Home  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  •  สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทาน  • หนังสือ  •  บทความ  • กวีธรรม  • ข่าวกิจกรรม  • แจ้งปัญหา
คู่มือการใช้คู่มือการใช้  ค้นหาค้นหา   สมัครสมาชิกสมัครสมาชิก   รายชื่อสมาชิกรายชื่อสมาชิก  กลุ่มผู้ใช้กลุ่มผู้ใช้   ข้อมูลส่วนตัวข้อมูลส่วนตัว  เช็คข้อความส่วนตัวเช็คข้อความส่วนตัว  เข้าสู่ระบบ(Log in)เข้าสู่ระบบ(Log in)
 
ได้ทำการย้ายไปเว็บบอร์ดแห่งใหม่แล้ว คลิกที่นี่
www.dhammajak.net/forums
15 ตุลาคม 2551
 ทำไมความรักจึงเป็นความทุกข์ อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
ผู้ตั้ง ข้อความ
sununta piyatassananond
บัวผลิหน่อ
บัวผลิหน่อ


เข้าร่วม: 27 มี.ค. 2007
ตอบ: 1

ตอบตอบเมื่อ: 27 มี.ค.2007, 7:55 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

เศร้า

รัก....คำนี้ดูดี แต่ทำไมจึงต้องเจ็บปวด อยากลืมให้หมด ช่วยบอกอะไรก็ได้ เหมือนอยู่คนเดียว อ้างว้าง ขอบคุณนะคะ
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
ปุ๋ย
บัวเงิน
บัวเงิน


เข้าร่วม: 02 มิ.ย. 2004
ตอบ: 1275

ตอบตอบเมื่อ: 28 มี.ค.2007, 2:06 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ปัญหาเรื่องความรัก เป็นปัญหาธรรมดาของหนุ่มสาว และเกิดในช่วงชีวิตหนึ่งของมนุษย์ทุกคน ความทุกข์ที่เกิดขึ้นเกี่ยวกับอุปสรรคต่างๆ ที่เกิดขึ้นกับความรักของตนเอง

ปัญหาเหล่านี้มักเกิดกับเด็กที่อ่อนต่อโลก ไม่ว่าจะเป็นหญิงหรือชาย ผู้ใหญ่บางคนที่อ่อนต่อโลกก็มี ธรรมดาชีวิตของคนเราที่มีอยู่ในโลกนี้ ถ้ารู้จักใช้ชีวิตแล้วก็เป็นประโยชน์เกิดผลดีมากอยู่ ถ้าเราสามารถตัดเอาความทุกข์ที่เกิดขึ้นในชีวิตนี้ให้ออกไปเสีย อย่ามาปะปนกันและใช้ชีวิตให้เป็นประโยชน์ต่อส่วนรวมก็จะเป็นประโยชน์อย่างมาก

หากเราคิดสักนิดว่า ชีวิตเรานี้แม้จะไม่สมหวังในสิ่งที่เราต้องการ ซึ่งมันอาจจะเป็นความรู้สึกผิดหวังในจิตใจชั่วขณะหนึ่ง สิ่งทั้งหลายเหล่านั้นเป็นแต่เพียงเรื่องผิดพลาดเล็กน้อยในชีวิตเท่านั้น

ความทุกข์ที่เกิดจากความรัก ราคะจริตนั้น ตัดทำลายได้ยากมาก เว้นเสียแต่จะแปรเปลี่ยนรักแบบมนุษย์ทั่วไปที่เต็มไปด้วย โมหะ โทสะ โลภะ ราคะ ให้เป็นรักที่เปี่ยมไปด้วยความเมตตา กรุณา สงสารในมนุษย์ด้วยกัน ทุกคนแปรเปลี่ยนได้

ความรักที่บริสุทธิ์ จะกลั่นออกมาเป็นหยดแห่งมหาเมตตา มหากรุณา เมื่อถึงสภาวะนั้นก็จะพบความสว่างเพื่อก้าวเดินต่อไป หาใช่หยุดอยู่แค่ตรงนั้นไม่ ณ สภาวะธรรมนั้น จะเกิดปัญญาแห่งการสร้างสรรค์ทั้งในการเรียน การงาน ตลอดจนการดำรงชีวิตของตนเอง และสามารถใช้ชีวิตให้เป็นประโยชน์ทั้งส่วนตนและส่วนท่านได้อย่างสมบูรณ์

ธรรมะสวัสดี

มณี ปัทมะ ตารา

....อ่านต่อตามลิ้งค์ด้านล่าง เคยมีกระทู้ถาม

http://www.dhammajak.net/board/viewtopic.php?p=3653
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวMSN Messenger
แสงสว่าง
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 28 มี.ค.2007, 9:10 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

เมื่อทุกข์ ก็อย่ารักสิ
 
วัฒนา
บัวผลิหน่อ
บัวผลิหน่อ


เข้าร่วม: 08 ธ.ค. 2006
ตอบ: 8
ที่อยู่ (จังหวัด): สมุทรปราการ

ตอบตอบเมื่อ: 28 มี.ค.2007, 12:04 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

สวัสดีครับ ยิ้ม

รัก....คำนี้ดูดีอย่างที่คุณว่าล่ะครับ Love แต่ยังคงไม่พอ น่าจะมีความเมตตา กรุณา มุทิตา ต่อกัน เมื่อทุกข์มาก็ไม่ซ้ำเติมกันให้ช้ำใจครับ แต่ก็จริงครับ เป็นธรรมดาของโลกครับ มีสุข ก็มีทุกข์ มีรัก ก็มีชัง มีสรรญเสริญ ก็มีนินทา เกิดมาเป็นคนต้องประสบพบเจอ ใช่แต่เราเท่านั้น แต่เวลาหรือชีวิตที่เหลืออยู่ของเราต่างหาก เป็นสิ่งสำคัญว่าเราจะใช้ให้คุ้มค่าและมีคุณค่าต่อ เราเอง พ่อ แม่ พี่ น้อง คนรอบข้างเราอย่างไร ถ้าคิดให้ดีชีวิตนี้ช่างน้อยจริง ยังมีผู้ที่ทุกข์เสียยิ่งกว่าเราหลายเท่า เขาอาจกำลังเป็นหนี้อย่างแสนสาหัส บางคนอาจกำลังดูแลครอบครัวที่กำลังป่วยหนักอยู่เพียงลำพัง หรือบางคนอาจกำลังนอนรอความตายที่โรงพยาบาล เด็กที่ถูกพ่อ แม่ทอดทิ้ง.....เมื่อเราเข้มแข็งพอ เรามีเวลาเหลือพอการเสียสละของเราอาจช่วยให้เขาพ้นทุกข์ ไม่ว่าจะเป็นทางกาย หรือทางใจไม่มากก็น้อย เมื่อเขาเหล่านั้นสุข เราก็พลอยสุขไปด้วย ลืมทุกข์ที่เรามี แล้วเราก็จะเริ่มมองเห็นคุณค่าในตัวเองอีกด้านหนึ่ง ที่ใครคนนั้นเขามองไม่เห็นครับ

วัฒนา ยิ้ม
 

_________________
รักตัวเองเป็นแล้ว ให้รักผู้อื่นด้วย
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
ปาล
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 28 มี.ค.2007, 2:28 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

คำว่า "รัก" ทำไมถึงทุกข์เหรอ ? คุณทุกข์ตอนไหนรู้เปล่า ? เคยสังเกตุตัวเองไหม ?

จะบอกให้ ทุกข์ตอนที่ต้องพลัดพรากจากคนรัก ไม่ได้เขามาเป็นของเรา ทุกข์ตรงที่ไม่ได้จับจอง

คนที่มีความสมหวังในความรัก (รักแบบหนุ่มสาว) ก็คือในทางกลับกันกับข้อความข้างบน คือ ยังไม่ได้พลักพรากจากกัน ได้เขามาเป็นของเราอยู่ ฯลฯ จะบอกให้คุณ สุดท้ายนะ ถึงจะสมหวังหรือไม่สมหวัง ถึงที่สุดแห่งชีวิตแล้ว (ตาย) ก็ต้องทุกข์ คือเสียใจร้องห่มร้องให้อยู่ดี นี่ละ ทุกข์ของความรักคือ ต้องพลัดพราก ต้องห่วง ต้องใย ต้องคิดถึง สารพัด ฯลฯ ได้มาก็ดีใจ ไม่ได้สมเจตนาก็เสียใจ

จะเอาเเบบไหนละคุณ ให้เลือก จะรักหรือจะไม่รักละ มีต้นไม้ สองต้น ต้นหนึ่งร่มเย็นใบดกหนาน่านอน อีกต้นนึง ใบโกร๋น จะเลือกนั่งพักต้นไม้ต้นไหนดีละ

คนน่ะนะ ถึงรู้ก็ยังทำ ไอ้เรื่องเหตุแห่งความทุกข์เนี้ยยยย รู้ว่าอะไรไม่ดี อะไรที่มันจะนำความทุกข์มาให้ก็ยังจะทำอีก มันก็เลยมานั่งเศร้ากันอย่างนี้ละ ผมไม่ได้บอกให้เลิกรักนะ แต่ว่า

เมื่อเราเข้าใจสภาวะของความรักแล้ว ว่า มีทั้งทุกข์ ทั้งสุข (ไม่ยั่งยืนหรอก นิดๆ หน่อยๆ สองสามนาที) แล้วละก็ช่างใจดูว่า ได้อะไรจากมัน จำเป็นแค่ไหน คุ้มค่าไหม ? กับชีวิตที่เกิดมา เราจะเอาอะไรชีวิตนี้ เมื่อรู้ดังนี้แล้ว คุณก็เลือกสิ่งดีๆ ให้ชีวิตคุณซะ จะได้สะบายใจ ที่เขาเรียกว่า "ทางแห่งความสุข" คุณหามันหรือยัง ถ้ายังไม่หาให้กับตัวเอง คุณก็จะเศร้าและทุกข์เรื่อยๆๆๆ ไป ไม่มีที่สุด หาที่สุดไม่ได้ ขอบอก
 
นันท์นลิน/คนที่เคยล้ม
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 28 มี.ค.2007, 4:00 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ความรักไม่เคยทำให้คนเป็นทุกข์เลย แต่เราต่างหากล่ะที่ทำให้มันเป็นทุกข์ เพราะเราคาดหวังจากมัน ต้องการให้เป็นอย่างนั้น อย่างนี้ ยึดมั่น ถือมั่น ว่าเป็นเจ้าของมัน พอมันไม่เป็นไปตามนั้นมันจึงทุกข์ ขอให้เข้าใจธรรมชาติก่อนน่ะว่าทุกสิ่งทุกอย่างเกิดขึ้นได้เป็นของธรรมดาและทุกสิ่งทุกอย่างก็ดับเองได้เป็นของธรรมดา เราจะยึดถือว่าเป็นของของเราไม่ได้เราถือเมื่อไรเราก็ทุกข์เมื่อนั้นแหละ ความสุข ความหวานของความรักก็เหมือนประตูล่อเราไปสู่ความทุกข์นั้นเอง เราต้องมีสติน่ะ ไม่ว่าจะทุกข์หรือสุขทุกข์อย่างย่อมผ่านไปได้เสมอ ให้เราเข้าใจธรรมชาติว่ามันเป็นอย่างนั้นเอง ลองอ่านเรื่องราวนี้ดูน่ะ

พ่อค้าชาวเรือคนหนึ่งมีภรรยาสี่คน

คนที่ สี่ เป็นคนที่เขารักเขาหลงมากมอบแต่สิ่งดีๆ ให้กับหญิงคนที่สี่ไม่ว่าจะเป็นอาหารที่ดีเลิศ หรือเสื้อผ้าที่สวยงาม จะมอบให้แต่หญิงคนที่สี่ เสมอ

คนที่ สาม เป็นคนที่เขารักมากเช่นกัน เขาจะพาหญิงคนที่สามไปอวดกับเพื่อนเสมอซึ่งเป็นที่อิจฉาของเพื่อนๆ

คนที่ สอง ก้อรักเช่นกันเพราะว่าเวลาที่เขามีปัญหาเรื่องงานหญิงคนที่สองจะให้คำแนะนำสามารถแก้ปัญหาให้กับสามีได้ตลอด คอยให้กำลังใจเวลาที่ท้อแท้หรือมีปัญหา

คนที่ หนึ่ง เป็นคนที่ไม่ค่อยได้รับควมสำคัญจากสามีเลย

อยู่มาวันหนึ่ง ชายคนนี้ป่วยหนักและรู้ตัวว่าคงจะต้องตายจากโลกนี้แล้วแต่เขายังห่วงในสมบัติและภรรยาคนที่สี่ เขาจึงเรียกภรรยาคนที่สี่มาถามว่า

เรากำลังจะตาย เจ้าจะไปกับเราไหม หญิงคนที่สี่ตอบว่า "ไม่" แล้วเดินจากไปอย่างไม่สนใจ

เรียกคนที่สามมาถามประโยคเดียวกัน ก็ได้คำตอบว่า "ไม่" เช่นเดียวกัน

ส่วนคนที่สอง ตอบว่า "เราจะอยู่กับท่านจนกว่าจะจัดการงานศพให้ท่านเสร็จก้อแล้วกัน"

ส่วนคนที่หนึ่งยืนมองอยู่ข้างๆ ตลอด แล้วตอบว่า "เราจะอยู่กับท่านทุกๆ ที่ ที่มีท่าน"

เขาเปรียบภรรยคนที่สี่เหมือนร่างกายที่ทุกวันนี้คนเติมแต่งให้มันสวยงามหาแต่สิ่งดีเลิศมาปรนเปรอ แต่สุดท้ายเวลาเราตายเราก้อเอาไปไม่ได้

ส่วนคนที่สาม เปรียบเหมือนหน้าที่การงานยศตำแหน่ง เวลาเราตายก้อต้องมีคนมารับหน้าที่แทนเราเอาไปด้วยไม่ได้

คนที่สองเปรียบเหมือน ญาติ พี่น้อง ซึ่งเขาอยู่กับเราได้แค่จัดงานศพเท่านั้น

ส่วนคนที่หนึ่ง คือจิตของเรามันจะอยู่กับเรา จะพาเราไปในที่ต่างๆ สุดแท้แต่ความดี หรือชั่วที่เราสั่งสมเอาไว้ เราคิดดีมันก็พาเราไปดีน่ะ เพระฉะนั้น เราเกิดมาคนเดียวน่ะไม่มีใครไปกับเราได้เลยนอกจากจิตของเรา ดูแลและใส่ใจฝึกฝนจิตของเราดีกว่านน่ะ ทุกอย่างในโลกนี้เป็นแค่เรื่องสมมติ เราอย่ายึดมันถือมั่นอะไรเลย จิตเรายังต้องวนเวียนไปไม่รู้จักจบจักสิ้น หากเรายังไม่มีที่ยื่นที่แท้จริง หรือที่เรียกว่า นิพพาน
 
ผู้เยี่ยมชม






ตอบตอบเมื่อ: 28 มี.ค.2007, 4:14 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

อนุโมทนาครับ สาธุ
 
ผู้เยี่ยมชม






ตอบตอบเมื่อ: 28 มี.ค.2007, 10:46 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ความรัก ไม่ทุกข์หรอกแต่ความรู้สึกชอบเขาแล้วอยากให้เขาชอบเราด้วยวิธีการต่างๆแต่เขาก็ยังไม่ชอบเราตรงนี้ต่างหากที่เรารู้สึกว่าเป็นทุกข์
your_friend_2549@hotmail.com
 
โคมา
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 31 มี.ค.2007, 12:59 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ที่รักแล้วเป็นทุกข์ เพราะความต้องการในใจ หวังให้คนที่ตนรักเป็นอย่างที่ใจตัวต้องการ ไม่ได้ดังหวังก็ทุกข์อยู่รำไป ไม่มีใครหรอกที่ดำเนินชีวิตตามความต้องการของคนอื่น ท่านบอกว่าอย่าใช้ความคาดหวัง จงใช้ความปราถนาดีต่อกัน ใช้ความรู้สึก"อยากจะให้"มากกว่า"ที่อยากจะได้" วันใหนที่เราตื่นขึ้นมาพบว่า "ความรู้สึกว่าพอมากกว่าความอยากในใจ" นั่นก็ทำให้เราเป็นสุขแล้ว
 
กรัชกาย
บัวแก้ว
บัวแก้ว


เข้าร่วม: 24 ต.ค. 2006
ตอบ: 2348

ตอบตอบเมื่อ: 01 เม.ย.2007, 8:35 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

พลัดพรากจากสิ่งที่รักที่พอใจเป็นทุกข์
ประสบกับสิ่งที่ไม่เป็นที่รักที่พอใจก็เป็นทุกข์
ปรารถนาสิ่งใดไม่ได้สิ่งนั้นสมหวังก็เป็นทุกข์
 

_________________
สติ-การนึกไว้,การคุมจิตไว้กับอารมร์,การคุมจิตไว้กับกิจที่กำลังกระทำ-สัมปชัญญะ-การรู้ชัดสิ่งที่นึกไว้,การรู้ชัดสิ่งที่กำลังกระทำนั้น-ท่านเรียกว่าผู้มีสติสัมปชัญญะหรือมีสติปัญญา
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
มะขาม
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 02 เม.ย.2007, 4:49 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

มีความเศร้าเนื่องจากรักเหมือนกัน ถูกบอกว่าเลิกกัน หัวใจหายวาบ เสียใจอย่างบอกไม่ถูก กระวนกระวายเฝ้าแต่คิดไปต่างๆนานา อ่านคำแนะนำแล้วแต่ก็ยังทำใจลำบาก เวลาที่ผ่านมาไม่ใช่วันเดียวจะให้หักใจชั่วข้ามคืนก็ยากอยู่ เรื่องของใจะให้ทำเหมือนไม่เคยเกิดอะไรขึ้นเลยหรือ อยากไปปฏิบัติธรรมก็ไม่รู้จะไปที่ใด เต็มแล้วแทบทุกที่
 
กรัชกาย
บัวแก้ว
บัวแก้ว


เข้าร่วม: 24 ต.ค. 2006
ตอบ: 2348

ตอบตอบเมื่อ: 02 เม.ย.2007, 7:12 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

สัจธรรม คือ ความเปลี่ยนแปลงไปทุกๆ ขณะ ไม่ยั่งยืน ไม่คงรูป

เดิม ยอมรับความเปลี่ยนแปลงนั้นๆ ได้ก็เข้าใจธรรมะได้ระดับหนึ่ง

ได้เข้าถึงความไม่จิรังยั่งยืนนั้นแล้ว แม้จะอยู่กับความเปลี่ยนแปลงดังว่านั้น จิตใจก็เป็นทุกข์

น้อยลง ๆ ตามระดับขั้น

การปฏิบัติธรรม ก็เพื่อให้รู้เห็นความจริง ซึ่งเปลี่ยนไปทุกๆ ขณะนั้นเอง
 

_________________
สติ-การนึกไว้,การคุมจิตไว้กับอารมร์,การคุมจิตไว้กับกิจที่กำลังกระทำ-สัมปชัญญะ-การรู้ชัดสิ่งที่นึกไว้,การรู้ชัดสิ่งที่กำลังกระทำนั้น-ท่านเรียกว่าผู้มีสติสัมปชัญญะหรือมีสติปัญญา
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
Rabbit16102525
บัวใต้ดิน
บัวใต้ดิน


เข้าร่วม: 19 ม.ค. 2007
ตอบ: 18

ตอบตอบเมื่อ: 06 เม.ย.2007, 7:23 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ซึ้ง ซึ้ง ความรักจะเหมือนน้ำผึ้งก็ได้
เหมือนยาพิษก็ได้
แล้วแต่ใครรู้จักนำไปใช้
แต่ รักแล้ว ก็รักอย่างมีสติ

หากผิดหวังแล้ว สติจะช่วยเราเอง.....
อายหน้าแดง อายหน้าแดง อายหน้าแดง
 

_________________
ไม่มีอะไรสายสำหรับการเริ่มต้น
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวส่ง Email
จิตงาม
บัวพ้นดิน
บัวพ้นดิน


เข้าร่วม: 06 มี.ค. 2007
ตอบ: 86

ตอบตอบเมื่อ: 06 เม.ย.2007, 7:49 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

สงสัย สงสัย สงสัย สงสัย มณี ปัทมะ ตารา ความหมายคืออะไรค่ะ
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
ปุ๋ย
บัวเงิน
บัวเงิน


เข้าร่วม: 02 มิ.ย. 2004
ตอบ: 1275

ตอบตอบเมื่อ: 07 เม.ย.2007, 12:38 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

เป็นนามที่ใช้ในการตอบกระทู้ในเวปธรรมจักร และเวปกวนอิมทางมหายาน ส่วนนามที่ใช้ในการตอบกระทู้ในเวปอารตีที่เกี่ยวกับศาสนาพราหมณ์ - ฮินดู ใช้นามว่า มหะศักติ กาลิ มีคนถามบ่อยค่ะเรื่องนามที่ใช้ในการตอบกระทู้ และส่วนมากจะถามที่มาของนามที่ใช้นั้นๆ เลยแจ้งท่านมาเพื่อทราบค่ะ

สำหรับนาม "มณี ปัทมะ ตารา" เป็นนามที่ได้มาจากการปฏิบัติฝึกปราณผ่านจักร หรือฝึกกสิณนั่นเอง ซึ่งนำมาจากนิมิตและเป็นการผสมคำของปุ๋ยเองค่ะ ความหมายแปลว่า "ดวงแก้วที่อุบัติ ณ ดอกบัวแห่งการข้ามพ้น" ถามว่าอยู่ตรงขั้นตอนไหนของการปฏิบัติ ลองศึกษาดูนะคะ


นวรัตน์แก้วเก้าพราวพร่างแสง
ทับทิมแดงแปลงเสน่ห์พลังสูญ
เพชรเจิดจ้าบริสุทธิ์ล้ำค้ำค่าคูณ
เหลืองไพฑูรย์แกมเขียวเปรียวตาแมว

มรกตหยดดั่งภาพตราบเสาหลัก
บุษราคัมรักจินตนาการขานเจื้อยแจ้ว
โกเมนเข้มแดงเพลิงเริงร่าแพร้ว
นิลดำแก้วน้ำเงินแก่นิโลบล

มุกดาหมอกอ่อนเทาเจ้าไข่มุก
เพทายคลุกแดงสลัวบัวอ่อนพ้น
ร่ายรำเรียงเพียงพร่าวพราวตาจน
ระยิบระยับล้นเปล่งประกายสายพลอยไทย


พลอยหลากสีร้อยพันพราวพร่างแสง
ม่วงเขียวเหลืองแสดแดงแสงสดใส
ชมพูเพชรไพลินน้ำงามเหลือใจ
ประกายใสตามตำแหน่งแห่งกายา

ร้อยเรียงเพียงเจียระไนหทัยวัตถุ
งามประดุจอัญมณีอันมีค่า
บริสุทธิ์พร้อมประกายใสสะอาดตา
บรรเจิดจ้า ณ หทัยของทุกคน

ท่ามกลางแรงแสงสาดสุริยะ
ทรงสภาวะนิ่งดิ่งฐานรู้ผล
วงรวมซ้อนแนวตั้งกระหม่อมบน
รัศมีล้นเปล่งเจ็ดสีมีประกาย

ดำรงพร้อมมูลธารบัวบานผุด
ณ ปลายจุดก้นกบครบยามผาย
คลี่กลีบบานดั่งอาสนะขจรขจาย
แห่งความหมายบูรณภาพที่สมดุล


นอนสงบนิ่งใต้พื้นพสุธา สะสมพลังอันแกร่งกล้าและแร่ธาตุตามธรรมชาติมาเนิ่นนาน.....วันแห่งการส่งประกายงดงามของสยามอัญมณีไทย ผ่านการเจียระไนขัดเกลา ก็ส่องแววแพรวพราวอวดโฉมต่อชาวโลกให้คลั่งไคล้ไหลหลง .....เปรียบประดุจมณีในกายของทุกบุคคล เมื่อผ่านการขัดเกลา เจียระไนนานวัน หากท้อก็เป็นเพียงถ่าน หากผ่านก็ดุจดั่งเพชร

ทุกถ้วนทั่วตัวบุคคลค้นในจิต
หมั่นพินิจพิจารณาพาสดใส
เนิ่นนานวันพลันประกายฉายแววไว
ด้วยมิไร้ในปัญญาคราเพิ่มพูน


ขอธรรมะคุ้มครองคุรุผู้ประเสริฐ คุรุผู้เมตตาธรรมทุกท่าน
ขอธรรมะคุ้มครองสรรพสัตว์ทุกชีวิตในโลกมายามนุษย์นี้ด้วยเถิดหนา สวัสดี


มณี ปัทมะ ตารา...(ท่านต้อม.ท่านพระจันทร์ยิ้ม.คุรุแห่งมณี)

จาร เมื่อ 27 มีนาคม 2546

เข้าไปศึกษาได้ตามลิ้งค์ข้างล่างค่ะ

http://www.dhammajak.net/board/viewtopic.php?t=1772

http://www.dhammajak.net/board/viewtopic.php?t=1757


ผีเสื้อ
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวMSN Messenger
ชินภพ พิมพะกร
บัวพ้นดิน
บัวพ้นดิน


เข้าร่วม: 17 ธ.ค. 2006
ตอบ: 67

ตอบตอบเมื่อ: 17 เม.ย.2007, 8:48 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

รักไม่ใช่ความทุกข์ ความยึดติด คาดหวัง ความอยากได้รับความรักเป็นความทุกข์ รักพระธรรมไม่ทุกข์ครับ
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวส่ง EmailMSN Messenger
จิตงาม
บัวพ้นดิน
บัวพ้นดิน


เข้าร่วม: 06 มี.ค. 2007
ตอบ: 86

ตอบตอบเมื่อ: 18 เม.ย.2007, 1:14 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

แหม..คุณชิน คนเราคิดอย่างคุณได้ง่ายๆก็ดีซินะค่ะ
รักเมื่อถูกทิ้ง หรือถูกมองข้าม มีทางเดียว เมื่อคุยด้วยเหตุผล เยื้อไม่ได้ เขาไม่ฟัง เขาจะไป เราก็ต้องปล่อยเขาไป จะฉุดไว้ทำไม ให้เศร้าหมองขึ้นมาอีก คิดซะว่า คนเราเกิดมามีจาก แต่จะจากกันทางใดก็เท่านั้น เปรียบซะว่า เขาจากเราดั่งตายจาก ถ้าเขายังมีลมหายใจเขาก็ตายจากเราไป หรือเพียงแต่เงาให้เราได้เห็น ผิดจากคนตายจากเรา ไม่เหลืออะไรให้เราได้เห็น ได้เจ็บอีกเลย
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
เศษพุทธทาส
บัวใต้น้ำ
บัวใต้น้ำ


เข้าร่วม: 08 เม.ย. 2007
ตอบ: 121

ตอบตอบเมื่อ: 18 เม.ย.2007, 2:07 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ครับ เพราะว่าเราไม่ได้รักที่หัวใจ แต่เราลัก(ของเขามา)ที่อายตนะภายนอกเท่านั้น

เวลารักมักใจนำ แต่สมองไม่มาด้วย มันก็ไม่พอดี ต้องชั่งให้ดีระหว่างสมองกับ หัวใจ ให้มันประสานสอดคลองกันอย่างลงตัวเมื่อนั้นก็เป็นทางสู่รักแท้(หรือเปล่าเพราะผมก็ไม่เคยยลอง)

สาธุ May the Dhamma be with you. ขอธรรมจงสถิตอยู่กับเจ้า สาธุ
 

_________________
ทำวันนี้ให้ดีและต้องรู้ไว้ว่า ทำดีเพื่อดี ทำหน้าที่เพื่อหน้าที่ อุปสรรคไม่มี บารมีไม่เกิด
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
ลานดาว
บัวใต้ดิน
บัวใต้ดิน


เข้าร่วม: 05 ก.พ. 2007
ตอบ: 21
ที่อยู่ (จังหวัด): สกลนคร

ตอบตอบเมื่อ: 18 เม.ย.2007, 9:37 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ก็เป็นคนนึงที่อาภัพรักเช่นกัน ใช่ว่าไม่มีใครจีบ ใครรักนะ
แต่เพราะอะไรกัน ที่ทำให้ความรักพัง ....
กี่ครั้งแล้วที่รัก เป็นวัฐจักร เหงา มีคนเข้ามา เริ่มรัก มีความสุข เริ่มมีปัญหา เริ่มทุกข์ จบ เหงา.
เป็นอย่างนี้ อยู่แค่นี้ หลายครั้ง ไม่ได้หมายความว่าคนที่เข้ามาไม่รัก แต่ถึงเขาจะรัก ก็ยังทุกข์อยู่ดี
เพราะอะไรกัน....
คงเพราะผู้ชายเจ้าชู้ไม่เคยพอ หรือเขารักเราน้อยไป หรือเพราะญาติพี่น้องเพื่อนฝูงที่มีปัญหา
ต่างคนก็ต่างปัญหา คนละอย่าง ไม่มีที่ไม่มีปัญหา ก็เกิดเป็นมนุษย์ย่อมมีปัญหา
ลองคิดย้อนอยู่นาน หลายปีเหมือนกันที่หาคำตอบ เพราะอะไร...
สุดท้ายก็รู้....เพราะเรา
ป่าวไม่ได้นิสัยเสีย ไม่ใช่ไม่รักใคร แต่..เพราะส่วนลึก แท้ที่จิงที่ว่ารักเขาน่ะไม่ใช่รักตัวเองตะหาก และเห็นแก่ตัว ที่ว่ารักเขา แล้วไม่ใช่หรอก ความรักที่ผิดหวังคือเรารักตัวเอง หากอยากได้แบบนี้ แล้วไม่ได้จึงทุกข์ตะหากหล่ะ หากลองมองย้อน ทุกข์เพราะอะไร หากไม่ได้ดั่งจัยถึงทุกข์ใช่รึป่าว..
เขาไม่อยู่บ้าน อยากให้เขาอยู่บ้าน จึงทุกข์ เพราะอะไร ก็ตัวเองอยากให้เขาอยู่แต่เขาไม่อยู่ตะหาก
เขาไม่เอาจัยใส่ ก็ทุกข์ ก็อยากให้เขาเอาจัยใส่นิ๊ เห็นแก่ตัวอีกแล้ว ถึงจะเอาใจใส่เขาเพื่อให้เขาเอาใจใส่เรา ก็เห็นแก่ตัวอยู่ดี ก็อยากได้อยู่ดี
สุดท้ายแล้ว ถ้าเรารักเขาจิง เราจะไม่เป็นทุกข์หรอก หากเรารักเขา เราจะไม่อยากได้อะไรเลยจากเขา มีแต่การเสียสละ ทุกๆ อย่างที่ทำล้วนแต่มีสุขทั้งสิ้นถึงจะรู้ว่าไม่ได้อะไรเลยก็ตาม
เราไม่จำเป็นต้องอยู่กับคนที่เรารัก ให้อยู่กับรักที่เรามี จึงจะมีความสุข
แต่ถ้าจะดีรักแต่พระพุทธเจ้าจะดีกว่า เพราะท่านไม่เคยทิ้งเรา และให้อภัยเราเสมอ
 

_________________
นิพพานโดยเร็ว
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวส่ง Email
ชินภพ พิมพะกร
บัวพ้นดิน
บัวพ้นดิน


เข้าร่วม: 17 ธ.ค. 2006
ตอบ: 67

ตอบตอบเมื่อ: 18 เม.ย.2007, 10:53 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

กว่าจะรู้สึก ก็ทุกข์เพราะรักมาพอสมควร แล้วก็มาคิดได้ว่ารักไม่ได้ทุกข์ ทุกข์ที่ความคาดหวัง อยากนั่นอยากนี่ พอไม่ได้อย่างที่หวังทุกข์ก็เกิด อย่างแรกก็อยากให้เค้ารักเราอย่างที่เรารักเค้า ต่อมาเมื่อเราคิดว่าเค้าไม่ได้รักเราอย่างที่เรารักเค้า เราก็ทุกข์ จริงๆ ความรักเหมือนกัน ทุกวันนี้ผมยังไม่รู้เลยว่าความรักคืออะไร ที่แน่ ๆ คือความรู้สึกบางอย่าง ทีนี้เมื่อการแสดงออกของเค้าไม่ได้เป็นอย่างที่เราต้องการ เราก็คิดว่าเค้าไม่ได้รักเราอย่างที่เราอยากให้เค้ารัก เป็นเรื่องของการปฏิบัติต่อกัน ปัญหาไม่รู้จบ รักอย่างรู้จักที่จะรัก แล้วอย่าคาดหวัง คุณจะไม่ทุกข์
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวส่ง EmailMSN Messenger
แสดงเฉพาะข้อความที่ตอบในระยะเวลา:      
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
 


 ไปที่:   


อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
คุณไม่สามารถสร้างหัวข้อใหม่
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ
คุณไม่สามารถแก้ไขข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลบข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลงคะแนน
คุณ สามารถ แนบไฟล์ในกระดานข่าวนี้
คุณ สามารถ ดาวน์โหลดไฟล์ในกระดานข่าวนี้


 
 
เลือกบอร์ด  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  • สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทานธรรมะ  • หนังสือธรรมะ  • บทความ  • กวีธรรม  • สถานที่ปฏิบัติธรรม  • ข่าวกิจกรรม
นานาสาระ  • วิทยุธรรมะ  • เสียงธรรม  • เสียงสวดมนต์  • ประวัติพระพุทธเจ้า  • ประวัติมหาสาวก  • ประวัติเอตทัคคะ  • ประวัติพระสงฆ์  • ธรรมทาน  • แจ้งปัญหา

จัดทำโดย  กลุ่มเผยแผ่หลักคำสอนทางพระพุทธศาสนา ธรรมจักรดอทเน็ต
เพื่อส่งเสริมคุณธรรม และจริยธรรมในสังคม
เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2546
ติดต่อ webmaster@dhammajak.net
Powered by phpBB © 2001, 2002 phpBB Group :: ปรับเวลา GMT + 7 ชั่วโมง