Home
•
กระดานสนทนา
•
สมาธิ
•
สติปัฏฐาน
•
กฎแห่งกรรม
•
นิทาน
•
หนังสือ
•
บทความ
•
กวีธรรม
•
ข่าวกิจกรรม
•
แจ้งปัญหา
คู่มือการใช้
ค้นหา
สมัครสมาชิก
รายชื่อสมาชิก
กลุ่มผู้ใช้
ข้อมูลส่วนตัว
เช็คข้อความส่วนตัว
เข้าสู่ระบบ(Log in)
ได้ทำการย้ายไปเว็บบอร์ดแห่งใหม่แล้ว คลิกที่นี่
www.dhammajak.net/forums
15 ตุลาคม 2551
โทษของความอยาก (สมเด็จพระญารสังวรฯ)
อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
:: ลานธรรมจักร ::
»
บทความธรรมะ
ผู้ตั้ง
ข้อความ
I am
บัวบานเต็มที่
เข้าร่วม: 25 ต.ค. 2006
ตอบ: 972
ตอบเมื่อ: 15 ม.ค. 2007, 8:48 am
ความอยากสามารถฉุดกระชากลากแต่ละคนให้คิด ให้พูด ให้ทำ อะไรต่อมิอะไรที่ร้ายแสนร้ายเพียงใดก็ได้ ลักโขมยเล็กๆ น้อยๆ ก็เกิดจากความอยากได้เพียงเล็กๆ น้อยๆ
การปล้นสดมภ์ถึงเข่นฆ่าแทบจะล้างผลาญกันให้หมดบ้านหมดเรือนหมดประเทศ ก็เกิดจากความอยากได้ให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ จนถึงกับต้องสังหารผลาญชีวิตเพื่อให้สมอยาก
การอยากได้ทรัพย์สินเงินทองที่ฉุดลากให้ไปเป็นผู้ร้ายลักโขมย แม้ถึงทำลายชีวิตกัน ก็ไม่เสมอด้วยความอยากมีอำนาจยิ่งใหญ่ ความอยากนี้มีโทษเกินกว่าจะคาดคิดได้ ความอยากนี้ก็เป็นที่รู้ที่เห็นกันอยู่เสมอมา
ความอยากมีวาสนาเป็นใหญ่เป็นโตในบ้านในเมืองนั้น ต้องทำอะไรต่อมิอะไรมากมาย ผิดร้ายอย่างใดก็ทำกัน บ้านเมืองจะดีขึ้นหรือเลวลงเพียงใด เป็นเรื่องไม่สำคัญเท่าความอยากของคน
ความอยากยิ่งใหญ่เพียงใด ก็ยิ่งทำความเร่าร้อนรุนแรงเพียงนั้นให้เกิดในหัวใจผู้อยาก ขณะเดียวกันก็อาจทำความเดือดร้อนให้เกิดแก่สังคมแก่ประเทศชาติศาสนามากมาย แต่ก็น้อยนักที่จะเห็นโทษของความอยาก
ความอยากจึงเต็มไปทุกชีวิตจิตใจชักลากนรชนไปดังพระพุทธภาษิต โดยที่ผู้ที่ถูกความอยากชักลากอยู่นั้นหาได้เป็นสุขไม่ แต่ก็หาได้รู้ไม่ว่าความไม่เป็นสุขที่ต้องได้รับอยู่นั้นเกิดแต่ความอยาก ความอยากที่ไม่เคยหยุด ไม่เคยเพียงพอ
ความอยากที่สำคัญประการหนึ่งและมีอยู่ทุกหนทุกแห่ง คือความอยากทำลายผู้ที่ตกเป็นเหยื่อของความอิจฉาริษยา โกรธใคร เกลียดใคร อิจฉาริษยาใคร ก็อยากทำลายให้ย่อยยับ ความอยากนี้จะฉุดลากให้ผู้มีความอยากอันเกิดจากความโกรธเกลียดอิจฉาริษยาโลดแล่นไปอย่างไม่เหน็ดเหนื่อย อย่างไม่กลัวอะไรทั้งนั้น
มุ่งมั่นไปตามอำนาจของความมุ่งร้าย ที่มีความโกรธเกลียดความอิจฉาริษยาเป็นกำลังของความอยาก ผลักดันและฉุดกระชากลากถูลู่ถูกังไปทุกวิธีทาง อย่างไม่รู้จักท้อแท้เหน็ดเหนื่อย ไม่คำนึงถึงบาปบุญคุณโทษใดๆ ทั้งสิ้น
ความอยากเท่านั้นมีกำลังเหนือความรู้คิดที่ถูกที่ควรทั้งหลายทั้งปวง ความอยากเท่านั้นที่ผูกมัดไว้และลากถูไป ไม่ปล่อยให้มีอะไรอื่นมาปลดปล่อยให้เป็นอิสระ
สมเด็จพระบรมศาสดาทรงชี้ชัดให้พากันคิดว่า
สัตว์เป็นอันมากถูกความอยากผูกมัดไว้ ดุจนางนกถูกบ่วงรัดไว้ฉะนั้น
นกที่ติดบ่วงย่อมไร้อิสระภาพ ย่อมรอเวลาที่จะถูกจับไปเป็นอาหาร
สัตว์ทั้งหลาย คือเราท่านทั้งหลายก็เช่นเดียวกันกับนางนกที่ทรงมีพุทธภาษิตว่าถูกบ่วงรัด นางนกนั้นเป็นเช่นไร สัตว์ทั้งหลายที่ถูกความอยากผูกมัดไว้ ก็เป็นเช่นเดียวกัน นั้นเอง
: แสงส่องใจ ๒๕๕๐
: สมเด็จพระญารสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก
..สวัสดีตอนเช้าครับ..
ลูกโป่ง
บัวแก้ว
เข้าร่วม: 01 ส.ค. 2005
ตอบ: 4089
ตอบเมื่อ: 15 ม.ค. 2007, 4:59 pm
สาธุค่ะ...คุณ I am
ซาบซึ้งคำสอนของสมเด็จพระญารสังวร สมเด็จพระสังฆราช ฯมากค่ะ
ความอยากจึงเต็มไปทุกชีวิตจิตใจชักลากนรชนไปดังพระพุทธภาษิต
โดยที่ผู้ที่ถูกความอยากชักลากอยู่นั้นหาได้เป็นสุขไม่
แต่ก็หาได้รู้ไม่ว่าความไม่เป็นสุขที่ต้องได้รับอยู่นั้น
เกิดแต่ความอยาก ความอยากที่ไม่เคยหยุด ไม่เคยเพียงพอ
...สมเด็จพระบรมศาสดาทรงชี้ชัดให้พากันคิดว่า
สัตว์เป็นอันมากถูกความอยากผูกมัดไว้ ดุจนางนกถูกบ่วงรัดไว้ฉะนั้น
นกที่ติดบ่วงย่อมไร้อิสระภาพ ย่อมรอเวลาที่จะถูกจับไปเป็นอาหาร
สัตว์ทั้งหลาย คือเราท่านทั้งหลายก็เช่นเดียวกันกับนางนกที่ทรงมีพุทธภาษิตว่าถูกบ่วงรัด
นางนกนั้นเป็นเช่นไร สัตว์ทั้งหลายที่ถูกความอยากผูกมัดไว้ ก็เป็นเช่นเดียวกัน นั้นเอง
ขอบคุณมากนะคะ
ธรรมะสวัสดีค่ะ
ผู้เยี่ยมชม
ตอบเมื่อ: 16 ม.ค. 2007, 8:01 am
สวัสดีครับ คุณลูกโป่ง
I am
kong_014
บัวใต้ดิน
เข้าร่วม: 30 พ.ย. 2006
ตอบ: 37
ที่อยู่ (จังหวัด): สมุทรปราการ
ตอบเมื่อ: 30 ม.ค. 2007, 2:54 pm
อนุโมทน สาธุ คำสอนอันมีคุณค่า มีแง่คิด ที่จะทำให้สัตว์ทั้งหลาย ได้หลุดพ้น หากละความอยากลงได้ สาธุๆ
_________________
ไม่กล่าวโทษผู้อื่น กล่าวโทษตนเองไว้เสมอ มุ่งปฎิบัติให้ถึงซึ่งพระนิพพาน
I am
บัวบานเต็มที่
เข้าร่วม: 25 ต.ค. 2006
ตอบ: 972
ตอบเมื่อ: 01 ก.พ.2007, 8:59 am
สวัสดีครับ คุณ kong_014
แสดงเฉพาะข้อความที่ตอบในระยะเวลา:
แสดงทั้งหมด
1 วัน
7 วัน
2 สัปดาห์
1 เดือน
3 เดือน
6 เดือน
1 ปี
เรียงจากเก่า-ใหม่
เรียงจากใหม่-เก่า
:: ลานธรรมจักร ::
»
บทความธรรมะ
ไปที่:
เลือกกลุ่ม บอร์ด
กลุ่มสนทนา
----------------
สนทนาธรรมทั่วไป
แนะนำตัว
กฎแห่งกรรม
สมาธิ
ฝึกสติ
การสวดมนต์
การรักษาศีล-การบวช
ความรัก-ผูกพัน-พลัดพลาก
กลุ่มข่าวสาร-ติดต่อ
----------------
ข่าวประชาสัมพันธ์
ธรรมทาน
รูปภาพ-ประมวลภาพกิจกรรมต่างๆ
สำหรับนักเรียน นักศึกษา ขอความรู้ทำรายงาน
แจ้งปัญหา
รูปภาพในบอร์ด
กลุ่มสาระธรรม
----------------
หนังสือธรรมะ
บทความธรรมะ
นิทาน-การ์ตูน
กวีธรรม
นานาสาระ
ต้นไม้ในพุทธประวัติ
วิทยุธรรมะ
ศาสนสถานและศาสนพิธี
----------------
สถานที่ปฏิบัติธรรม
วัดและศาสนสถาน
พิธีกรรมทางศาสนา
พุทธศาสนบุคคล
----------------
พระพุทธเจ้า
ประวัติพระอสีติมหาสาวก
ประวัติเอตทัคคะ (ภิกษุณี, อุบาสก, อุบาสิกา)
สมเด็จพระสังฆราชไทย
ประวัติและปฏิปทาของครูบาอาจารย์
ในหลวงกับพระสุปฏิปันโน
อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
คุณ
ไม่สามารถ
สร้างหัวข้อใหม่
คุณ
ไม่สามารถ
พิมพ์ตอบ
คุณ
ไม่สามารถ
แก้ไขข้อความของคุณ
คุณ
ไม่สามารถ
ลบข้อความของคุณ
คุณ
ไม่สามารถ
ลงคะแนน
คุณ
สามารถ
แนบไฟล์ในกระดานข่าวนี้
คุณ
สามารถ
ดาวน์โหลดไฟล์ในกระดานข่าวนี้
เลือกบอร์ด •
กระดานสนทนา
•
สมาธิ
•
สติปัฏฐาน
•
กฎแห่งกรรม
•
นิทานธรรมะ
•
หนังสือธรรมะ
•
บทความ
•
กวีธรรม
•
สถานที่ปฏิบัติธรรม
•
ข่าวกิจกรรม
นานาสาระ
•
วิทยุธรรมะ
•
เสียงธรรม
•
เสียงสวดมนต์
•
ประวัติพระพุทธเจ้า
•
ประวัติมหาสาวก
•
ประวัติเอตทัคคะ
•
ประวัติพระสงฆ์
•
ธรรมทาน
•
แจ้งปัญหา
จัดทำโดย กลุ่มเผยแผ่หลักคำสอนทางพระพุทธศาสนา ธรรมจักรดอทเน็ต
เพื่อส่งเสริมคุณธรรม และจริยธรรมในสังคม
เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2546
ติดต่อ
webmaster@dhammajak.net
Powered by
phpBB
© 2001, 2002 phpBB Group :: ปรับเวลา GMT + 7 ชั่วโมง
www.Stats.in.th