อกันก็ดี หรือเห็นว่าไม่ควรกีดกันผู้หญิงให้เข้าไปบริเวณชั้นในของพระเจดีย์ที่มีพระธาตุอยู่ข้างในก็ดี (ข้อกล่าวหาอย่างหนึ่งที่นิยมใช้กันก็คือ คนเหล่านี้ "ไม่ใช่คนไทย") ปรากฏการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นอยู่บ่อยครั้งมากจนทำให้เกิดข้อสงสัยเกี่ยวกับขันติธรรมของคนไทยจำนวนไม่น้อยในปัจจุบัน
ประเด็นนี้เกี่ยวข้องกับเรื่องที่กำลังกล่าวถึงก็เพราะว่า หากพุทธศาสนาเป็นศาสนาประจำชาติในรัฐธรรมนูญ ก็ง่ายที่จะนำไปสู่ความคิดว่าเป็นไทยก็ต้องเป็นพุทธ และเมื่อยึดติดกับความคิดดังกล่าวอย่างขาดขันติธรรม ก็อาจปลุกเร้าให้เกิดความขัดแย้งกับคนที่ต่างศาสนา (หรือแม้แต่กับคนศาสนาเดียวกันที่คิดต่างกัน) เช่นการกล่าวหาว่าเขาไม่ใช่ไทย หรือเรียกร้องให้รัฐมีมาตรการที่เป็นบวกกับพุทธศาสนาแต่ส่งผลลบต่ออีกศาสนาหนึ่งโดยอ้างความเป็นไทย ปฏิเสธไม่ได้ว่าความยึดติดศาสนาอย่างขาดขันติธรรมนี้ไม่ได้เกิดขึ้นกับบางส่วนที่ถือตนว่าเป็นชาวพุทธเท่านั้น หากยังเกิดกับบางส่วนที่เรียกตนว่าเป็นชาวมุสลิม แม้คนเหล่านี้จะเป็นคนส่วนน้อย แต่ก็สามารถสร้างปัญหาร้ายแรงให้กับคนส่วนใหญ่ได้อย่างนึกไม่ถึง ดังที่กำลังเกิดขึ้นในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้
ไม่ว่าจะเห็นต่างกันอย่างไร ขันติธรรมเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่ง ไม่ว่าจะเห็นด้วยหรือไม่กับการทำให้พุทธศาสนาเป็นศาสนาประจำชาติในรัฐธรรมนูญ ก็ควรหลีกเลี่ยงการกล่าวหาหรือประณามกัน โดยเฉพาะหากทั้งสองฝ่ายยังถือตัวว่าเป็นชาวพุทธ อย่างน้อยไม่ควรโกรธเกลียดกัน เพราะนี้คือสิ่งที่ชี้ว่าเรามีพุทธศาสนาเป็นศาสนาประจำใจหรือไม่
............................................................
คัดลอกมาจาก
หนังสือพิมพ์มติชน รายวัน หน้า 6
คอลัมน์ มองอย่างพุทธ
วันที่ 15 เมษายน พ.ศ. 2550 ปีที่ 30 ฉบับที่ 10627
_________________
-- การให้ธรรมเป็นทาน ชนะการให้ทั้งปวง --
ดวงใจ
ผู้เยี่ยมชม
ตอบเมื่อ: 21 เม.ย.2007, 11:27 pm
สาธุ อย่างนี้จึงเรียกได้ว่าเป็นพระที่น่านับถือ ชี้นำพุทธศาสนิกชนให้เข้าใจแก่นของพุทธไม่ใช่กระพี้อย่างที่กำลังมีม๊อบผ้าเหลืองออกมาเรียกร้อง
ลูกโป่ง
บัวแก้ว
เข้าร่วม: 01 ส.ค. 2005
ตอบ: 4089
ตอบเมื่อ: 23 เม.ย.2007, 10:44 am
สาธุ สาธุ สาธุ
เจริญในธรรมยิ่งๆขึ้นไปนะคะ
ธรรมะสวัสดีค่ะ
แสดงเฉพาะข้อความที่ตอบในระยะเวลา:
แสดงทั้งหมด
1 วัน
7 วัน
2 สัปดาห์
1 เดือน
3 เดือน
6 เดือน
1 ปี
เรียงจากเก่า-ใหม่
เรียงจากใหม่-เก่า
:: ลานธรรมจักร ::
»
บทความธรรมะ
ไปที่:
เลือกกลุ่ม บอร์ด
กลุ่มสนทนา
----------------
สนทนาธรรมทั่วไป
แนะนำตัว
กฎแห่งกรรม
สมาธิ
ฝึกสติ
การสวดมนต์
การรักษาศีล-การบวช
ความรัก-ผูกพัน-พลัดพลาก
กลุ่มข่าวสาร-ติดต่อ
----------------
ข่าวประชาสัมพันธ์
ธรรมทาน
รูปภาพ-ประมวลภาพกิจกรรมต่างๆ
สำหรับนักเรียน นักศึกษา ขอความรู้ทำรายงาน
แจ้งปัญหา
รูปภาพในบอร์ด
กลุ่มสาระธรรม
----------------
หนังสือธรรมะ
บทความธรรมะ
นิทาน-การ์ตูน
กวีธรรม
นานาสาระ
ต้นไม้ในพุทธประวัติ
วิทยุธรรมะ
ศาสนสถานและศาสนพิธี
----------------
สถานที่ปฏิบัติธรรม
วัดและศาสนสถาน
พิธีกรรมทางศาสนา
พุทธศาสนบุคคล
----------------
พระพุทธเจ้า
ประวัติพระอสีติมหาสาวก
ประวัติเอตทัคคะ (ภิกษุณี, อุบาสก, อุบาสิกา)
สมเด็จพระสังฆราชไทย
ประวัติและปฏิปทาของครูบาอาจารย์
ในหลวงกับพระสุปฏิปันโน
อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
คุณ
ไม่สามารถ
สร้างหัวข้อใหม่
คุณ
ไม่สามารถ
พิมพ์ตอบ
คุณ
ไม่สามารถ
แก้ไขข้อความของคุณ
คุณ
ไม่สามารถ
ลบข้อความของคุณ
คุณ
ไม่สามารถ
ลงคะแนน
คุณ
สามารถ
แนบไฟล์ในกระดานข่าวนี้
คุณ
สามารถ
ดาวน์โหลดไฟล์ในกระดานข่าวนี้
เลือกบอร์ด •
กระดานสนทนา
•
สมาธิ
•
สติปัฏฐาน
•
กฎแห่งกรรม
•
นิทานธรรมะ
•
หนังสือธรรมะ
•
บทความ
•
กวีธรรม
•
สถานที่ปฏิบัติธรรม
•
ข่าวกิจกรรม
นานาสาระ
•
วิทยุธรรมะ
•
เสียงธรรม
•
เสียงสวดมนต์
•
ประวัติพระพุทธเจ้า
•
ประวัติมหาสาวก
•
ประวัติเอตทัคคะ
•
ประวัติพระสงฆ์
•
ธรรมทาน
•
แจ้งปัญหา
จัดทำโดย กลุ่มเผยแผ่หลักคำสอนทางพระพุทธศาสนา ธรรมจักรดอทเน็ต
เพื่อส่งเสริมคุณธรรม และจริยธรรมในสังคม
เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2546
ติดต่อ
webmaster@dhammajak.net
Powered by
phpBB
© 2001, 2002 phpBB Group :: ปรับเวลา GMT + 7 ชั่วโมง
www.Stats.in.th