Home
•
กระดานสนทนา
•
สมาธิ
•
สติปัฏฐาน
•
กฎแห่งกรรม
•
นิทาน
•
หนังสือ
•
บทความ
•
กวีธรรม
•
ข่าวกิจกรรม
•
แจ้งปัญหา
คู่มือการใช้
ค้นหา
สมัครสมาชิก
รายชื่อสมาชิก
กลุ่มผู้ใช้
ข้อมูลส่วนตัว
เช็คข้อความส่วนตัว
เข้าสู่ระบบ(Log in)
ได้ทำการย้ายไปเว็บบอร์ดแห่งใหม่แล้ว คลิกที่นี่
www.dhammajak.net/forums
15 ตุลาคม 2551
คุณธรรมคือหน้าที่ (พระไพศาล วิสาโล)
อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
:: ลานธรรมจักร ::
»
บทความธรรมะ
ผู้ตั้ง
ข้อความ
ก้อนดิน
บัวบานเต็มที่
เข้าร่วม: 07 ก.ค. 2004
ตอบ: 623
ตอบเมื่อ: 07 ม.ค. 2007, 12:13 pm
คุณธรรมคือหน้าที่
โดย พระไพศาล วิสาโล
การช่วยเหลือ เอื้อเฟื้อ และการแบ่งปัน (หรือให้ทาน) นั้น จัดว่าเป็นคุณธรรมอย่างหนึ่ง
และเมื่อพูดถึงคุณธรรมแล้ว เรามักนึกว่าเป็นเรื่องสมัครใจ คือทำก็ดี ไม่ทำก็ไม่เป็นไร ความคิดเช่นนี้เมื่อกล่าวโดยทั่วไปแล้วก็ถือว่าไม่ผิด แต่มีหลายกรณีที่เป็นข้อยกเว้น เพราะในบางสถานการณ์หรือในบางสถานะ คุณธรรมคือหน้าที่เลยทีเดียว
สำหรับผู้ที่เป็นพ่อหรือแม่ คุณธรรมที่มีต่อลูก เช่น การเสียสละให้ลูกได้กินอิ่มนอนอุ่นนั้น ถือว่าเป็นหน้าที่ หาใช่เรื่องความสมัครใจไม่ ในทำนองเดียวกันการทำตัวให้เป็นแบบอย่างที่ดีก็ถือว่าเป็นหน้าที่ของครูต่อศิษย์ ในวัฒนธรรมไทย มีหลายสถานภาพที่มาพร้อมกับหน้าที่ที่จะต้องช่วยเหลือเจือจานผู้อื่น โดยเฉพาะผู้ที่อยู่ ต่ำ กว่า เช่น พี่กับน้อง ผู้ใหญ่กับผู้น้อย เจ้านายกับลูกน้อง เป็นต้น
ในบางสถานการณ์ การช่วยเหลือก็ถือเป็นหน้าที่ที่ต้องทำ ไม่ใช่แค่เรื่องสมัครใจเท่านั้น เช่น เมื่อเห็นคนกำลังจมน้ำ คนที่อยู่บนบกจะถือว่าธุระไม่ใช่ ช่วยก็ได้ ไม่ช่วยก็ได้ หาได้ไม่ ในยามนั้นทุกคนมีหน้าที่ที่จะต้องช่วยเหลือคนที่กำลังจะจมน้ำตาย ถ้าไม่ทำย่อมถูกตำหนิ ติเตียน
คุณธรรมที่ถือว่าเป็นหน้าที่นี้ เรียกอีกอย่างหนึ่งว่า หน้าที่ทางศีลธรรม ทุกสังคมหรือทุกวัฒนธรรมย่อมกำหนดหน้าที่ทางศีลธรรมไว้สำหรับบุคคลอย่างน้อยก็เมื่ออยู่ในบางสถานะหรือในบางสถานการณ์ หน้าที่ทางศีลธรรมต่างจากหน้าที่ตามกฎหมาย เพราะไม่มีการตราเป็นข้อบังคับหรือลายลักษณ์อักษร แต่ถือเป็นธรรมเนียมปฏิบัติ ผู้ที่ละเมิดหรือละเลย แม้จะไม่ถูกลงโทษตามกฎหมาย แต่ก็ถูกตำหนิ ติเตียนจากสังคม หรือถึงกับไม่มีใครคบค้าสมาคมด้วย
ชุมชนแบบหมู่บ้านในอดีต คนรวยมีหน้าที่ทางศีลธรรมที่จะต้องช่วยเหลือคนจน และถ้ามีแขกแปลกหน้ามาขออาหาร เจ้าบ้านมีหน้าที่หาข้าวหาน้ำมาให้ หากไม่ทำย่อมถูกตำหนิติเตียนว่าไร้น้ำใจ จะอ้างว่านี่เป็นเรื่องสมัครใจหาได้ไม่
ในสังคมสมัยใหม่แม้ขนบธรรมเนียมหลายอย่างจะเปลี่ยนไป และแม้ผู้คนจะอยู่อย่างตัวใครตัวมันมากขึ้น แต่ความเชื่อว่าคุณธรรมเป็นหน้าที่ก็ยังไม่หมดไป อย่างน้อยก็ยังถือว่าเป็นพันธะที่ติดมากับสถานภาพบางอย่าง ในอเมริกาหรือยุโรปซึ่งแม้จะเป็นสังคมทุนนิยมเต็มที่ ก็ยังมีคติความเชื่ออยู่ว่าคนรวยต้องบริจาคทรัพย์เพื่อส่วนรวม การเสียภาษีนั้นเป็นหน้าที่ตามกฎหมาย แต่แค่นั้นยังไม่พอ ต้องรู้จักนำทรัพย์สมบัติมาก่อให้เกิดประโยชน์ต่อสังคมด้วย เช่น บริจาคเงินนับล้านๆ ให้แก่โรงพยาบาล มหาวิทยาลัย หอสมุด พิพิธภัณฑ์ อุดหนุนการวิจัย หรือช่วยเหลือคนยากจน
หน้าที่ทางศีลธรรมดังกล่าวยังครอบคลุมถึงผู้ที่เป็นบุคคลสาธารณะ หรือ คนดังที่มีฐานะ เช่น ดารา นักแสดง นักกีฬา ด้วยเหตุนี้จึงเป็นเรื่องธรรมดาที่เมื่อเกิดมหันตภัยสึนามิ คนดังทั้งหลายในอเมริกาและยุโรป จึงพากันบริจาคเงินก้อนโตเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัย คนเหล่านี้อาจไม่ใช่คนมีคุณธรรมมาก แต่เขารู้ดีว่าในสถานภาพปัจจุบันเขามีหน้าที่ทางศีลธรรมที่จะต้องช่วยเหลือผู้ประสบภัยอย่างสมควรแก่ฐานะ ถ้าเขาไม่ทำเขาจะถูกตำหนิติเตียน และนั่นอาจหมายถึงการสูญเสียรายได้มหาศาลจากค่าโฆษณา เพราะเจ้าของสินค้าอาจไม่จ้างเขาเป็นพรีเซนเตอร์เนื่องจากมีภาพลักษณ์ที่ไม่ดี
ควรกล่าวเพิ่มเติมตรงนี้ด้วยว่า แม้ไม่ใช่คนรวย แต่หากเป็นบุคคลสาธารณะด้านอื่นๆ เช่น เป็นนักการเมือง ข้าราชการ ก็มีหน้าที่ทางศีลธรรมเช่นกัน แต่สิ่งที่สังคมคาดหวังมิใช่การบริจาคทรัพย์ หากได้แก่การประพฤติตัวให้ถูกทำนองคลองธรรม เช่น มีผัวเดียวเมียเดียว ไม่ใช้เส้นในตำแหน่งหน้าที่ ไม่เหยียดผิว หรือลวนลามผู้หญิง
สำหรับสังคมไทยนั้นแม้ความเชื่อว่าคนรวยมีหน้าที่ช่วยเหลือคนจนจะเสื่อมคลายลง เพราะสำนึกในความเป็นชุมชนเดียวกันจางหายไปมากแล้ว แต่ความเชื่อเรื่องหน้าที่ทางศีลธรรมยังมีอยู่ ความเชื่อดังกล่าวทำให้ภราดร ศรีชาพันธุ์ ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างรุนแรงหลังจากมีข่าวว่าบริจาคเงินช่วยผู้ประสบภัยสึนามิเพียง ๑๐,๐๐๐ บาท ในขณะที่ภราดรและครอบครัวอาจคิดว่าการบริจาคเงินเป็นเรื่องสมัครใจ จะให้เท่าไรก็สุดแท้แต่ความพอใจ แต่ผู้คนจำนวนไม่น้อยเห็นว่าโดยสถานภาพของภราดรในปัจจุบันเขามีพันธะหน้าที่ที่จะต้องช่วยเหลือมากกว่านั้น ปัญหาเกิดขึ้นเพราะภราดรไม่รู้ว่าตนอยู่ในสถานภาพอะไร หรือพูดให้ถูกต้องคือไม่รู้ว่าตนมีพันธะหน้าที่อะไรบ้างที่ติดมาพร้อมกับสถานภาพดังกล่าว
กรณีของภราดรอาจเป็นเครื่องบ่งชี้ว่าความเชื่อเรื่องคุณธรรมในสังคมไทยกำลังเจือจางลงมาก จนเกิดความเข้าใจไปว่าคุณธรรมเป็นเรื่องสมัครใจล้วนๆ หรือเป็นเรื่องส่วนตัวล้วนๆ ที่ไม่เกี่ยวข้องกับพันธะหน้าที่หรือสำนึกต่อส่วนรวม น่าเป็นห่วงว่าหากความคิดเช่นนี้แพร่หลายไปกว้างขวาง สังคมไทยจะอยู่อย่างตัวใครตัวมันกันมากขึ้น และตกอยู่ในภาวะล้าหลังทางคุณธรรมยิ่งกว่าสังคมอเมริกันหรือยุโรป ซึ่งยังมีความเชื่อในเรื่องหน้าที่ทางศีลธรรมอยู่อย่างเข้มแข็ง (แม้จะมีเรื่องผลประโยชน์ส่วนตัวเกี่ยวข้องอยู่มากก็ตาม)
สำนึกเรื่องหน้าที่ทางศีลธรรมเป็นสิ่งที่ต้องตอกย้ำกันให้มากขึ้นในสังคมไทย แต่ก็ต้องทำอย่างมีสติและเมตตา ไม่ติดยึดแค่รูปแบบหรืออากัปกิริยาภายนอกเท่านั้น ไม่เช่นนั้นแล้วคุณธรรมหรือศีลธรรมอาจถูกใช้เป็นเครื่องมือทำร้ายผู้คนแทนที่จะส่งเสริมให้เกิดชีวิตที่ดีงาม เช่น ถ้าใครไม่ปฏิบัติตนตามกรอบคุณธรรมที่วางเอาไว้ ก็รุมตำหนิอย่างรุนแรงไร้เมตตา (ดังที่ภราดรประสบ) หรือถึงกับทำร้ายจนเสียผู้เสียคน ทั้งๆ ที่เขามีคุณงามความดีมากมาย (ดังกรณี ไอ้ฟัก ในนิยายเรื่องคำพิพากษา) เมตตาธรรมและขันติธรรมเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้สำหรับผู้เรียกร้องคุณธรรมจากผู้อื่น
ในอีกด้านหนึ่งก็ต้องระวังผู้ที่ใช้ศีลธรรมเป็นเครื่องมือสร้างประโยชน์ให้แก่ตนเอง เช่น สร้างภาพว่าตนเองเป็นคนมีคุณธรรม หรือใช้คุณธรรมบางข้อเป็นเครื่องปกปิดความผิดที่ร้ายแรง การบริจาคเงินนั้นเป็นของดีที่น่าอนุโมทนา แต่คนที่บริจาคเงินมากๆ ไม่จำเป็นว่าจะต้องเป็นคนดีเสมอไป ในสังคมที่เชิดชูคุณธรรมมักมีคนที่ชอบทำบุญเอาหน้าทั้งๆ ที่เบื้องหลังนั้นสกปรก เราจึงไม่ควรชื่นชมใครเพียงเพราะเขาขยันบริจาคเงินเท่านั้น หากควรดูพฤติกรรมอื่นๆ ประกอบด้วย
ค่านิยมที่ยกย่องเชิดชูคนทำบุญเอาหน้า ไม่เพียงแต่จะเปิดโอกาสให้คนชั่วขึ้นมามีหน้ามีตาในสังคมเท่านั้น หากยังจะบีบคั้นให้คนยากจนต้องเป็นหนี้สินหนักขึ้น เพื่อจะได้มีเงินมาทำบุญมากๆ หรือหมดเนื้อหมดตัวไปกับงานบวชและงานศพเพียงเพื่อจะได้ไม่น้อยหน้าคนอื่นเขา
คุณธรรมนั้นมีเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตและสร้างความผาสุกในสังคม ขออย่าให้กลายมาเป็นเครื่องมือทำร้ายผู้คนหรือสร้างภาพให้แก่พาลชน
............................................................
คัดลอกมาจาก ::
หนังสือพิมพ์มติชน รายวัน หน้า 6
คอลัมน์ มองอย่างพุทธ
วันที่ 27 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2548 ปีที่ 28 ฉบับที่ 9850
ลูกโป่ง
บัวแก้ว
เข้าร่วม: 01 ส.ค. 2005
ตอบ: 4089
ตอบเมื่อ: 10 ม.ค. 2007, 11:42 am
สาธุค่ะ
แสดงเฉพาะข้อความที่ตอบในระยะเวลา:
แสดงทั้งหมด
1 วัน
7 วัน
2 สัปดาห์
1 เดือน
3 เดือน
6 เดือน
1 ปี
เรียงจากเก่า-ใหม่
เรียงจากใหม่-เก่า
:: ลานธรรมจักร ::
»
บทความธรรมะ
ไปที่:
เลือกกลุ่ม บอร์ด
กลุ่มสนทนา
----------------
สนทนาธรรมทั่วไป
แนะนำตัว
กฎแห่งกรรม
สมาธิ
ฝึกสติ
การสวดมนต์
การรักษาศีล-การบวช
ความรัก-ผูกพัน-พลัดพลาก
กลุ่มข่าวสาร-ติดต่อ
----------------
ข่าวประชาสัมพันธ์
ธรรมทาน
รูปภาพ-ประมวลภาพกิจกรรมต่างๆ
สำหรับนักเรียน นักศึกษา ขอความรู้ทำรายงาน
แจ้งปัญหา
รูปภาพในบอร์ด
กลุ่มสาระธรรม
----------------
หนังสือธรรมะ
บทความธรรมะ
นิทาน-การ์ตูน
กวีธรรม
นานาสาระ
ต้นไม้ในพุทธประวัติ
วิทยุธรรมะ
ศาสนสถานและศาสนพิธี
----------------
สถานที่ปฏิบัติธรรม
วัดและศาสนสถาน
พิธีกรรมทางศาสนา
พุทธศาสนบุคคล
----------------
พระพุทธเจ้า
ประวัติพระอสีติมหาสาวก
ประวัติเอตทัคคะ (ภิกษุณี, อุบาสก, อุบาสิกา)
สมเด็จพระสังฆราชไทย
ประวัติและปฏิปทาของครูบาอาจารย์
ในหลวงกับพระสุปฏิปันโน
อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
คุณ
ไม่สามารถ
สร้างหัวข้อใหม่
คุณ
ไม่สามารถ
พิมพ์ตอบ
คุณ
ไม่สามารถ
แก้ไขข้อความของคุณ
คุณ
ไม่สามารถ
ลบข้อความของคุณ
คุณ
ไม่สามารถ
ลงคะแนน
คุณ
สามารถ
แนบไฟล์ในกระดานข่าวนี้
คุณ
สามารถ
ดาวน์โหลดไฟล์ในกระดานข่าวนี้
เลือกบอร์ด •
กระดานสนทนา
•
สมาธิ
•
สติปัฏฐาน
•
กฎแห่งกรรม
•
นิทานธรรมะ
•
หนังสือธรรมะ
•
บทความ
•
กวีธรรม
•
สถานที่ปฏิบัติธรรม
•
ข่าวกิจกรรม
นานาสาระ
•
วิทยุธรรมะ
•
เสียงธรรม
•
เสียงสวดมนต์
•
ประวัติพระพุทธเจ้า
•
ประวัติมหาสาวก
•
ประวัติเอตทัคคะ
•
ประวัติพระสงฆ์
•
ธรรมทาน
•
แจ้งปัญหา
จัดทำโดย กลุ่มเผยแผ่หลักคำสอนทางพระพุทธศาสนา ธรรมจักรดอทเน็ต
เพื่อส่งเสริมคุณธรรม และจริยธรรมในสังคม
เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2546
ติดต่อ
webmaster@dhammajak.net
Powered by
phpBB
© 2001, 2002 phpBB Group :: ปรับเวลา GMT + 7 ชั่วโมง
www.Stats.in.th