Home  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  •  สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทาน  • หนังสือ  •  บทความ  • กวีธรรม  • ข่าวกิจกรรม  • แจ้งปัญหา
คู่มือการใช้คู่มือการใช้  ค้นหาค้นหา   สมัครสมาชิกสมัครสมาชิก   รายชื่อสมาชิกรายชื่อสมาชิก  กลุ่มผู้ใช้กลุ่มผู้ใช้   ข้อมูลส่วนตัวข้อมูลส่วนตัว  เช็คข้อความส่วนตัวเช็คข้อความส่วนตัว  เข้าสู่ระบบ(Log in)เข้าสู่ระบบ(Log in)
 
ได้ทำการย้ายไปเว็บบอร์ดแห่งใหม่แล้ว คลิกที่นี่
www.dhammajak.net/forums
15 ตุลาคม 2551
 หนุนหมอนไม้ (หลวงพ่อปัญญานันทภิกขุ) อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
ผู้ตั้ง ข้อความ
ลูกโป่ง
บัวแก้ว
บัวแก้ว


เข้าร่วม: 01 ส.ค. 2005
ตอบ: 4089

ตอบตอบเมื่อ: 18 ม.ค. 2007, 5:15 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

Image

หนุนหมอนไม้
โดย หลวงพ่อปัญญานันทภิกขุ

สวนพุทธธรรม วัดอุโมงค์ ๒๖ สิงหาคม ๒๕๐๐


คัดลอกจาก...
http://www.mindcyber.com/content/data/10/0012-1.html

สาธุ สาธุ สาธุ
 


แก้ไขล่าสุดโดย ลูกโป่ง เมื่อ 18 ม.ค. 2007, 5:40 pm, ทั้งหมด 2 ครั้ง
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวชมเว็บส่วนตัว
ลูกโป่ง
บัวแก้ว
บัวแก้ว


เข้าร่วม: 01 ส.ค. 2005
ตอบ: 4089

ตอบตอบเมื่อ: 18 ม.ค. 2007, 5:20 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ครั้งหนึ่งพระพุทธเจ้าประทับอยู่ที่กูฎาคาร
ศาลาป่ามหาวันใกล้เมืองเวลาลี
ได้ตรัสเตือนภิกษุทั้งหลายที่มาประชุมกัน
เพื่อรับโอวาทอย่างน่าฟังว่า

“ภิกษุทั้งหลาย ในบัดนี้ เจ้าลิจฉวีทั้งหลาย
มีทอนไม้เป็นหมอนหนุน เป็นอยู่อย่างไม่ประมาท
มีความเพียรเข้มแข็งในการฝึกวิชาใช้ศร
พระราชาแห่งมคธ นามว่าอชาตศัตรูผู้เวเทหิบุตร
ยอมหาช่องทำลายล้างมิได้
หาโอกาสทำตามอำเภอพระทัยแก่เจ้าลิจฉวีเหล่านั้นมิได้


ภิกษุทั้งหลาย แต่ในกาลฝ่ายอนาคต
เจ้าลิจฉวีทั้งหลายจักทำตนเป็นสุขุมาลชาติ
จนมีฝ่ามือและฝ่าเท้าอ่อนนิ่ม มีหมอนใหญ่ๆ หนุน
บรรทมจนพระอาทิตย์ขึ้น คราวนั้นพระราชามคธ
นามว่าอชาตศัตรูผู้เวเทหิบุตรจักได้ช่องทำลายล้าง
จักได้โอกาสทำตามอำเภอพระทัยแก่เจ้าลิจฉวีเหล่านั้น

ภิกษุทั้งหลาย ในบัดนี้ ภิกษทั้งหลายมีท่อนไม้เป็นหมอนหนุน
เป็นอยู่อย่างไม่ประมาท มีความเพียรเผากิเลส
ในชั้นความเพียรที่เป็นหลักเป็นประธาน
มารผู้ใจบาปจึงหาช่องทำลายมิได้
หาโอกาสที่จะทำตามอำเภอใจแก่ภิกษุทั้งหลายเหล่านั้น มิได้


ภิกษุทั้งหลาย ในกาลยืดยาวฝ่ายอนาคต
จักมีภิกษุทั้งหลายที่ทำตนเป็นสุขุมาลชาติ
จนมีฝ่ามือและฝ่าเท้าอ่อนนิ่ม
ภิกษุเหล่านั้นจะสำเร็จการนอนบนที่นอนอันอ่อนนุ่ม
มีหมอนใหญ่ๆ หนุน นอนจนกระทั่งพระอาทิตย์ขึ้น
คราวนั้นเองมารผู้ใจบาปจักทำลายล้าง
จักได้โอกาสที่จักทำตามอำเภอใจแก่ภิกษุทั้งหลายเหล่านั้น

ภิกษุทั้งหลาย เพราะฉะนั้นในเรื่องนี้
พวกเธอทั้งหลายพึงสำเหนียกใจไว้ว่า
เราทั้งหลายจักใช้ท่อนไม้ เป็นหมอนหนุนเป็นอยู่อย่างไม่ประมาท
มีความเพียรเผากิเลส ในชั้นความเพียรที่เป็นหลักเป็นประธาน ดังนี้
ภิกษุทั้งหลาย พวกเธอทั้งหลายพึงสำเหนียกใจไว้อย่างนี้แล


ดอกไม้ ดอกไม้ ดอกไม้


(มีต่อ 1)
 


แก้ไขล่าสุดโดย ลูกโป่ง เมื่อ 18 ม.ค. 2007, 5:22 pm, ทั้งหมด 1 ครั้ง
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวชมเว็บส่วนตัว
ลูกโป่ง
บัวแก้ว
บัวแก้ว


เข้าร่วม: 01 ส.ค. 2005
ตอบ: 4089

ตอบตอบเมื่อ: 18 ม.ค. 2007, 5:24 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ข้อความข้างบนนี้คัดจากหนังสือ “ขุมทรัพย์จากพระโอษฐ์”
ของคณะธรรมทาน ไชยา เป็นคำสอนที่เตือนใจ
ให้ทุกคนเป็นผู้ไม่ประมาทในกิจการทุกอย่าง
จักเป็นการป้องกันมิให้ความเสื่อมเกิดขึ้น เป็นเรื่องที่ควรสนใจ
ศึกษาและปฏิบัติตามเป็นอย่างมาก
สกุลใหญ่ทั่วๆ ไปมักประสบความล่มจม
เมื่อประมุขของสกุลถึงแก่กรรมไป
ทำไมถึงเป็นเช่นนั้น เป็นเรื่องน่าคิด ค้นหาเหตุผล

จีนคนหนึ่งเดินทางมาจากเมืองจีน
เพื่อแสวงหาโชคลาภในประเทศไทย
เขามาอย่างคนเปล่า ไม่มีสมบัติติดตัว
นอกจากเสื่อผืนหมอนใบ แต่เขามีสมบัติภายใน
คือ ความรักงาน ทำจริงและมีความคิดก้าวหน้าอยู่เสมอ

พอถึงประเทศไทยเขาก็เริ่มมองหาอาชีพอันตนพึงประกอบ
เมื่อไม่ได้งานที่ดีไปกว่า ก็ทำงานเป็นลูกจ้างแบกหามบ้าง
ขายของเล็กๆ น้อยๆ บ้าง ไปทำสวนผักบ้าง
อาศัยการทำจริงและคิดขยายงาน
ไม่ช้านักก็ได้เลื่อนฐานะขึ้นไปเรื่อยๆ
จนกลายเป็นคนมั่งคั่งในเมืองไทย


ในขณะที่ยังเป็นคนลำบาก
ใช้แรงงานของตนแลกกับอาหารพอยังชีพ
การกินการอยู่ไม่ฟุ่มเฟือยอะไร
ส่วนมากก็มีข้าวต้มกับผักกาดดอง มีเนื้อบ้างเล็กน้อย
เขาก็ทำงานดำรงชีพสร้างตนได้เสมอ

พอมีฐานะดีขึ้น การกินก็เปลี่ยนไป
การนุ่งห่มก็เปลี่ยนไปการเที่ยวเตร่แสวงหาความสบายก็มีขึ้น
ครั้นได้เป็นคนมั่งมี มีลูกจ้างช่วยทำงาน
ฐานะการครองชีพไดัเปลี่ยนไปมาก
กลายเป็นคนมีการกินการอยู่อย่างฟุ่มเฟือย
อยู่ผิดจากฐานะเดิมไปไกลลิบ

แต่เพราะบทเรียนของความลำบาก
ที่ตนได้รับในชีวิตมีอยู่ถึงแม้จะเป็นคนกินดีอยู่ดีอย่างไร
ก็ยังคิดถึงความหลังอยู่เสมอฐานะของตน
จึงยังมั่นคงดีอยู่ตลอดเวลา


ดอกไม้ ดอกไม้ ดอกไม้


(มีต่อ 2)
 


แก้ไขล่าสุดโดย ลูกโป่ง เมื่อ 18 ม.ค. 2007, 5:28 pm, ทั้งหมด 1 ครั้ง
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวชมเว็บส่วนตัว
ลูกโป่ง
บัวแก้ว
บัวแก้ว


เข้าร่วม: 01 ส.ค. 2005
ตอบ: 4089

ตอบตอบเมื่อ: 18 ม.ค. 2007, 5:25 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ส่วนลูกๆ ที่เกิดมาจากพ่อแม่ที่มีฐานะดี
พอเกิดมาก็พบความมั่งมีของพ่อแม่เสียแล้ว
ได้เห็นแต่ความสมบูรณ์พูนสุข
ต้องการอะไรก็ได้อย่างใจทุกอย่าง
มีคนใช้คอยปรนนิบัติให้มีความสะดวกเสมอ

เขาไม่เคยเห็นความลำบากเลย
กินของดีๆ นอนบนเบาะอันอ่อนนุ่มและนุ่งผ้าชนิดดีๆ เท่านั้น
เขาภูมิใจในความเป็นอยู่ของเขา

เขาไม่รู้จักหมอนไม้ของพ่อแล้ว
ไม่เคยรู้จักผักกาดดองชีอิ๊วราดข้าวต้มแล้ว

ถ้าเห็นก็นึกว่าเป็นของเสียไม่น่ากิน
เขาไม่เห็นคุณค่าของสิ่งนั้น
ชีวิตของเขามีความสะดวกสบายมากเกินไป
เงินมีในกระเป๋าจะใช้จะกินเมื่อไรก็ได้
เขาเป็นลูกของท่านเศรษฐีไปแล้ว
คำว่า “ไม่มี ความลำบากยากเข็ญ” ก็ไม่รู้จัก
เขาไม่เป็นคนที่อดทน ก้าวหน้า
รักงานเหมือนพ่อของเขาเสียแล้ว

ในบางครอบครัว พื้นบ้านเป็นคนที่สร้างตัวจากความลำบาก
จนได้รับผลจากการงานเป็นอย่างดี
มีฐานะมั่นคงในทุกอย่าง
แต่เขามีความบกพร่องที่สำคัญอยู่ประการหนึ่ง
คือ เป็นคนมักมากในทางกาม
มีเมียหลายคน ไม่อิ่มดัวยกามคุณ

เมื่อมีเมียมากก็มีลูกมาก เขามีหน้าที่ทำลูกให้เกิดออกมาเท่านั้น
การเลี้ยงเป็นเรื่องของแม่ของเขา
แม่คนใดมีลูกแล้วก็หมดความงาม
ขาดความยั่วยวนในทางกาม เขาก็ไม่สนใจไม่แยแสต่อไป
ถ้าแม่มีลูก ก็ได้รับการดูแลบ้างตามสมควร
ด้วยให้อาหารกิน มีบ้านให้อยู่ มีเงินให้ใช้บ้างนิดหน่อย

ลูกของเขาโตขึ้นในสภาพที่ขาดการเอาใจใส่
และเป็นลูกหลายแม่ ความรักใคร่สนิทสนมกัน
ไม่เหมือนลูกพ่อเดียวแม่เดียว
ความบาดหมางในครัวเรือนก็เกิดขึ้นแก่ลูกๆ ก่อน
ต่อมาก็เกิดระหว่างแม่ๆ ต่อไป
สวนพ่อนั้นยังทำตนเป็นหนุ่มอยู่ตลอดเวลา
หญิงที่เป็นเมียหลวงอายุรุ่นราวคราวเดียวกับตน
กลายเป็นคนแก่เกินงามเสียแล้ว
ปลดออกจากตำแหน่งให้ดำรงตนเป็นแม่บ้านอย่างเดียว

ส่วนพ่อบ้าน แม้จะแก่อายุหกสิบปีแล้ว
ก็ยังหายอมเป็นคนแก่ไม่ ยังทำตนเป็นเด็กเสมอ
ยังเมาในกามและแสวงหาเด็กหญิงสาวมาทำเมียต่อไป
แม้คนใช้ภายในบ้านถ้ารูปร่างหน้าตาดี ก็จัดการเสียด้วย
ในบ้านของเขามีสภาพคล้ายฮาเร็มน้อยๆ
พวกผู้หญิงที่อยู่กันมากๆ ไม่ต้องทำอะไร
มีการแต่งตัวให้งามพูดจา ทำท่าดัดจริตให้พ่อบ้านชอบใจเป็นพอ
คนไหนบำเรอพ่อบ้านให้เป็นที่พอใจก็ได้รับรางวัลมาก
เมื่อไดัรับรางวัลแล้วก็เอาไปเล่นไพ่กัน
หาได้คิดก้าวหน้าแต่อย่างใดไม่


ดอกไม้ ดอกไม้ ดอกไม้


(มีต่อ 3)
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวชมเว็บส่วนตัว
ลูกโป่ง
บัวแก้ว
บัวแก้ว


เข้าร่วม: 01 ส.ค. 2005
ตอบ: 4089

ตอบตอบเมื่อ: 18 ม.ค. 2007, 5:29 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ต่อมาพ่อบ้านถึงแก่กรรม ภายหลังการทำศพแล้ว
เมียทุกคนมองหน้ากันไม่ได้
และขาดความเห็นอกเห็นใจต่อกัน
แล้วลูกๆ ทุกคนก็ตั้งข้อเข้าหากัน
ต่างคนต่างก็จะขอแบ่งทรัพย์สมบัติของสกุล
เมื่อไม่ตกลงกันก็ฟ้องร้องกันในศาล
ต้องแบ่งทรัพย์ให้แก่ทนายเสียบ้าง จึงสบายใจ
เมื่อได้แบ่งกันแลัวได้มามากบ้างน้อยบ้างตามควรแก่หน้าที่เขา

ทุกคนเคยแต่ความสบาย
เคยนอนหนุนหมอนใบใหญ่รับประทานข้าวที่ขัดจนขาว
ดื่มน้ำใสๆ มานานแล้ว ความสบายผู้ทำให้เขาเป็นคนอ่อนแอ
ไม่มีความอดทนเพียงพอในการที่จะทำมาหากิน


อีกประการหนึ่ง ตนเคยแสดงตนเป็นคนมั่งมีมาเสียนาน
ไม่ทำอะไรก็มีกินมีใช้ จะไปทำงานต่ำๆ
หรือก็ละอายแก่เพื่อนบ้าน เป็นคนประเภท จมไม่ลง
จะไปทำงานเบาๆ เช่น ค้าขายหรืออะไรอื่นตนก็ไม่เคยทำ
ผลที่สุดก็นั่งกินนอนกิน ขายสิ่งที่ตนมีอยู่กินไปอยู่ไป
ไม่เท่าใดก็หมด ผลสุดท้ายก็ต้องขายบ้านที่ตนอยู่แก่คนอื่นไป

สกุลนั้นมีความล่มจมไปแล้ว
เพราะความสบายเกินไปของคนในสกุล
ความสบายจึงเป็นสารที่คอยทำลายทุกสิ่งทุกอย่างให้ย่อยยับไปสิ้น
คนที่คิดจะเป็นคนดีเป็นคนเจริญ
ขออย่าได้กลัวต่อความลำบากเลย
แต่จงกลัวต่อความสบายให้มากเถิด
ความลำบากไม่เคยทำลายคน
ความลำบากยากเข็ญเป็นสิ่งประเสริฐแท้
ความลำบากเป็นศัตรูแล้วกลายเป็นมิตรในภายหลัง
ส่วนความสบายนั้นเป็นมิตรก่อน แล้วกลายเป็นศัตรูในภายหลัง
จงคบแต่สิ่งที่เป็นมิตรกันดีกว่า อย่าคบสิ่งที่เป็นศัตรูของตนเลย


ดอกไม้ ดอกไม้ ดอกไม้


(มีต่อ 4)
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวชมเว็บส่วนตัว
ลูกโป่ง
บัวแก้ว
บัวแก้ว


เข้าร่วม: 01 ส.ค. 2005
ตอบ: 4089

ตอบตอบเมื่อ: 18 ม.ค. 2007, 5:31 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ทำไม ชาติญี่ปุ่น ซึ่งเป็นชาวเอเชียเหมือนกับคนไทย
รูปร่างหน้าตาก็แบบเดียวกับคนไทย
อาหารการบริโภคก็แบบเดียวกับคนไทย
ในสมัยเมื่อ ๗๐ ที่มาแล้ว ชาวญี่ปุ่นกับชาวไทย
มีความเป็นอยู่ในระดับเดียวกัน
เป็นประเทศที่ล้าหลังกว่าประเทศยุโรปและอเมริกามาก
แต่ต่อมาญี่ปุ่นได้ถีบตัวขึ้นไปถึงขั้นเป็นประเทศมหาอำนาจ
มีความเจริญในด้านต่างๆ ทุกด้าน ทิ้งพี่ไทยไวไกลลิบทีเดียว


การที่ได้เป็นไปเช่นนี้ ก็เพราะชาวญี่ปุ่นเป็นคนประเภทหนุนหมอนไม้
กินข้าวกล้อง นอนบนเสื่อผืนเดียว
เขามิได้เป็นอยู่อย่างสบายและสะดวกเลย

เขาคิดถึงงาน คิดถึงประเทศชาติ
คิดถึงประโยชน์ส่วนรวมของเขาเสมอ

ชีวิตในครอบครัวของชาวญี่ปุ่นเป็นชีวิตที่มีระเบียบดีมาก
เขามีความเคารพกันตามลำดับอาวุโส

พ่อบ้านเป็นใหญ่ที่สุดในครอบครัว
ทุกคนต้องเคารพเชื่อฟังคำของพ่อบ้าน
ลูกคนหัวปีก็เป็นที่เคารพของน้องๆ ทุกคน
เวลารับประทานอาหาร
แม่บัานจักเป็นคนตักอาหารให้แก่พ่อบ้านเป็นคนแรก
ต่อมาตัวเอง ต่อไปก็ถึงลูกคนหัวปี และตามลำดับ
ลงไปถึงลูกคนสุดท้อง นี่คือ ระเบียบการเคารพกันในครัวเรือน

อาหารการกินของเขาก็กินเท่าที่จำเป็น
เท่าที่ร่างกายต้องการเท่านั้น
หาได้กินกันเพื่อสนุกเมื่อมัวเมาอะไรไม่
ถ้าเขาจะต้มเผือกมันกินกัน และในครอบครัวมี ๕ คน
เขาก็ต้มกินกันเพียง ๕ ชั้นเท่านั้น
สุกแล้วก็แบ่งกันกินพอหมดพอดี
เขาไม่กินแบบ “ท้องแตกดีกว่าของเสีย”
อันเป็นการทำให้ทุกคนเสียนิสัย
และเป็นคนเห็นแก่ปากแก่ท้อง
กลายเป็นคนกินมากและกินไม่เลือก
โตขึ้นเป็นผู้ใหญ่อาจกินทุกอย่าง
แม้กระทั่งแกลบ รำ จอบเสยม รถถัง เรือบิน กินแม้ในป่าก็ยังได้
นี่เป็นจากผลการกินแบบฟุ่มเฟือย จึงทำให้เสียคน


ดอกไม้ ดอกไม้ ดอกไม้


(มีต่อ 5)
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวชมเว็บส่วนตัว
ลูกโป่ง
บัวแก้ว
บัวแก้ว


เข้าร่วม: 01 ส.ค. 2005
ตอบ: 4089

ตอบตอบเมื่อ: 18 ม.ค. 2007, 5:33 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ทหารญี่ปุ่นในคราวยกทัพมารบกันเมื่อเดินทางผ่านประเทศไทย
เราได้เห็นความอดทน ความแข็งแกร่ง
และความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันในการปฏิบัติงาน

สิ่งเหล่านั้นเป็นผลจากการอบรมในครอบครัวทั้งนั้น
พ่อแม่ที่รักครอบครัว รัถสกุลและประเทศชาติ
จึงควรฝึกทุกคนให้เป็นอยู่แบบง่ายๆ และมีใจสูงจึงจะสมควรกัน

เราชาวไทยนับถือพุทธศาสนา
ธรรมะในพุทธศาสนาสอนเราให้เป็นคนมีความเพียร
มีความอดทน รักความอดทน รักความก้าวหน้า
ไม่เป็นคนเห็นแก่การกินอยู่แบบฟุ่มเฟือย
ไม่เป็นคนตกเป็นทาสของความอยาก
มันทำให้ใจของตนต้องตกต่ำไปอยูภายใต้ของกิเลส

ถ้าเราศึกษาและนำธรรมะของพุทธศาสนา
มาใช้ในชีวิตประจำวันกันอย่างแท้จริงแล้ว
เราจะเป็นคนก้าวหน้าไปมากกว่านี้แล้ว
ญี่ปุ่นเขานับถือพุทธศาสนาเหมือนกับเรา
เมื่อเขาใช้ศาสนากันมากกว่าพวกเราใช้
เขาจึงมีความเจริญก้าวหน้ามากกว่าเราเสียอีก

บางคนกล่าวอย่างงมงายว่า
“พุทธศาสนาทำให้ชาติไทยไม่ก้าวหน้า”
การกล่าวเช่นนี้เป็นการกล่าวที่ไม่ตรงกับความจริงเลย
แต่ควรจะกล่าวว่า “คนไทยเรานับถือพุทธศาสนากันแต่เพียงชื่อ
เราจึงไม่เจริญก้าวหน้า”

ในสมัยนี้เป็นสมัยของการสร้างตนให้เป็นคนก้าวหน้าให้มาก
ด้วยการปฏิบัติตนตามหลักธรรมในพระพุทธศาสนา


ชาวตะวันตกเขากล่าวว่า คนไทยเป็นคนเกียจคร้าน
เป็นอยู่อย่างแบบหาเช้ากินค่ำ
พอใจในการเป็นอยู่ที่ไม่ก้าวหน้าเสียเลย
คำกล่าวเช่นนี้เราคนไทยอาจนึกว่า
เป็นการกล่าวที่ดูถูกกันมากไปหน่อย
แต่ความจริงก็เป็นเช่นนั้นสวนมาก
คนไทยมักขี้เกียจทำอะไร ทำอะไรแต่พอกินพอใช้
การครองชีพจึงอยู่ในระดับต่ำมาก
สิ่งที่พวกเรากินกันอยู่ทุกวันๆ นั้น
กินกันเพียงมิให้ตายเท่านั้น
หาได้กินพอให้เป็นประโยชน์แก่ร่างกายไม่
การที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะเราไม่มีอะไรจะกิน

ที่ไม่มีกินก็เพราะเราไม่ทำงาน
เราเห็นแก่ตัวความสุขที่เกิดจากการนอน การเที่ยว
การทำอะไรที่เป็นเหตุให้ตนไม่เป็นคนก้าวหน้า
สิ่งที่ดีและมีประโยชน์ทั้งหลาย
จึงตกอยู่ในมือของคนอื่นเขาหมด
เราได้รับแต่เพียงกากเดนนิดหน่อยเท่านั้น

เราเป็นเจ้าของบ้าน แต่ของในบ้านไม่มีอะไรเป็นของเรา
มันเป็นของคนอื่นเขาทั้งนั้น อย่างนี้เรียกว่า
เป็นไทยแต่ในนาม เนื้อแท้หาได้เป็นกันไม่

ดอกไม้ ดอกไม้ ดอกไม้


(มีต่อ 6)
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวชมเว็บส่วนตัว
ลูกโป่ง
บัวแก้ว
บัวแก้ว


เข้าร่วม: 01 ส.ค. 2005
ตอบ: 4089

ตอบตอบเมื่อ: 18 ม.ค. 2007, 5:34 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ขอท่านพี่น้องทั้งหลายจงตื่นขื้นมาดูรอบๆ ตัวท่านบ้างเถิด
มองดูอย่างแยบคายและถามตัวเองว่า “ตนเป็นใคร”
“ตนควรทำอะไร” “ตนควรก้าวหน้าใปทางไหน”
จึงจะทัดเทียมกับชนเหล่าอื่นเขา

อย่าหลงในความสบายเล็กน้อย
เพราะความสบายเพียงเล็กๆ น้อยๆ นั้น
หาได้ช่วยให้ท่านเป็นคนดีขึ้นไม่

ถ้าหากว่า เจ้าชายสิทธัตถะ
ท่านจะอยู่หาความสุขสบายในวังหลวง
นอนบนเตียงหนุนหมอนใบใหญ่ยัดด้วยนุ่นและสำลี
ประพรมน้ำอบหอม กินอาหารมีรสอร่อย
มีฝ่ามือฝ่าเท้าอันอ่อนนิ่ม
ชื่อของท่านก็คงหายไปพร้อมกับความตายของท่านแล้ว
โลกจะไม่รู้จักท่านในฐานะเป็นพระพุทธเจ้าเลย

แต่พระของค์มิไดัเห็นแก่ความสุขแบบนั้น
หาได้นอนแบบคนมั่งมีทั้งหลายไม่
ทรงทิ้งหมดทุกอย่าง ไปนอนบนพื้นดิน ไม่มีหมอน
ไม่มีเบาะ ไม่มีคนรับใช้คอยปฏิบัติพระองค์
ท่านไม่อาลัยในความสุขทางกาย
แต่ทรงแสวงหาความสุขในทางใจ


ผลที่สุดก็ได้เป็นพระบรมครูของชาวโลก
ความสำรวยในวังหลวงหาได้ช่วยพระองค์ไม่
ความลำบากเท่านั้นช่วยพระองค์
เราผู้ปฏิญาณตนเป็นศิษย์ของพระองค์ท่าน
ก็ควรอดทนและไม่กลัวต่อความลำบาก
คิดก้าวหน้าไปเสมอเถิด


ดอกไม้ ดอกไม้ ดอกไม้


(มีต่อ 7)
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวชมเว็บส่วนตัว
ลูกโป่ง
บัวแก้ว
บัวแก้ว


เข้าร่วม: 01 ส.ค. 2005
ตอบ: 4089

ตอบตอบเมื่อ: 18 ม.ค. 2007, 5:36 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ภิกษุในสมัยก่อนท่านนอนหนุนหมอนไม้
ท่านนอนแต่น้อยๆ ใช้เวลาส่วนมากในการภาวนา
เพื่อเอาชนะความคิดชั่วที่เกิดขึ้นรบกวนใจของท่าน
ผลที่สุดก็ชนะ และเป็นผู้บริสุทธิ์ได้อย่างแท้จริง

ในยุคต่อมา พระต้องเรียนหนังลือในเวลากลางคืน
ไม่มีตะเกียงตาม ท่านกวาดใบไม้แห้งมากองไว้
เวลาต้องการแสงก็เผาใบไม้แห้ง
อ่านหนังสือท่องจำขึ้นใจ เวลานอนท่านก็หนุนมะพร้าวแห้ง
พอรู้สึกตัวตื่นทันทีและไม่ยอมนอนต่อไป
ท่านเรียนด้วยความยากลำบาก
แต่ท่านมีความรู้ดีกว่าพวกเรา
ท่านรักษาพุทธศาสนามาให้พวกเรา
ได้ศึกษากันจนกระทั่งทุกวันนี้
นี่เป็นผลของความเพียรพยายามโดยแท้


ถ้าพวกนักบวชยังไม่เห็นแก่ความสุขอย่างแบบชาวบ้าน
ความก้าวหน้าก็ยังคงมีอยู่
แต่ถ้านักบวชมีการกินอยู่ นุ่งห่มอย่างชาวบ้านเมื่อใด
ใจของเขาก็ห่างจากทางของพระนิพพานเมื่อนั้น
จึงขอให้พวกเราทั้งหลายมาดำรงชีพอยู่อย่างพระกันเถิด
จงหนุนหมอนไม้ คือ ความเพียรในทางที่ถูกที่ชอบกันเถิด

สถานการณ์ของบ้านเมืองสอนได้อย่างดี
พวกที่ขันอาสาเข้าทำการเปลี่ยนระบบการปกครอง
มักอ้างว่าระบบเก่า ผู้ปกครองชุดเก่าเป็นพวกเห็นแก่ตัว
เห็นแกพวกพ้อง มีการทุจริตในวงการงานมาก
ทำให้ประชาชนผู้เป็นเจ้าของประเทศต้องเดือดร้อน
เขาจะเข้าไปแก้ไขสถานการณ์ให้ดีขึ้น
และทำการเปลี่ยนโดยวิธีต่างๆตามที่โลกเขาทำกัน
เมื่อเปลี่ยนมาแล้วผู้ทำการทุกคนยังคงถืออุดมคติ
คือไม่เห็นแก่ตัวแก่พวก ทำงานตรงไปตรงมา
เขาก็ไดัรับความนิยมจากมหาชนว่าเป็นผู้มาโปรดอย่างแท้จริง


ดอกไม้ ดอกไม้ ดอกไม้


(มีต่อ 8)
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวชมเว็บส่วนตัว
ลูกโป่ง
บัวแก้ว
บัวแก้ว


เข้าร่วม: 01 ส.ค. 2005
ตอบ: 4089

ตอบตอบเมื่อ: 18 ม.ค. 2007, 5:37 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

แต่วิสัยของปุถุชนผู้ยังมีกิเลส เขาทำดีได้เพียงพักเดียวเท่านั้น
ความอยากก็เกิดขึ้น และความสบายในการมีอำนาจยั่วใจเขา

เขามีอำนาจแล้วก็อยากมีเรื่อยไป
ต้องการมีความสบายมากขึ้น
เมื่อก่อนอยู่บ้านน้อย นั่งรถคันน้อย
แต่งตัวพอประมาณ พอมีอำนาจขึ้น สร้างบ้านใหม่
มีรถคันใหม่ ใหญ่ และราคาแพง
จนสามารถเอามาสร้างโรงเรียนไดัสักหลัง
แต่งตัวโก้ขึ้น กินของดีทุกประเภท
เมียคนเก่าไม่ทันสมัย จึงบอกเลิก หาใหม่
คนเดียวไม่พอต้องสอง สาม รายจ่ายมากขึ้น
เงินเดือนที่ประชาชนให้ไม่พอ
จึงหาวิธีโกงประชาชนโดยอุบายต่างๆ
ที่ตนนึกว่าคงไม่มีใครรู้ ไม่มีใครจับได้

แต่ความลับไม่มีในโลก
ในที่สุด “น้ำลดตอผุด” ความชั่วปรากฏแก่มหาชน

แต่ตนมีพวกที่ร่วมโกงกันมาก มีอำนาจมาก ใครทำอะไรไม่ได้
ถึงกระนั้นความเสื่อมเสียแก่เขาแล้ว
ความนิยมหมดไปเขาเป็นใหญ่อยู่อย่างลำบาก
นี่เป็นผลจากความสุขในทุกทางมาทำลายเขา

จึงขอให้ผู้ที่จะเป็นใหญ่ พึงระวังให้มาก
ขอให้ใหญ่ในการปฏิบัติงาน ในการเสียสละเพื่อส่วนรวม
และไม่เห็นแก่ตนเถิด ไม่มีใครทำลายท่านดอก ถ้าท่านดีจริง
แต่ความดีที่ไม่จริงของท่านนั่นแหละ
ทำลายตัวท่านเอง ดังคำที่พระพุทธเจ้าตรัสไว้ว่า
“ใจที่ตั้งไว้ผิดเป็นศัตรูที่ร้ายแรงกว่าอะไรๆ ทั้งหมด”

ทุกคนจึงควรระวังศัตรูภายในของตนให้มากสักหน่อย
เพราะศัตรูภายในมีโอกาสเกิดได้มากกว่าศัตรูภายนอก
ศัตรูภายในนำศัตรูภายนอกมาสู่ตัวท่านและพรรคพวกท่าน

คนหนุนหมอนไม้ คือ คนที่ไม่ลืมตน
เป็นคนตื่นตัวอยู่เสมอในการที่จะก้าวหน้า
ไปในทางที่เป็นคุณแก่ตนแก่ท่าน
คนประเภททิ้งหมอนไม้ไปหนุนหมอนยัดนุ่น
หนุนแขนคนที่ตนรักใคร่พึงใจ
ฟังคำพูดที่ฉอเลาะเพราะพริ้ง เป็นบุคคลประเภทลืมตนเอง
ลืมการงาน ลืมหมดทุกอย่าง
นอกจากความเมาในความสุขของตนเองเท่านั้น
คนชนิดนี้เอาตัวไม่รอด จะต้องถึงวันล่มจมในวันหนึ่งโดยแท้


ดอกไม้ ดอกไม้ ดอกไม้


(มีต่อ 9)
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวชมเว็บส่วนตัว
ลูกโป่ง
บัวแก้ว
บัวแก้ว


เข้าร่วม: 01 ส.ค. 2005
ตอบ: 4089

ตอบตอบเมื่อ: 18 ม.ค. 2007, 5:38 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ใครปรารถนาความเป็นใหญ่ ปรารถนาเกียรติยศและชื่อเสียง
ปรารถนาในทรัพย์สมบัติ จงแสวงหาสิ่งที่ตนใครจะได้นั้นโดยธรรมเกิด
อย่าแสวงหามาโดยอธรรมเลย
เพราะวิธีการที่สกปรกโสมมจักทำท่านให้เสียหายโดยแท้

ใครปรารถนาจะเป็นใหญ่ จงทำตนให้ใหญ่ในความดี
ให้มีความรู้ผิดชอบประจำใจตน
เดินตามทางที่ถูกต้องเสมอ ความคิดที่ผิด
การกระทำที่ผิดอย่าไดัเกิดแก่ท่าน
ขอความเห็นแก่ประโยชน์ส่วนรวม
จงตั้งมั่นในใจของท่านเสมอ
อย่าได้เห็นแก่ประโยชน์ส่วนตนเลย
ถ้าหากท่านดำรงตำแหน่งไว้ในธรรม
กินอยู่และทำสิ่งที่จะให้ตนสบายแต่เพียงเล็กน้อยพอสมควร
ที่ร่างกายพึงมีพึงได้ อย่าทำอะไรตามใจกิเลส
เพราะกิเลสไม่เคยปรานีต่อใคร
ไม่เคยทำอะไรให้ใครดีขึ้นนอกจากทำลายเขาเท่านั้น


ฉะนั้นผู้ใคร่ต่อความเป็นใหญ่ จงได้ทำตนให้เป็นใหญ่จริงๆ เถิด
ใหญ่จริงๆ นั้นมิใช่อยู่ที่ยศฐาบรรดาศักดิ์
สายสะพายเหรียญตราอะไรทั้งนั้น
แต่อยู่ที่เขาเป็นคนปกครองตัวเองได้
บังคับตนเองไว้ให้เดินไปในทางธรรมเสมอ
ไม่ยอมให้อธรรมเข้าครอบงำตนเป็นอันขาด

คนเช่นนี้เป็นคนใหญ่และใหญ่ได้นานเพราะความดีรักษา

ชาวไทย ชาวพุทธทั้งหลาย จงตื่นตนเถิด
อย่ามัวเมาในการหลับสบายที่ทำให้ท่านไม่เป็นไทยกันเลย
ประเทศชาติบ้านเมืองของเรายังไม่ดีพอ
ยังไม่ก้าวหนัาพอ จงช่วยกันตื่นและลืมตาให้กว้าง
องไปข้างหน้าให้ไกล แล้วจงทำกิจที่ควรทำกันเถิด

จงใช้ไม้คือความเพียร ความไม่ประมาท
ความอดทนความชื่อสัตย์ ความข่มใจ ความเสียสละ
เป็นหมอนหนุนหัวใจของท่าน ให้ใจของท่านจงตื่นตัวอยู่เสมอ
หลักชัยก็จะเป็นของท่านได้สมหมาย


ดอกไม้ ดอกไม้ ดอกไม้



------จบ------
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวชมเว็บส่วนตัว
I am
บัวบานเต็มที่
บัวบานเต็มที่


เข้าร่วม: 25 ต.ค. 2006
ตอบ: 972

ตอบตอบเมื่อ: 19 ม.ค. 2007, 8:48 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

“ใจที่ตั้งไว้ผิด เป็นศัตรูที่ร้ายแรงกว่าอะไรๆ ทั้งหมด”

สาธุ สาธุ สาธุ
สาธุจ้า...โมทนานะครับ ยิ้มเห็นฟัน
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวส่ง Emailชมเว็บส่วนตัวMSN Messenger
แสดงเฉพาะข้อความที่ตอบในระยะเวลา:      
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
 


 ไปที่:   


อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
คุณไม่สามารถสร้างหัวข้อใหม่
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ
คุณไม่สามารถแก้ไขข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลบข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลงคะแนน
คุณ สามารถ แนบไฟล์ในกระดานข่าวนี้
คุณ สามารถ ดาวน์โหลดไฟล์ในกระดานข่าวนี้


 
 
เลือกบอร์ด  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  • สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทานธรรมะ  • หนังสือธรรมะ  • บทความ  • กวีธรรม  • สถานที่ปฏิบัติธรรม  • ข่าวกิจกรรม
นานาสาระ  • วิทยุธรรมะ  • เสียงธรรม  • เสียงสวดมนต์  • ประวัติพระพุทธเจ้า  • ประวัติมหาสาวก  • ประวัติเอตทัคคะ  • ประวัติพระสงฆ์  • ธรรมทาน  • แจ้งปัญหา

จัดทำโดย  กลุ่มเผยแผ่หลักคำสอนทางพระพุทธศาสนา ธรรมจักรดอทเน็ต
เพื่อส่งเสริมคุณธรรม และจริยธรรมในสังคม
เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2546
ติดต่อ webmaster@dhammajak.net
Powered by phpBB © 2001, 2002 phpBB Group :: ปรับเวลา GMT + 7 ชั่วโมง