ผมมันโง่เกินไปหรือปล่าว

ตอบเมื่อ: 26 ก.พ.2007, 12:58 pm

ผมเกิดวันที่ 6 พฤศจิกายน พ.ศ.2517
ผมเคยทำงานอยู่ที่โรงงานแห่งหนึ่งแถวภาคตะวันออก
เป็นโรงงานทำเกี่ยวกับอุตสาหกรรมรถยนต์
และได้รู้จักกับนักศึกษาฝึกงาน ( วุฒิ ป.โท )
ที่ได้รับทุนจากสถาบันที่มีชื่อเสียงแห่งหนึ่ง ( ติดระดับประเทศ )
เธอมาฝึกงานอยู่ที่บริษัทผม และทางผู้จัดการโรงงาน
ได้ให้ผมเป็นที่ปรึกษาเธอช่วยแนะนำเกี่ยวกับเรื่องต่างๆ
เธอเป็นลูกครึ่งจีน-ไทย หน้าตาออกแนวหมวยๆ
ช่างพูดช่างถาม เฉลียวฉลาด ขยันศึกษาหาความรู้ นิสัยดี หน้าตาหน้ารักมาก ผิวขาว หุ่นดี
ผมได้คบหาดูใจกับเธอประมาณปีเศษ (ตามโครงการที่เธอเรียนจะต้องฝึกงานเพื่อทำวิจัยประมาณ 2 ปี )
ผมก็ตกหลุมรักเธอและเธอเองก็รักผมมากเช่นกัน ( เพราะความน่ารักของเธอ และเธอเองก็ยังไม่มีแฟน เพราะเธอไม่มีเวลา เรียกว่าเรียนหนังมาก
(เธอเรียนด้านวิศวะ-โลหการฯมาครับ )) ช่วงนั้นเราทั้งคู่มีความสุขมาก และผมได้หมั้นกับเธอไว้ (ตกลงกันเองผู้ใหญ่ยังไม่ได้รับรู้ )
ผมเองได้บอกเธอว่าถ้าเธอเรียนจบแล้วผมจะแต่งงานกับเธอ ถัดจากนั้นประมาณ 4-5 เดือน หรือประมาณปลายปี 2546 ทางโรงงานที่ผมทำอยู่เกิดปัญหาขึ้นมา
เนื่องจากการปรับปรุงโรงงานและมีแนวโน้มจะย้ายโรงงานไปอยู่ที่ประะเทศจีน ทำให้ช่วงตอนนั้นพนักงานในแต่ละฝ่ายก็บีบกันสุดขีดเพื่อเอาตัวเองรอด
ผมเอง (ไม่รู้ว่าโชคร้ายหรือดี -ได้ไปดูดวงกับหมอดูแถวภาคอีสานคนหนึ่งได้บอกว่าช่วงนี้ชะตากรรม ผมตกหนักให้ลาออกจากงาน
ถ้าไม่ลาออกจากงานจะเกิดการฟ้องร้องกันขึ้นมาถึงกับติดคุกติดตะราง (สมัยนั้นผมต้องทำงานเกี่ยวกับงานพวกวางแผนการผลิต พัฒนาและปรับปรุงองค์กร พัฒนาผลิตภัณฑ์ )
และบอกว่าผู้หญิงที่ผมคบอยู่ตอนนี้ (น้องหมวย) จะนำมาซึ่งความยุ่งยากใจและบอกว่าเธอเป็นผู้หญิงกาลี มากชู้หลายผัวให้ผมเลิกคบ ถ้ายังคบกันตอนไปผมจะต้องเลี้ยงลูกให้เธอ
(เป็นลูกคนอื่นด้วย )และพอผ่านเดือน สิงหาคม 2547 ไปแล้วดวงชะตาผมจะดีขึ้นได้งานดีกว่าเดิมอีกหลายเท่าตัว ) ซึ่งตอนนั้นผมจิตใจว้าวุ่นมากเพราะเรื่องงานก็เครียด
เป็นทุนเดิมอยู่แล้วจึงหลงเชื่อคำบอกกล่าวของหมอดู จึงได้ลาออกจากงาน (ช่วงวันที่ผมลาออกจากงานนั้น น้องหมวยเธอไม่อยู่ เธอต้องลงมา Present ข้อมูลที่กรุงเทพ
แต่คนสนิทผมที่อยู่ที่โรงงานเก่าโทรมาแจ้งว่า เธอเสียใจมากร้องไห้จนตาบวมและไม่ได้ไปทำงานหลายวัน และพยายามถามหาเบอร์โทรศัพท์ผม เพราะผมยกเลิกเบอร์โทรเก่าหมด
ผมกับเธอคบกันแบบแฟน แต่เรายังไม่มีอะไรกัน เพราะผมให้เกียรติเธอมากและรู้ว่าถ้าผมขอเธอก็คงไม่ปฏิเสธ) จากนั้นมาตั้งแต่ผมลาออกชีวิตก็ลุ่มๆๆดอนๆๆๆ มาตลอด
เงินที่เคยมีอยู่ก็เอามาลงทุนทำธุรกิจก็ได้กำไรบ้าง ขาดทุนบ้าง แต่ก็เรียกว่าได้ไม่คุ้มเสีย และถ้าจะไปหางานใหม่ ผมก็มีอายุได้ 32 ปี จะเริ่มต้นใหม่คงสู้เด็กรุ่นหลังไม่ได้
ซึ่งผมเองตอนนี้พึ่งได้งานเป็นแค่พนักงานรัฐซึ่งบอกตามตรงว่ากระจอกมากๆๆๆ เมื่อเทียบกับงานในอดีต และผมเองก็ยังโดยส่วนลึกๆๆ แล้วยังคิดถึงน้องหมวยของผมมาก
และคิดถึงเธอตลอดเวลา รู้สึกว่าตัวเองผิดมากเหลือเกิน และตำหนิตัวเองมาตลอดว่าผมไม่น่าโง่ไปหลงกลหมอดูคนนี้เลย ทำให้ผมต้องสูญเสียทุกอย่าง ผมพยายามติดตามข่าวเธอมาตลอด
ทราบว่าตอนนี้เธอทำงานเป็นนักวิจัยอยู่ที่กระทรวงวิทย์และยังโสด (เพราะเธอเคยบอกผมว่า เธอรักผมมากและถ้าเธอจะมีสามี ก็ขอมีผมเพียงคนเดียวเท่านั้น )

ผมโง่เกินไปหรือปล่าวที่ไปหลงลมเชื่อคำพูดของหมอดูคนนี้และทำร้ายจิตใจของคนที่ผมรัก
และถ้าผมจะกลับไปเริ่มต้นกับเธอจะเป็นไปได้หรือไม่ (เพราะตอนนี้ผมเทียบกับเธอไม่ได้เลย)
เธอจะยังรักผมอยู่หรือเปล่า ผมควรจะเริ่มต้นชีวิตใหม่แบบไหนกันดี
ผมโง่มากเลยใช่มั๊ย

ตอบเมื่อ: 26 ก.พ.2007, 1:18 pm

ไม่เฉพาะแต่คุณเท่านั้นที่เชื่อหมอดู หรือโหราพยาพิเพก ตามเวบธรรมะต่างๆ ก็เชื่อและหลงๆกันอยู่เยอะไม่น้อย เพราะขาดหลักยึด ทั้งที่เปนพุทธนั่นล่ะ ต่อไปให้เชื่อการกระทำดีเข้าไว้ ถ้ายังไม่รู้ว่าดีคืออะไร ก็ คือไม่เบียดเบียนตนและผู้อื่น จำคร่าวไว้เท่านี้ก็พอ

การจะกลับไปหาเธอคนนั้น อยากรู้ว่าเค้ายังรักอยู่หรือไม่ก็ลองติดต่อดูสิ จะได้รู้กันไปเลย มัวแต่เก็งอยู่ว่ารักไม่รัก เสียสุขภาพจิตเปล่าๆ จงพิสูจน์ด้วยการทำ

ถ้าเขาไม่รักเราแล้ว หรือเขามีคนใหม่ เราก็อยุ่ของเราไม่เปนตายเลย

ตอบเมื่อ: 26 ก.พ.2007, 2:49 pm

สรุป ....หมอดูคู่หมอเดา ส่วนมากรู้ได้แค่ความคิด บางคนไม่ได้ปฏิบัติก็วิ่งหาแต่หมอดู พอเค้าล่วงรู้ความคิดได้ก็คิดว่าอัศจรรย์ ก็ติดคิดนั่นแหละ หมอดูก็คิด คิดแล้วบอกต่อ คนมาดูก็คิดต่อจากหมอดู ยังอยู่ตรงความคิด มันก็ปรุงแต่งกันต่อไป ตราบใดที่ปัญญายังไม่ปรากฏก็พลิกสถานการณ์ไม่ได้ มันแค่ความคิด ไม่ใช่ปัญญา ล้วนก่อกรรมทั้งสิ้น ปฏิบัติธรรมก็เช่นเดียวกัน ที่ว่ารู้ รู้ตรงไหน รู้แล้วได้อะไร รู้แล้วเป็นบาทฐานสู่ปัญญาหรือไม่ รู้แล้วหลงรู้ว่าใช่ แต่นำรู้นั้นมาเป็นประโยชน์ต่อการเข้าไปรู้หรือไม่ ตกลงรู้อะไร รู้ตรไหน รู้เพื่ออะไร

เจริญในธรรม

มณี ปัทมะ ตารา

ผีเสื้อ

ตอบเมื่อ: 26 ก.พ.2007, 7:20 pm

เห็นด้วย เห็นด้วย พิสูจน์ ด้วยการกระทำ เลย ครับ อย่านำมาฝังใจเลย เป็นคนรักคู่เคียงกันไม่ได้ ก็เป็นเพื่อนที่ดีต่อกันแทน ไม่เห็นจะมีอะไรเสียหายนี่ ครับ

ผู้เยี่ยมชม

สิ่งที่มันผ่านมาอย่าไปคิดถึงมัน มันเป็นเพียงชัวแวบเดียว เรื่องแบบนี้เขาก็มีกันทุกคนแหละ
บางคนอาจมากกว่า เธอ เสียอีก ธรรมดานะ แต่คุณไม่ได้โง่นะ ทุกอย่างในโลก กลม ใบนี้เกิดจาก เรา ตัวเรา นี้แหละเป็นคนกำหนด ฟ้าดินอะไรก็ช่วยเราไม่ได้ สิ่งที่เห็นสิ่งที่เป็นปัจจุบันนี้เรากำหนดมันเอง เรื่องของความรักเป้นเรื่องที่ละเอียดอ่อน จงไปตามหาความรัก หาเธอ คนที่นายรักนะ ถ้าเขายังไม่มีแฟนนะ ไม่ต้องสนใจเรื่องความสูงต่ำของหน้าที่การงาน ความรักไม่มีคำว่าสูงต่ำนะถ้าคนคนนั้นรู้จักคำว่า ความรักดีพอ ไปสะไปหาหัวใจนาย
โชคชะตาฟ้ากำหนด แต่ชีวิตนี้ข้าขอกำหนดเอง
หมาดำ นครสวรรค์

ผู้เยี่ยมชม

หมอดู เขาก็อยู่ของเขา เขาก็ทำหน้าที่ของเขา แล้วเราทำหน้าที่เรายังละ
หากอะไรมันไม่สายเกินแก้ ก็จงกลับตัวใหม่
แต่หากมันผ่านไปแล้ว ก็จงเก็บไว้เป็นเครื่องเตือนใจ ห้ามนำมาทำร้ายใจตัวเอง

ใครบ้างละเกิดมาไม่เคยผิดผลาดอะไรเลย แต่ใครบ้างละจะยอมรับความผิดผลาดที่เกิด

การมี ก็จบด้วยการไม่มี การไม่มี ก็จบด้วยการมี
หากพ้นได้จากสองสิ่งนี้ ความสุขแท้จริงจะปรากฏ

ความสุข ความทุกข์ไม่มี เราแสวงหาเอาเอง
บาปบุญ เป็นเงาตามตัว

ตอบเมื่อ: 03 มี.ค.2007, 1:51 am

เชื่อหมอดูมากก๊แต่งกับหมอดูเลยก๊ดีนะครับ
ทุกอย่างเริ่มใหม่ได้ ตราบใดที่ดินยังไม่กลบหน้า ชีวิตเป๊นของคุณเลือกเองเลยครับ

ตอบเมื่อ: 20 เม.ย.2007, 3:44 pm

ผมว่าคุณไม่โง่นะในทางโลกเพราะจะเป็นการให้กำลังใจกันได้ใครก็เป็น คนเราโง่ไม่เหมือนกัน

แต่ถ้าทางธรรมเมือไรละก็ คุณก็คือคนโง่คนหนึ่งที่ไม่ต่างอะไรกับผมหรือทุกคนที่ไม่เคยอยู่กับสภาวะปัจจุบันขณะที่ไหลเลื่อนเคลื่อนตัวอยู่ตลอด นั้นก็คือ อวิชชา ความไม่รู้ คือความไม่รู้ในปัจจุบันเป็นเหตุให้คิดปรุงแต่งไปต่างๆนานา(ปฏิจจสมุปบาท)แค่นั้นเอง คุณคิดว่าคุณโง่คุณก็โง่จริงๆ
แล้วเป็นเหตุให้ชาติต่อไปต้องมาคิดแบบนี้อีก

May the Dhamma be with you. ขอธรรมจงสถิตอยู่กับท่าน

ผู้เยี่ยมชม

มีหมอดูแถววัชรพล อย่ใกล้ 5 แยกนั้นแหล่ะ ไปดูให้ทั้งในวัง นอกวัง ต่างประเทศ ญาติเราชอบไปดู โห..เธอดูเก่งมาก เหมือนตาเห็นเลย เขาดูของญาติตรงจะ จะ เลย แถมใส่คนที่มาก่อนหน้าเราว่า เธอคนนี้ไม่ศรัทธาเรา แต่จะมาลองของ ผู้หญิงคนนั้นหน้าซีดเลย หมอดูบอกว่า..ให้ไปปฏิบัติธรรมที่วัดอัมพวัน-หลวงพ่อจรัลซะ เราฟังเลย..เอ่อ...ใช้ได้เลยแฮ่ะ งั้นขอดูด้วยละกัน

กรรม หรือว่า เวรของเรา...รึของหมอดู ล่ะคราวนี้...????

หมอดูให้หยิบใบไม้มาที่วางไว้ที่โต๊ะ เราก็หยิบ อย่างละ 3 ทั้งหมด 9 ใบ...พอหมอดูเห็นเราหยิบใบไม้ก็หน้าหงิก พอส่งใบไม้ให้ยิ่งไม่พอใจ โกรธซะงั้น ถามเราว่า..ทำไมต้องเลือกแบบนี้

เราก็งง..อ๊าวว..ไหนบอกว่า หยิบใบอะไรก็ได้ 9 ใบ เลยถามว่า..ทำไมค่ะ แม่หมอ

เธอพาลพะโล..ไม่อยากดูให้แล้วล่ะ เราก็งงใหญ่ อ๊าววว..ก็เห็นดูคนอื่น แม๊น แม่น ตรงจะ จะ แบบตาเห็น ม่ายกะเราเหมือนตาบอดซะงั้นล่ะ

ที่แท้..เธอโกรธที่เราหยิบใบไม้แบบนี้ คือ ขณะเราหยิบจิตก็ระลึกถึงพระพุทธ 3 พระธรรม 3 พระสงฆ์ 3 งานนี้ผีองค์ทรงเจ้าหมอดูแพ้ทาง เลยตาบอด...ดูไม่ออก เครียดเกลียดขี้หน้าเราขึ้นมาเฉยเลย มองไม่เห็นขณะนั้นเราบอกว่าเราท้อง 4 เดือน หมอดูบอกว่า..ไม่เห็นเด็กเลย อ๊าวว..ก่ำเลย กลายเป็นว่า..ดูอะไร ถามอะไร ตอบไม่ได้ แถมโกรธ ว่าเราอีก ว่าทำไมถึงต้องหยิบใบไม้แล้วนึกอย่างนี้ เราเลยไม่ถง ไม่ถาม ไม่อยากคุย แถมต้องจ่ายเงิน 300 อีก เสียดายมาก รู้งี้เอาไปทำบุญยังได้บุญอีก

ตั้งแต่นั้นมา ถ้าใครจะดูเราขอให้ดูว่า เรามีเงินกระเป๋าเท่าไร ตังร้อย ตังเหรียญเท่าไร เราถึงจะดู ไม่งั้นเราไม่เชื่อ แต่เจอท่านปฏิบัติท่านหนึ่ง พอเห็นหน้าเราท่านบอกว่า..ลูกแกน่ะ เคยเป็นลูกข้ามาก่อน ท่านถามวัน/เดือน/ ปี เกิดของเรา-สามี แปลกน่ะ ท่านบอกวัน/เดือน/ปี เกิดของลูกเราตรงเป่เลย เราตาค้างเลย ท่านสอนวิธีดูจิตให้ด้วย ท่านว่ารู้เห็นอะไรอย่าไปยึด ไปติดมันน่ะ เพราะมันไม่ใช่หนทางหลุดพ้น ท่านรู้ว่าขณะนี้เรามักจะออกรู้ ออกเห็น สร้างความรำคาญให้ยิ่งนัก เพราะไม่อยากรู้ อยากเห็น อยู่มันก็เป็นเอง พอท่านชี้แนะ เราเหมือนผงเข้าตา บุญเราที่ท่านมาเคี่ยให้แท้ๆ

ตอบเมื่อ: 01 ก.ย. 2008, 1:04 am

คนที่รู้ตัวว่าตนเองโง่ ยอมรับว่าตนเองโง่ ไม่ถือว่าโง่หรอกค่ะ
เป็นกำลังใจให้นะคะ

ตอบเมื่อ: 29 ก.ย. 2008, 8:43 pm

โทรหรือติดต่อไปอธิบายทุกอย่างให้น้องเขาฟังหรือยังคะ
น้องเขาอาจตั้งตารอคำอธิบายของคุณอยู่ก็ได้ ลองให้โอกาสตัวเองสิคะ
ลืมความผิดพลาดไปได้เลยคะ อย่าเสียดายนมที่หกไป อย่าให้สิ่งที่คุณแก้ไขไม่ได้แล้วมาคอยทิ่มแทงใจคุณอยู่หลายปี
ขอให้สมหวังในความรักกับน้องเขานะค่ะ
สู้ สู้