Home  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  •  สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทาน  • หนังสือ  •  บทความ  • กวีธรรม  • ข่าวกิจกรรม  • แจ้งปัญหา
คู่มือการใช้คู่มือการใช้  ค้นหาค้นหา   สมัครสมาชิกสมัครสมาชิก   รายชื่อสมาชิกรายชื่อสมาชิก  กลุ่มผู้ใช้กลุ่มผู้ใช้   ข้อมูลส่วนตัวข้อมูลส่วนตัว  เช็คข้อความส่วนตัวเช็คข้อความส่วนตัว  เข้าสู่ระบบ(Log in)เข้าสู่ระบบ(Log in)
 
ได้ทำการย้ายไปเว็บบอร์ดแห่งใหม่แล้ว คลิกที่นี่
www.dhammajak.net/forums
15 ตุลาคม 2551
 พุทธศาสนาไม่มีอะไรบกพร่อง (หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน) อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
ผู้ตั้ง ข้อความ
ปุ๋ย
บัวเงิน
บัวเงิน


เข้าร่วม: 02 มิ.ย. 2004
ตอบ: 1275

ตอบตอบเมื่อ: 04 ธ.ค.2006, 12:41 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

Image

พุทธศาสนาไม่มีอะไรบกพร่อง
โดย หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน

เทศน์อบรมฆราวาส วันที่ ๗ เมษายน ๒๕๔๕ (เช้า)
ณ วัดป่าบ้านตาด จ.อุดรธานี



ท่านสุวัจน์นี้เสียเวลาเท่าไร (บ่ายโมง ๑๒ นาที ครับ) วันที่ ๕ ใช่ไหม (ครับ) วันนั้นเขาก็บอกว่าวันที่ ๕ แต่เสียที่โรงพยาบาลศิริราช ทำให้เราสะดุดใจ ไม่สนิทใจ ว่าเสียที่บุรีรัมย์ เอ้อ สนิท อย่างน้อยต้องได้รับคำเตือนจากท่านผู้ป่วย ว่าควรจะไปโรงพยาบาลหรือไม่ อย่างนี้นะ ว่าท่านเสียที่บุรีรัมย์ก็สนิทใจ ท่านหล้าก็เสียที่ภูจ้อก้อ อันนั้นเราไปดูอยู่นี่ ท่านอาจารย์หล้า ที่ภูจ้อก้อ พอจวนตัวเข้ามาเราก็ไปดู เราสั่งเสียทุกอย่าง สั่งพยาบาลด้วย พยาบาลมาคอยดูแลอยู่นั้น เราสั่งเสียให้ปฏิบัติเพียงพอเหมาะสมเท่านั้นไม่ให้เลย

คือตามธรรมดาเมื่อเอาเข้าโรงพยาบาลแล้ว หมอต้องทำหน้าที่ของหมอเต็มเม็ดเต็มหน่วย เราก็เป็นแต่เพียงขอนซุง จะเป็นใหญ่ในตัวเองไม่ได้ ถ้าลงได้เข้าโรงพยาบาลแล้วเป็นหน้าที่ของหมอของพยาบาล จะต้องดูแลเต็มเม็ดเต็มหน่วย ทีนี้คนไข้ร้อยทั้งร้อยก็เป็นไปตามหมอหมด ถ้าจะแยกออกมาเป็นเปอร์เซ็นต์ก็ ๑% หรือ ๒% จะแยกออกมาเป็นตัวของตัวทางด้านฝ่ายธรรมะ คือท่านผู้ที่มีจิตเป็นธรรม ธรรมเป็นจิตล้วน ๆ แล้วนั้น ไปเพียงอาศัยเวลาที่จะผ่านเท่านั้น ท่านไม่ได้อาศัยว่าจะหวังพึ่งอะไร เพราะท่านพอทุกอย่างแล้ว ท่านจะไม่มีอะไรพึ่ง แย็บออกมาก็ไม่มี จึงว่าพยุง

แต่ไม่ให้ขัดข้องจากการพยุง กลายเป็นอุปสรรคไป พยุงไว้พอเวล่ำเวลาที่จิตใจของคนมีจำนวนมากที่จ่ออยู่กับท่าน รอให้พอเหมาะพอดีแล้วก็ผ่าน ถ้าพูดให้เต็มยศคือ พระอรหันต์ตาย ว่างั้นเลย ท่านจะไม่ถามใครทั้งหมด ท่านพออยู่ในท่านหมดเลยทุกอย่าง อย่างพระเข้าสู่โรงพยาบาลก็เป็นมารยาทอันหนึ่ง ของระหว่างโลกกับธรรมอยู่ด้วยกัน ท่านก็ไปอย่างนั้น ถ้าให้เป็นเรื่องของท่านจริงๆ ไม่คำเดียวพอ อยู่ที่ไหนไปได้เลยสะดวก ๆ เพราะฉะนั้นเวลาพระอรหันต์ท่านนิพพานจึงไม่ค่อยมีในตำรับตำรา ถ้ามีมาก็จับเงื่อนได้เลย องค์นั้นนิพพานอยู่ในป่านั้นๆ แน่ะไปอย่างนั้นเสีย

จะให้มาที่ชุมนุมชนนี้ไม่มี ก็มีแต่พระอานนท์ นี้ก็เป็นไปตามนิสัยวาสนาของท่านที่เด่นชัด เกี่ยวกับบริษัทบริวารท่านมีญาติมีวงศ์ ทางนั้นก็มีหัวใจ ญาติฝั่งนี้ก็มีหัวใจ ท่านอยู่ศูนย์กลางจะทำยังไง ท่านก็เลยอธิษฐานไม่ให้มีฝ่ายใดได้เปรียบเสียเปรียบระหว่างญาติทั้งสองฝ่าย ก็มีพระอานนท์เท่านั้น นอกนั้นท่านก็ไปของท่านสบาย ๆ ท่านไม่มีอะไรกับโลก ท่านทั้งหลายฟังเอานะ นี่ละธรรมของพระพุทธเจ้า เมื่อหัวใจได้สัมผัสเข้าไปจนกระทั่งสัมผัสเต็มร้อยเปอร์เซ็นต์แล้ว ไม่มีอะไรมายุ่งได้เลย พอทุกอย่าง เรียกว่าพอหมด ตายที่ไหนก็มีแต่ทิ้งร่างเท่านั้นเอง ไม่เห็นมีอะไร

เพราะฉะนั้นในต้นไม้ภูเขาที่ไหน ท่านจึงตายได้อย่างสะดวกสบาย ท่านไม่อยากตายเกลื่อนกล่นพูดอย่างนี้เลย เรื่องเกลื่อนกล่นเป็นเรื่องของโลกของสงสารที่เกาะนั้นยึดนี้อาศัยนั้น สำหรับเรื่องธรรมล้วนๆ จิตล้วนๆ ที่บริสุทธิ์แล้วไม่อะไรทั้งนั้น ปล่อยตามหลักธรรมชาติ ประคับประคองกันไม่อยู่แล้วเหรอ ไม่อยู่ก็ปัดปั๊บไปเลย เป็นอย่างนั้นนะ ท่านสุวัจน์นี้เป็นพระประเภทที่ว่าพอตัว เพราะได้คุยธรรมะกันเรียบร้อยแล้ว อันนี้ก็รู้สึกว่าท่าน...เราพูดไม่ใช่เราพูดยอเรา ท่านมาพูดเอง อย่างที่พูดเมื่อคืนนี้ว่า ท่านได้ฟังเทปเราเทศน์ที่วัดอโศการาม เทปนี้อาจจะออกมาจากวัดอโศการามก็ได้

ในขณะที่เราเทศน์แล้วท่านเอามาฟังก็ได้ หรือว่าคิดว่าท่านจะฟังเราที่นั่นคงไม่ใช่ คงจะมีใครเอาถวายท่าน ท่านถึงได้ฟัง คิดว่าจะเป็นอันนี้มากกว่า เทศน์ที่วัดอโศการาม ว่างั้น เทศน์ที่วัดอโศการาม ก็เป็นเทศน์สอนพระนี่ เทศน์สอนพระเรื่องอรรถเรื่องธรรมก็เป็นไปตามประเภทของพระ ถ้าประชาชนอย่างแกงหม้อใหญ่ก็อย่างพี่น้องทั้งหลายฟังนั่นซิ เทศน์มีธรรมะสูงที่ไหนไม่เคยมี เห็นมีพระมากๆ ก็แย็บไปหาพระเสียเล็กน้อยไม่ได้เต็มเม็ดเต็มหน่วย ทั้งๆ ที่เทศน์มาแต่ต้นเต็มเม็ดเต็มหน่วยตลอดมา

สำหรับเทศน์สอนพระวัดป่าบ้านตาดนี้จะมีแต่แกงหม้อเล็กหม้อจิ๋วๆ ล้วนๆ ไปเลย ทีนี้เวลาออกสู่ประชาชนก็เพื่อให้รับผลประโยชน์ทั่วถึงกัน อันใดที่จะเหมาะสม ธรรมะประเภทนี้เหมาะสมก็ออกประเภทนี้ ถ้าสูงกว่านี้ไม่เกิดประโยชน์ จะเทศน์ไปหาอะไร นั่นมันเป็นขั้นๆ ของธรรม ผู้ที่ว่ามาสงเคราะห์คนไม่รู้เรื่องของคนได้เหรอ ไม่รู้เรื่องของสถานที่บุคคลได้ยังไง ผู้ที่สงเคราะห์โลกอย่างน้อยต้องรู้ มากกว่านั้นรอบไปหมด แน่ะมันเป็นขั้นๆ นะ ธรรมะขั้นใดจะควรออกกับบุคคลคณะใด มันจะรับกันทันทีเลย จะเอาอันอื่นเข้ามาใส่ไม่ได้

พอเหมาะแล้ว ออกแต่เรื่องพอเหมาะพอดีๆ ส่วนมากก็เป็นแกงหม้อใหญ่ อย่างที่เทศน์สอนพี่น้องชาวไทยทั่วประเทศ มีธรรมะขั้นสูงที่ไหนไม่มี เทศน์อยู่อย่างนั้นมันก็ยังไม่ได้เรื่องได้ราว แล้วจะไปเอาธรรมะขั้นสูงอะไรมาให้ฟัง จะเกิดประโยชน์อะไร พอที่จะหยิบจะยื่นได้เอามาเป็นคติเครื่องเตือนใจตามขั้นภูมิของตนได้ เพียงเท่านั้นก็เป็นมงคลมากแล้วสำหรับประชาชนจำนวนมาก นั่นเป็นขั้นๆ

ทีนี้ย้อนมาถึงท่านสุวัจน์ ท่านบอกว่าท่านได้ฟังเทปของเรา ตอนที่มันจะสะดุดใจอย่างแรง เทศน์ไปพอถึงจุดนั้น ธรรมะออกมาผางเข้าหัวใจเลยเทียว ธรรมะขั้นพอเหมาะกัน เห็นไหมล่ะ จิตใจสะดุ้งปึ๋งเลยทันทีท่านว่างั้น นี่ละฟังซิธรรมะ พระพุทธเจ้าเทศน์สอนโลกมา เทวบุตรเทวดามนุษย์มนาทั้งหลายสำเร็จมรรคผลนิพพานมีมากขนาดไหน ก็อย่างนี้เอง ผู้ที่ควรจะรับธรรมประเภทไหนๆ มันรอกันหมดแล้ว นิสัยของใครขั้นใดๆ มันก็เข้าผึงๆ นี่ผู้มุ่งต่อมรรคผลนิพพานคือแดนพ้นทุกข์ ส่วนมากมีบรรดาพระสงฆ์ เหล่านี้ท่านตั้งอย่างนั้นๆ

เทศน์ก็ผึงๆ ก็รับๆ สำเร็จมรรคผลนิพพานน้อยเมื่อไรพระพุทธเจ้าเทศน์แต่ละครั้งๆ นี่เพียงเรามาพูดเป็นหนูตัวหนึ่งมาพูด ที่ว่าท่านสะดุดใจอย่างแรง ผึงทันทีเลย ท่านว่า พอเทศน์ลงไปถึงจุดนั้นปั๊บ ก็โดนนี้ปึ๋ง ว่างั้นนะ ตั้งแต่นั้นมาจิตหมุนติ้วเลย พอเปิดกุญแจให้เท่านั้นละหมุนติ้ว หมุนๆ ใหญ่เลย นั่นเห็นไหม นี่ท่านเล่าให้ฟัง ท่านเล่าเอง ท่านเล่าแล้วยังไม่แล้วนะ ท่านมาไม่ได้แสดงกิริยาว่าขอบบุญขอบคุณ แต่เรื่องขอบบุญขอบคุณแสดงอยู่กับกิริยาเนื้ออรรถเนื้อธรรม และความยอมรับธรรมทั้งหลายล้วนๆ นั้นทั้งหมด ไปลงอยู่นั้น

เรียกว่าเห็นบุญเห็นคุณนี้มากยิ่งกว่าที่จะมาแสดงขอบคุณอย่างนี้นะ อันนี้ท่านเล่าเอง เล่าถึงขั้นนี้ก็ขั้นจะผึงแหละ จากนั้นมาก็ไม่มีปัญหาอะไร เพราะฉะนั้นว่าท่านสุวัจน์เสียเราจึงสะดุดใจปั๊บเลย ข่าวว่าท่านเสียที่ศิริราชวันนั้นที่ได้ยิน เราแย็บในจิต เอ๊ะ ยังไงกัน พอว่าตายที่บุรีรัมย์สนิทใจทันที ไม่มีเครื่องอะไรมาจับมารบกวนท่านไม่มีปัญหาอะไร เช่น เครื่องจับชีพจรหรือไง อย่างท่านหล้า ภูจ้อก้อ เราก็ไปดูอยู่นั้น เขาก็วางไว้นี้ บอกว่าอย่าเอาอะไรมากวนท่านนะ บอกเท่านั้นละ ให้คอยสังเกต อยากทราบเรื่องของท่านหนักเบามากน้อยเพียงไรจากเครื่องนี้ ก็ให้อยู่ในเครื่องนั้น

อย่ามารบกวน เรื่องระโยงระยางอย่าเอามายุ่ง บอกอย่างนี้เลย เราสั่งคำขาดเลย ไม่ใช่เรื่องของท่าน บอกอย่างนี้เลย ท่านก็ไปอย่างเรียบร้อยเห็นไหมล่ะ อัฐิของท่านกลายเป็นพระธาตุ (ขออนุญาตครับ ท่านอาจารย์สุวัจน์ตอนเพียบหนักที่วัดที่บุรีรัมย์ ลูกศิษย์เห็นว่าเพียบหนักก็นำท่านไปโรงพยาบาล ท่านอาจจะสั่งลูกศิษย์ไว้ไม่ให้เจาะคอ เลยไม่ได้เจาะคอ) ท่านต้องสั่งแน่ ๆ เพราะไม่ใช่เรื่องของท่านจะรับอันนี้เข้ามากวนธาตุขันธ์ของท่านมากขึ้น ว่าจะเบาตามความคาดหมายของหมอ แต่ก็เป็นการขัดของท่านอยู่ในขันธ์

หลวงปู่ขาวก็เหมือนกัน นั้นเราก็ได้ไปดูท่านเวลาท่านเพียบมากๆ คอยดูคอยเตือนพระเณรให้ปฏิบัติต่อท่านด้วยความราบรื่นไม่ใช่อะไรนะ เรื่องธาตุเรื่องขันธ์ก็เป็นเรื่องของมัน คอยเตือนพระเณรอยู่เสมอเวลาปฏิบัติต่อท่าน เขาเอาเครื่องอะไรจ่อเข้าไปหาท่าน พอไปสัมผัสท่านปั๊บท่านปัดทันทีเลย ถึงใจเราทันที นั่น ต้องอย่างนี้ ท่านปัดท่านไม่ให้เอาเข้ามายุ่งเลย ปล่อยตามธรรมชาติ ก็มันจะไปของมันโดยหลักธรรมชาติอยู่แล้ว ไปตบไปแต่งมันหาอะไร ใครจะไปรู้รอบยิ่งกว่าพระที่สิ้นกิเลสแล้ว การปฏิบัติระหว่างขันธ์กับจิต ท่านรู้รอบของท่านทุกอย่างๆ

อะไรที่ท่านแนะให้รีบปฏิบัติตามนั้นเหมาะสมนะ เราตัวเท่าหนูเราเคยพูดแล้วกับพระกับเณรในวัดเรา บอกไว้เรียบร้อยแล้ว แล้วกำชับด้วยอย่าฝืนนะ คำไหนที่สั่งไว้แล้วออกมาจากหัวใจ ๑) จะเอาไปที่ไหนๆ ก็ตาม ถ้าเราไม่อนุญาตแล้วห้ามไม่ให้เอาไป ๒) เวลาเพียบมากๆ ให้ต่างองค์ต่างอยู่สงบ ระยะนั้นจะมีพระมาเกี่ยวข้อง ให้ต่างองค์ต่างอยู่สงบอย่ามายุ่งกวนเรา ๓) เพียบเต็มที่แล้วอย่ามาแตะต้องกายเราเป็นอันขาด บอกอย่ามายุ่งเป็นอันขาด ปล่อยไว้อย่างนั้นเลย นั่นบอกชัดเจน คืออย่ามาแตะต้องกายเป็นอันขาด บอกชัดเจนเป็นขั้นๆ ๑) ให้ด้วยความสงบ เราไม่อนุญาตใครจะเอาไปไหนไม่ได้ ห้ามไม่ให้เอาไป ๒) เวลาเพียบเข้ามามากแล้ว ให้ต่างองค์ต่างอยู่สงบ

อย่ามาถาม อย่ามาเตือนคำนั้นคำนี้ เราพอทุกอย่างแล้ว บอกขนาดนั้นนะ จะว่ารับหรือไม่รับ เราไม่ได้ประมาทคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า อยู่ในหัวใจนี้หมดแล้ว จะไปคว้าอะไรงมๆ เงาๆ วะ ความหมายก็ว่าอย่างนั้น ไม่ให้มาเตือน ไม่ให้มาบอกคำไหนพอที่จะมาเป็นการกวนหลักธรรมชาติของธรรมกับจิตที่เป็นอันเดียวกันแล้ว



(มีต่อ 1)
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวMSN Messenger
ปุ๋ย
บัวเงิน
บัวเงิน


เข้าร่วม: 02 มิ.ย. 2004
ตอบ: 1275

ตอบตอบเมื่อ: 04 ธ.ค.2006, 12:49 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ข้างนอกมันเป็นเงานี่นะ มาเตือนอย่างนั้นเตือนอย่างนี้ เงาอย่าเอามายุ่ง หลักธรรมชาติที่แท้จริงอยู่นี้หมดแล้ว ความหมายว่างั้น เวลาจวนเข้าไปจริงๆ แล้ว ห้ามไม่ให้มาแตะเลยร่างกาย ให้ต่างคนต่างอยู่ นิ่งสงบ อย่ามากวนเป็นอันขาด สุดท้ายแล้วจะโยนลงป่าลงเหวลงอะไรก็แล้วแต่เถอะ เราไม่ได้สนใจกับมันแหละ เท่านั้น นี่ก็อย่างอนุโลมทำเมรุไว้นี้ ถ้าเป็นเราแล้ว โอ๋ย เผากบเผาเขียดเขาเผากันยังไงในเตาไฟเขา เราก็เผาแบบเดียวกันไม่เห็นแปลกกันอะไร เท่านั้นพอเราไม่ยุ่ง นี่ก็ฐานอนุโลมเฉยๆ มันจะได้เผานี้หรือไม่ได้เผาก็ไม่ได้ทราบแหละ

ทำไว้อย่างนั้น เราไม่ได้เสียดายอะไร เราเสียดายแต่หัวใจคนเท่านั้น เพราะฉะนั้นจวนตัวเท่าไรยิ่งเทศน์เด็ดเทศน์เผ็ดเทศน์ร้อน ให้เห็นทั้งโทษทั้งคุณทุกแง่ทุกมุมไป เพราะการเทศน์นี้ไม่ได้ผิดเลย พูดออกมาคำไหนแม่นยำๆ ไม่สงสัย คิดดูซิเทศน์มาสักกี่กัณฑ์ เวลาเขามาอ่านให้ฟังเราเคยได้บอกว่าตรงนั้นผิดไม่เคยมี ก็มันแน่มาแล้ว เทศน์ออกไปติดในเทปก็แน่ ถอดจากเทปมาอ่านให้ฟังมันก็แน่ แล้วมันจะผิดที่ตรงไหน เป็นอย่างนั้นนะ อย่างเขาอ่านก็เพื่อเป็นคำยืนยันว่าผ่านท่านแล้ว ว่างั้นนะ ความจริงมันผ่านตั้งแต่ออกจากปากเรานี้แหละ

นี่ที่วิตกวิจารณ์ ทุกวันนี้วิจารณ์กับโลกเรานี้แหม สกปรกเอามากทีเดียว เอาธรรมจับนี้จนจะดูไม่ได้เลย พี่น้องทั้งหลายฟังนะ ธรรมกับโลก ธรรมกับกิเลส ต่างกันอย่างไรบ้าง ฟังซิ จนจะดูไม่ได้เลย ยิ่งแต่งตัวสดสวยงดงามมาเท่าไร ยิ่งโอ้อวดกิเลสให้เห็น ธรรมยิ่งหงายหมาไปเลย ไม่อยากหงายธรรมดา คือหงายหลบไม่ทันมันกระเทือนแรง เป็นอย่างนั้นนะ ทางนั้นยังโอ่อ่าฟู่ฟ่าสวยงาม มองนั้นแล้วมองนี้ แต่งอย่างนี้สวยไหม ดูทางนั้นแล้วดูทางนี้ มันกำลังเป็นบ้ายังไม่รู้ตัวนะ โหย สลดสังเวชนะ เป็นจริงๆ นี่ละที่พระพุทธเจ้าทรงท้อพระทัย นี่ตัวเท่าหนูมันก็เป็นจะให้ว่าไง

แต่งโก้ๆ หรูๆ แบบกิเลสมามันดูไม่ได้นะ แบบจิ้งโก๋จิ้งเก๋ แบบปล่อยหีปล่อยอะไรมานี้ แทนที่จะดูแบบโลกดูกัน มีความยินดีกำหนัดรักใคร่มันไม่ได้เป็นอย่างนั้น สลดสังเวชป๋างๆ เลย นั่นละธรรมเป็นอย่างนั้น ต่างกัน พี่น้องทั้งหลายถ้าสนใจในธรรมให้ฟังเสียงธรรมบ้าง อย่าฟังเสียงแต่กิเลสอย่างเดียว แต่งตัวโก้หรู บางทีจี้เอาต่อหน้าก็มี นี่มันปล่อยหีมันนะ ว่างั้นนะ คือมันมาจังก้าอยู่ต่อหน้าก็ซัดเสียบ้างซีจะว่าไง มันไม่มียางอายเลยเป็นยังไง นี่ละกิเลสมันหนาขนาดนั้นเวลานี้ จนกระทั่งธรรมจะไม่มีเหลือแล้วนะ ผลสุดท้ายพระก็ยิ่งหนา เป็นผู้ออกสนามความเลวร้ายขึ้น

คือพระเวลานี้ ออกอย่างจังๆ ทีเดียว เอาตำราจับกัน พระพุทธศาสนาคำสอนของพระพุทธเจ้า เราจับมาทั้งภาคปริยัติ จับมาทั้งภาคปฏิบัติด้วย มันถึงได้เต็มเหนี่ยว ดูให้เต็มเหนี่ยว พิจารณาทุกอย่างได้เต็มอรรถเต็มธรรม เพราะมีทั้งปริยัติมีทั้งปฏิบัติที่เราได้เรียนศึกษาและปฏิบัติมา เราจึงมาดูธรรมชาติอันนี้ เวลานี้พระเรานี้เป็นหัวหน้าที่ก่อฟืนก่อไฟเผาทั้งชาติทั้งศาสนาไปด้วยกันนะเวลานี้ เวลานี้ดูเอา โอ๊ย มันพิลึกจริงๆ จนดูไม่ได้ เราพึ่งมาเห็นเดี๋ยวนี้ ว่าพระจะแสดงตัวออกมาอย่างเปิดจ้าหน้าด้านไม่มียางอาย ศีลธรรมไม่มีติดกิริยามารยาทออกมาจากหัวใจเลย

ถ้าติดหัวใจก็ต้องรู้ว่าผิดว่าถูก เมื่อรู้ว่าผิดว่าถูกไม่ควรพูดก็ไม่พูด ควรพูดก็พูด ควรทำก็ทำ ไม่ควรทำก็ไม่ทำ เพราะออกมาจากหัวใจ อันนี้มันไม่มีเลยจะให้ว่าไง สิ่งใดที่จะทำให้โลกเดือดร้อนวุ่นวายมาก จนกระทั่งจะถึงขั้นล่มจม เฉพาะอย่างยิ่งเมืองไทยของเรา จะล่มจมทั้งชาติทั้งศาสนาไปด้วย เป็นที่พอใจของพวกเปรตนี้ที่สุดเลย มันจึงหน้าด้านสุดยอด เราเอาธรรมจับ เราไม่ได้หาเรื่องใส่ใครนะ เอาธรรมจับดู พวกที่หน้าด้านที่สุดคือพวกที่เป็นหัวหน้ากองทำลายทั้งชาติทั้งศาสนาอยู่เวลานี้ กำลังเกิดเรื่องเกิดราว ดูจะเป็นวันสองวันนี้ก็จะเปิดขึ้นในที่ชุมนุมชนอวดก้ามใหญ่ ก้ามลามกจกเปรตนั่น พระพุทธเจ้าไม่มี พระพุทธเจ้าสั่งสอนให้ชำระ เวลานี้มันสั่งสมมาโปะหน้าพระพุทธเจ้าต่อหน้าต่อตาชาวพุทธเราอย่างไม่อายเลย

แหมคำพูดคำจาหาความอายไม่ได้ และคำพูดคำใดที่จะเป็นคำสัตย์คำจริง สมชื่อสมนามของพระว่าผู้รักษาความสัตย์ความจริง รักษาศีลรักษาธรรม มันไม่เอามาแสดง เอาแต่เรื่องที่จะหลอกลวงโลกทั้งนั้นออกมาแสดง ไปที่ไหนมีแต่เรื่องหลอกลวงไปหมด คือพวกเปรตหัวโล้นๆ นี่แหละ ผ้าเหลืองเวลานี้กำลังออกสนามรบด้วยความต่ำช้าเลวทรามสุดยอดให้ชาวพุทธของเราดูทุกคน เอาคัมภีร์ออกกางเห็นหมด แสดงออกมายังไงๆ รู้หมดทีเดียวปิดไม่อยู่ นี่ที่น่าทุเรศเอาจริงๆ พระเราธรรมดาก็ให้ความร่มเย็นแก่บ้านแก่เมือง แก่ประชาชนทั่วๆ ไป

เจ้าของก็ให้ความร่มเย็นแก่เจ้าของด้วยการปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ สำรวมระวังอยู่ในกรอบของศีลของธรรมตลอดเวลา นี่เรื่องของพระเป็นอย่างนั้น นี่มันเปิดออกเป็นฟืนเป็นไฟเผาไหม้ทั้งชาติทั้งศาสนาจะให้จมไปด้วยกัน ด้วยความหน้าด้านสันดานหยาบของมันนะเวลานี้ โอ๋ย อุจาดมากนะพระปัจจุบันนี้ พระกองนี้กลุ่มนี้แหละ กำลังทำความเลวร้ายต่อชาติบ้านเมือง ผู้ใดยังไม่เห็นให้ไปดูเอา นี่เอาคัมภีร์ออกกาง จะไม่ผิดตรงไหนแหละ คัมภีร์ของพระพุทธเจ้าเป็นยังไง ต่างคนต่างเรียนมามาโกหกกันได้เหรอ มันเป็นยังไง มันขัดกับพระพุทธเจ้ายังไงบ้าง

ไม่เพียงแต่ขัด มันลบล้างพุทธศาสนาอย่างแหลกเหลวไปเลย ในขณะเดียวกันก็ลบล้างชาติไปด้วยกัน ให้ฉิบหายวายปวงไปด้วยกันทั้งหมด ชาติก็จะไม่มี ศาสนาก็ไม่มีในเมืองไทยเรา ก็มีแต่หมาไทยเต็มบ้านเต็มเมืองเวลานี้ นี่แหละมันจะมีอย่างนี้ขึ้นมา ถ้าไม่ได้สะดุดใจตั้งแต่บัดนี้ ให้พากันคิดกันอ่านเสียแต่บัดนี้ เป็นแน่ๆ รุนแรงมากทีเดียว ความโหดร้ายทารุณของเปรตของผี ของกิเลสตัณหาประเภทนี้กำลังออกตลาด ตีตลาดไม่มียางอาย ตีแหลกไปหมดเลยเวลานี้ ให้จำเอานะ พี่น้องทั้งหลาย นี้เราเอาธรรมมาสอนพี่น้องทั้งหลาย

ใครจะตำหนิติเตียนเรา ยกสามแดนโลกธาตุมาตำหนิเรา เราไม่มีอะไร เขาจะยอเราก็แบบเดียวกัน ไม่มีอะไรเหมือนกันหมด เราไม่ยกไม่หยิบ สิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งเก็บตกของถังขยะทั้งนั้น เราไม่เก็บ ยกยอก็ยอมาปากเขาลิ้นเขาปากเขาใจเขา ถ้าเป็นความดีด้วยเจตนาของเขา ก็เป็นกุศลธรรมของเขา ถ้าเป็นความชั่วก็เป็นฟืนเป็นไฟเผาหัวเขานั่นเอง เผาใครก็ตาม แสดงออกมาเผาได้ทั้งนั้น เรื่องบาปเรื่องบุญไม่ลำเอียง ใครทำไปใครเก่งทางไหนก็ได้ทั้งนั้น ให้พากันพินิจพิจารณานะ เราเอาธรรมมาจับ เรื่องที่เขาโจมตีเราอย่างนั้นอย่างนี้ เราไม่เคยสนใจแหละ ใครจะโจมไปไหนก็โจมเถอะ

ยกมาทั้งโคตรมันเราก็ไม่เคยสนใจ เราจะหาแต่ความจริงเพื่อมาช่วยโลกสงสาร ดังที่เราปฏิบัติมานี้เท่านั้นแหละ นี่เราปฏิบัติมานี้ก็เป็นเวลาสี่ปีเต็มแล้วนะ ทุ่มเสียทุกสิ่งทุกอย่าง ในชีวิตของหลวงตาบัวก็มีครั้งนี้แหละ ที่ได้ทุ่มลงหมดจนกระทั่งชีวิตจิตใจไม่ได้เสียดายเลย เพื่อพี่น้องชาวไทยเราทั้งชาติทั้งศาสนา ให้กลมกลืนเป็นอันหนึ่งอันเดียว เพื่อความแน่นหนามั่งคงและความสงบร่มเย็น แก่ชาติไทยเราทั้งชาติ จากธรรมของพระพุทธเจ้าที่ให้ความร่มเย็น เป็นคติเครื่องเตือนใจตลอดไปให้ท่านทั้งหลายเท่านั้น

สำหรับหลวงตาบัวใครจะตำหนิติเตียนอะไรก็ตาม ท่านทั้งหลายอย่าไปฟังให้เสียหูนะ มันจะล้างหูลำบาก เขาติฉินนินทาหลวงตาบัวมาก็เสียใจเสีย เขาว่าอะไรมาก็เสียใจเสีย เขายกยอหลวงตาบัวก็เป็นบ้าดีใจไปเสีย เขาโจมตีหลวงตาบัวก็เป็นบ้าเสียใจ พวกบ้าทั้งขึ้นทั้งล่อง อย่าเอามาใช้ หน้าที่การงานเหตุผลกลไกอะไรที่จะเป็นประโยชน์แก่ตนและชาติบ้านเมือง ให้ยึดอันนั้นเป็นหลัก ก้าวเดินตามนั้น นี่ถูกต้อง อย่าไปสนใจกับลมปาก ปากใครก็มี ตั้งแต่ไอ้หยองมันยังมาเทศน์สอนเราอยู่ตะกี้นี้ เรากำลังเทศน์ไอ้หยองก็เทศน์ทางโน้น ถึงถาม เอามันมาตีปากเสียก่อน มันมีปากมันก็เห่า

หมาก็ดี คนมีปากก็พูด เขามีปากก็พูด เรามีปากก็พูด เพราะฉะนั้นใครจะว่าอะไรก็ตาม ให้ยึดเอาอันใดที่เป็นอรรถเป็นธรรม อะไรไม่เป็นอรรถเป็นธรรมให้ปัดออกๆ เท่านั้นถูกต้อง เวลานี้เลอะเทอะมากทีเดียวเรื่องพุทธศาสนาเรา เอ้า เราสมมุติขึ้น ไม่ว่าสมมุติแหละคือเอาความจริงออกมา ถ้าว่าไฟบรรลัยกัลป์ มหาภัยที่ตั้งขึ้นเป็นกฎเกณฑ์ข้อบังคับ จะเผาทั้งชาติทั้งศาสนานี้ได้โผล่ขึ้นมาเป็นเจ้าอำนาจแล้ว ชาติไทยเราต้องจม ทั้งชาติทั้งศาสนาจะไม่มีเหลือเลย พี่น้องทั้งหลายคิดอย่างไรหรือไม่ ต้องรักษาไว้ด้วยดีเท่านั้น อย่าเอาเข้ามาแตะ



(มีต่อ 2)
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวMSN Messenger
ปุ๋ย
บัวเงิน
บัวเงิน


เข้าร่วม: 02 มิ.ย. 2004
ตอบ: 1275

ตอบตอบเมื่อ: 04 ธ.ค.2006, 12:56 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

พระพุทธศาสนานี้เป็นศาสนาที่สมบูรณ์แบบ ซึ่งชาวไทยที่เป็นลูกชาวพุทธได้ปฏิบัติกราบไหว้บูชา เป็นขวัญตาขวัญใจ ฝากชีวิตจิตใจไว้หมดมาเป็นเวลานานแล้ว จนกระทั่งถึงปัจจุบันนี้ ไม่มีอะไรบกพร่อง พระพุทธศาสนาของเราสอนไว้โดยสมบูรณ์ ถูกต้องสมบูรณ์ทุกอย่าง ไม่มีอะไรบกพร่องพอที่จะไปหาฟืนหาไฟจากภายนอก จากมหาโจรจากมหาภัยเข้ามาเผาศาสนาของเรา ซึ่งเป็นของร่มเย็นอยู่แล้ว ให้พากันเข้มงวดกวดขันระมัดระวังรักษานะ ศาสนาพุทธเรานี้ยอดศาสนาแล้วเวลานี้ ทุกสิ่งทุกอย่างสมบูรณ์แบบ ไม่มีอะไรบกพร่อง

พอที่จะหาอุบายวิธีการว่าอันนั้นบกพร่องอันนี้บกพร่อง ต้องบัญญัติขึ้นมาใหม่อย่างนี้ไม่มี สมบูรณ์แบบแล้ว อะไรแฝงเข้ามาปั๊บนั้นคือไฟ เผาทั้งชาติทั้งศาสนาไปพร้อม ดังที่เป็นอยู่เวลานี้ มีแต่ไฟทั้งกอง ไม่มีชิ้นใดดีเลยกับกำหนดกฎบัญญัติที่ตั้งขึ้นอวดตนอวดตัวว่า พิทักษ์พุทธศาสนาสะแหนนี่น่ะ มันเอาลมปากมาอวดโลกหลอกโลก นี่แหละมันหลอกไปอย่างนี้ พิทักษ์ศาสนา พิทักษ์อะไร ฟังซิน่ะ เพียงแย็บออกมามันก็รู้แล้ว สลบไสลไปตามๆ กันแล้ว นี่แหละเรื่องหลักความจริง เอาศาสนาเป็นที่ตั้ง หลักพระพุทธศาสนาสมบูรณ์แบบแล้ว

ที่พี่น้องทั้งหลายปฏิบัติอยู่แล้วนี้ไม่มีข้อต้องติ ทางฝ่ายพระก็เอ้า ดำเนินตามข้อศีล ข้อสมาธิปัญญา ที่ทรงสอนไว้แล้ว จะหาที่ตำหนิไม่ได้ นอกจากจะมาปรากฏองค์ของท่านว่าเป็น สงฺฆํ สรณํ คจฺฉามิ เป็นที่ยอมรับฝากเป็นฝากตายของพี่น้องชาวพุทธทั้งหลายทั่วหน้ากันเท่านั้น ไม่เป็นอย่างอื่น นี่แหละที่ท่านพาดำเนินมาสมบูรณ์แบบขนาดนั้น จนได้พยานหลักฐานขึ้นมา ว่าเป็น สงฺฆํ สรณํ คจฺฉามิ ของพวกเรา แล้วอะไรเป็น สรณํ คจฺฉามิ เวลานี้น่ะ มันมีแต่ฟืนแต่ไฟมาเผาไหม้ นั่นเหรอ สรณํ คจฺฉามิน่ะ เวลานี้มันไปอวดดิบอวดดีมาจากไหน กิเลสเต็มหัวใจมันอยู่

มาอวดเหยียบหัวพระพุทธเจ้าเหรอ พระพุทธเจ้าสอนตรงไหนว่าบกพร่อง เอ้า อ้างมาซิน่ะถ้าว่ามันสมบูรณ์ตรงไหน มันก็เห็นอยู่แล้วคือฟืนคือไฟ มันสมบูรณ์ที่ไหน สมบูรณ์แต่ไฟจะเผาโลก ทั้งชาติทั้งศาสนาให้จมนั้น เราเห็นอยู่แล้วอย่างนี้ เพราะฉะนั้นจึงเอาให้ดี ปัดอย่าให้เข้ามายุ่งพวกนี้ สมบูรณ์แบบทุกอย่างอย่าเอาเข้ามาเผา หอปราสาทหลังนี้สมบูรณ์แบบแล้ว อย่าเอาไฟมาเผา มีแต่อยู่ครองกันในหอปราสาท มีแต่อยู่ปฏิบัติกราบไหว้บูชาพระพุทธเจ้าเท่านั้นเองเหมาะสมนะ เรื่องที่เป็นมาเหล่านี้ ไม่มีชิ้นดีเลย เราได้ทบทวนดูหมดแล้วตามหลักธรรมหลักวินัยทุกอย่าง

กับสิ่งเหล่านี้เอามาเกี่ยวข้องกันเป็นยังไง เอาหลักธรรมวินัยอะไรมาแก้มาเทียบมาเคียงกัน เทียบเคียงหมดแล้ว หาที่เอาไม่ได้เลย มีแต่ฟืนแต่ไฟทั้งนั้น แล้วจะให้ยอมรับได้ยังไง เราไม่ยอมรับ เราก็บอกว่าไม่ยอมรับ นี้คือไฟมหาภัย แล้วจะให้ยอมรับได้ยังไง ถ้าหัวหน้ายอมรับ พี่น้องชาวไทยก็ยอมรับ ก็เป็นส้วมเป็นถานให้มันขี้รดทั้งประเทศนั้นเอง แล้วเราอยากเป็นส้วมเป็นถานไหม ถ้าไม่อยากเป็นส้วมเป็นถานให้ฟังเสียงพระพุทธเจ้า ให้ฟังเสียงหัวหน้านะ หัวหน้าพาพี่น้องต้มตุ๋น หัวหน้าใหญ่คือศาสดาองค์เอกต้มตุ๋นโลกที่ตรงไหน สงฺฆํ สรณํ คจฺฉามิ ต้มตุ๋นโลกที่ตรงไหน

เฉพาะอย่างยิ่งย่นมาหาหลวงตาบัวที่เป็นผู้นำพี่น้องทั้งหลายเวลานี้ ต้มตุ๋นท่านที่ตรงไหนให้บอกมา เราพยายามสุดขีดสุดแดนจนจะเป็นจะตาย เพื่อพี่น้องชาวไทยเราทั้งศาสนาให้ได้รับความเทิดทูนเสมอหน้ากันไป ด้วยความตะเกียกตะกายของเรา แล้วมาต้มตุ๋นพี่น้องทั้งหลายที่ตรงไหน พอที่จะไม่เชื่อฟังเสียงของหัวหน้าที่แนะนำสั่งสอนท่านทั้งหลายน่ะ จำให้ดีนะคำนี้ เอาละพอ เหนื่อยแล้ว เรื่องท่านสุวัจน์นั้นพิจารณาดูเหตุดูผลแล้ว ทางกรุงเทพมีน้ำหนักมากกว่าเพราะอันนี้ตายก็ตายไปแล้ว ทางกรุงเทพผู้ที่หวังและชาติไทยทั้งชาติมีหวังอยู่มากมาย เรามาเทียบแล้วนะ

ผู้นี้ตายก็ตายไปแล้วเรากลับเมื่อไรค่อยไปหากันก็ได้อยู่ อันนี้จะเร่งตามเวล่ำเวลาควรจะเป็นไปตามนั้น แน่ะ อย่างนี้นะเหตุผลเข้าใจไหม ตกลงก็ไม่ไปละก่อนไปกรุงเทพนี้ ที่ว่าไปเยี่ยมท่านสุวัจน์ ก็รู้เรื่องกันแล้วตายก็ตายแล้วจะว่ายังไง หน้าที่สำหรับคนมีชีวิตอยู่มีความจำเป็นมากเท่าไร เราจะหมุนไปทางนั้นก่อนแล้วค่อยมา แล้วไปเมื่อไรก็ได้ สรุปทองคำและดอลลาร์วันที่ ๖ เมื่อวานนี้ ทองคำได้ ๘ บาท ดอลลาร์ได้ ๔๐๑ ดอลล์ ทีนี้รวมทองคำทั้งหมด ได้ ๕ ตัน หรือ ๕,๐๔๘ กิโล เท่ากับ ๕ ตันกับ ๔๘ กิโล ดอลลาร์ที่มอบเข้าคลังหลวงแล้วได้ ๖,๕๖๗,๘๘๙ บาท ไปคราวนี้ยังไงก็ได้ตกลงไปแล้วว่าทองคำต้องได้ ๕ ตัน คือ ๕๐๐ กิโล แล้วก็ดอลลาร์ ๓๐๐,๐๐ ดอลล์ คราวนี้จะให้ได้สามแสนดอลล์

โยม ขอโอกาส พูดถึงเรื่องเคารพพ่อแม่ครูจารย์คือท่านอาจารย์สุวัจน์ นะค่ะ หนูจำได้ตั้งแต่ไปภาวนาที่วัดท่านที่ถ้ำศรีแก้วเมื่อ ๒๐ ปีก่อน ไปแปลกใจที่บูชาพระ มีรูปท่านอาจารย์มั่น ข้างซ้ายก็เป็นรูปท่านอาจารย์ฝั้น ทางขวาก็เป็นรูปพ่อแม่ครูจารย์ หนูยังแปลกใจ เอ๊ะ ท่านอาจารย์สุวัจน์ ไม่ได้เคยมาเกี่ยวข้องอะไรกับพ่อแม่ครูจารย์ จนกระทั่งตอนออกจากงานนี้ ขอเทปพ่อแม่ครูจารย์ไปเยอะ ท่านอาจารย์สุวัจน์ท่านเห็นท่านก็บอกว่าจะฟังเทศน์พ่อแม่ครูจารย์ไปทำไมเยอะแยะ อาตมาฟังม้วนเดียวพอ หลวงตา ม้วนนั้นแหละก็ท่านเล่าให้ฟังเอง ม้วนที่เทศน์ที่วัดอโศการาม

ท่านจะฟังที่ไหนเราไม่รู้นะ ฟังม้วนเดียวเท่านั้นพอว่างั้นเหรอ เราฟังกี่ม้วนล่ะ โยม ก็ยังไม่พอ หลวงตา ตั้งแต่สมัยท่านอยู่กับท่านอาจารย์ฝั้น ทางธาตุนาเวง เราไปไหนนะ มาที่นั่นมาพบกัน ดูลักษณะท่านมีกระด้างกระเดื่องเล็กๆ น้อยๆ ดูลักษณะ แต่ท่านไม่รู้ว่าเราดูท่านนะ เราก็เฉย ดูลักษณะไม่ค่อยลง เราดูรู้ทันที ทีนี้พอมาฟังเทศน์กัณฑ์นี้แล้ว คราวนี้ราบหมดเลยไม่มีอะไรเหลือ มองปั๊บรู้ทันที แน่ะอย่างนั้นแหละ ท่านลงจริง ๆ สำหรับกับเรา ท่านไม่บอกว่าท่านลงแต่เงื่อนและธรรมที่ท่านได้รับได้ยินได้ฟังจนกระทั่งเป็นผลขึ้นมานั้นบอกว่าลงหมดเลย

มันบอกอยู่ในนั้นเสร็จเลย โยม ภาวนาพอตัวนี้หมายความว่ายังไง หลวงตา ก็ไปหาเอาซิ ยังจะมาถามคนอื่น พอตัวหมายความว่ายังไง ทางนี้ก็ตอบไปหาเอาซิ รู้แล้วก็ไม่ต้องมาถาม นี่ละธรรมพระพุทธเจ้า ที่ท่านว่า สนฺทิฏฺฐิโก ผู้ปฏิบัติจะรู้เองเห็นเอง คือไม่ถามใครทั้งนั้น รู้เองเห็นเอง สุดท้ายก็คือ สนฺทิฏฺฐิโก ขั้นสุดยอด คืออรหัตภูมิ คิดดูตั้งแต่พระอัญญตรภิกขุ ที่กำลังยุ่งอยู่ธรรมะภายในที่เป็นธรรมขั้นสูง จะถึงขั้นสูงสุด ย่อมเหยียบบันไดขั้นสูงสุดแล้ว ทีนี้เวลาไปแล้วจะขึ้นทูลถามปัญหาพระพุทธเจ้า เวลานั้นฝนตกก็เลยไปยืนอยู่ใต้ถุน ฝนตกลงมาท่านพิจารณาของท่าน

เพราะอันนี้เป็นธรรมอัตโนมัตินี่ อะไรๆ เป็นธรรมหมดเมื่อถึงขั้นอัตโนมัติ เหมือนกิเลสเวลามันเป็นกิเลสอะไรๆ เป็นกิเลสไปหมด กระดิกออกปั๊บเป็นกิเลสทั้งนั้นๆ นี่เป็นอัตโนมัติของกิเลส โดยที่เราไม่รู้ตัวนะ ทีนี้เรื่องของธรรมก็เหมือนกัน เมื่อถึงขั้นอัตโนมัติของธรรมที่แก้กิเลส อยู่ไหนแก้ตลอด แล้วพอถึงนั้นแล้วน้ำฝนหยดย้อยลงมาถึงน้ำที่พื้น ตั้งเป็นต่อมเป็นฟองขึ้นมาท่านกำหนดดูท่านยืนดูอยู่ ประสานกันกับธรรมะภายใน พอท่านพิจารณาเรื่องน้ำที่ตกมากระทบกันตั้งเป็นต่อมเป็นฟองขึ้นมาแล้วระงับดับไป ก็คือสังขารที่คิดปรุงดีปรุงชั่วระงับดับไป เกิดดับๆ ดีก็ดับชั่วก็ดับ

มันก็ลักษณะนั้น มันออกไปจากไหน ท่านก็รู้เสีย พอฝนตกหยุดเท่านั้นท่านกลับเลยไม่ขึ้นไปทูลถาม นี่ สนฺทิฏฺฐิโก ขั้นสุดยอดประกาศแล้ว ท่านบรรลุตรงนั้นเลยกลับคืนไปเล่าให้พระฟัง พอไปถึงนั้นก็ไปรู้นั้นเสียเลยกลับคืนไม่ทูลถาม แน่ะ ก็อย่างนั้นแหละ นี่เรียกว่า สนฺทิฏฺฐิโก ขั้นสุดยอด ไม่ทูลถาม ทั้งๆ ที่ตั้งหน้าจะไปถามฟังซิ พอไปตัดสินใจตรงนั้นแล้วกลับเลย มันก็เป็นอย่างนั้น นี่เรียกว่า สนฺทิฏฺฐิโก ไม่ว่าใครจะบรรลุธรรมตรัสรู้ที่ไหน จะไม่ทูลถามพระพุทธเจ้าเลย เป็นอันเดียวกันผางทันทีเลยเทียว มันเป็นในตัวเองตัดสินในตัวเอง ขาดสะบั้นไปเลย

เรื่องจะทูลพระพุทธเจ้า ทูลถามหาอะไร มันจ้าขึ้นแล้วหมดเลยปัญหา เท่านั้นแหละ ทีนี้ไปละนะ ก็เทียบได้แต่เพียงว่า แม่น้ำมหาสมุทรที่ว่าสายไหนก็ตาม แม่น้ำที่ไหลออกมาพอเข้าสู่มหาสมุทรแล้วเท่านั้น เป็นน้ำมหาสมุทรเหมือนกันหมด จะไปแยกไปแยะว่าอันนี้ๆ หยดนี้ย้อยนี้มาจากคลองนั้นคลองนี้ไม่ได้เลย เป็นมหาสมุทรอันเดียวกันหมด เข้าถึงปั๊บเท่านั้นเป็นมหาสมุทรทันที อันนี้จิตพอเข้าถึงความหลุดพ้นผางเข้ามหาวิมุตติมหานิพพาน หรือธรรมธาตุทันทีเหมือนกันหมด เพราะฉะนั้นท่านจึงไม่ถามกัน ปั๊บลงไปนี้เห็นน้ำมหาสมุทรทันทีเลย

อันนี้ปั๊บธรรมธาตุหรือมหาวิมุตติมหานิพพานทันที ประจักษ์อยู่ในนั้น แล้วท่านจะไปถามใคร ท่านเองเป็นมหาวิมุตติมหาธรรมธาตุแล้วท่านจะไปถามใครอีกละ แน่ะ ก็เท่านั้น วันมะรืนจะออกเดินทางไปกรุงเทพแล้ว วันนี้วันที่ ๗ ก็อยู่จนวันที่ ๘ วันที่ ๙ ก็ออกเดินทางไปกรุงเทพ ไปอย่างสบายๆ ขนาดนี้จะเริ่มออกเดินทางแล้วนะ เพราะทุกวันนี้ย่ำรุ่งมันสายไปทุกวันๆ ภาวนาซิให้เห็นความอัศจรรย์ของจิต พุทธศาสนา ลงที่ภาวนานะ ถ้าลงภาวนาแล้วจะรวมเข้ามาอยู่นั้นหมด


.............................................................

คัดลอกจาก
http://www.dharma-gateway.com/
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวMSN Messenger
แสดงเฉพาะข้อความที่ตอบในระยะเวลา:      
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
 


 ไปที่:   


อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
คุณไม่สามารถสร้างหัวข้อใหม่
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ
คุณไม่สามารถแก้ไขข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลบข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลงคะแนน
คุณ สามารถ แนบไฟล์ในกระดานข่าวนี้
คุณ สามารถ ดาวน์โหลดไฟล์ในกระดานข่าวนี้


 
 
เลือกบอร์ด  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  • สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทานธรรมะ  • หนังสือธรรมะ  • บทความ  • กวีธรรม  • สถานที่ปฏิบัติธรรม  • ข่าวกิจกรรม
นานาสาระ  • วิทยุธรรมะ  • เสียงธรรม  • เสียงสวดมนต์  • ประวัติพระพุทธเจ้า  • ประวัติมหาสาวก  • ประวัติเอตทัคคะ  • ประวัติพระสงฆ์  • ธรรมทาน  • แจ้งปัญหา

จัดทำโดย  กลุ่มเผยแผ่หลักคำสอนทางพระพุทธศาสนา ธรรมจักรดอทเน็ต
เพื่อส่งเสริมคุณธรรม และจริยธรรมในสังคม
เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2546
ติดต่อ webmaster@dhammajak.net
Powered by phpBB © 2001, 2002 phpBB Group :: ปรับเวลา GMT + 7 ชั่วโมง