Home
•
กระดานสนทนา
•
สมาธิ
•
สติปัฏฐาน
•
กฎแห่งกรรม
•
นิทาน
•
หนังสือ
•
บทความ
•
กวีธรรม
•
ข่าวกิจกรรม
•
แจ้งปัญหา
คู่มือการใช้
ค้นหา
สมัครสมาชิก
รายชื่อสมาชิก
กลุ่มผู้ใช้
ข้อมูลส่วนตัว
เช็คข้อความส่วนตัว
เข้าสู่ระบบ(Log in)
ได้ทำการย้ายไปเว็บบอร์ดแห่งใหม่แล้ว คลิกที่นี่
www.dhammajak.net/forums
15 ตุลาคม 2551
ภาพถ่าย หินรูปหน้าคน วิหาร และพีระมิดบนดาวอังคาร
อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
:: ลานธรรมจักร ::
»
นานาสาระ
ผู้ตั้ง
ข้อความ
๛ Nirvana ๛
บัวบาน
เข้าร่วม: 09 เม.ย. 2006
ตอบ: 403
ตอบเมื่อ: 26 ก.ย. 2006, 11:25 pm
ตอนนี้จะพาทุกท่านไปยังดาวอังคารครับ ไปชมเรื่องราวอันน่าพิศวงและความช่างคิด ที่ยังหาข้อพิสูจน์ไม่ได้ของฝรั่งเค้าอีกตามเคย กับหัวข้อนี้ไง "ทฤษฎีสมคบคิด" ตอนที่ 4 ของ Series
ดังที่เคยเป็นข่าวมาเป็นระยะๆ เกี่ยวกับเรื่องราวของดาวอังคารหรือดาวแดงของบางท่าน บนดาวอังคารมีอะไร ? อเมริกาตอบคำถามนี้ด้วยการส่งยานไปสำรวจดาวอังคารมานานนับเป็นร้อยปีแล้วครับ หลังจากที่เรา(หมายถึงทางอเมริกา) พิชิตดวงจันทร์ได้ ดาวอังคารก็เป็นเป้าหมายต่อไป นับมาตั้งแต่การสำรวจนับครั้งไม่ถ้วน เช่น ยานมารีเนอร์ (Mariner) ยานไวกิ้ง 1,2 (Viking) สำรวจเมื่อปี ค.ศ. 1976 ต่อมาในปี 1996 ก็ส่งยาน Mars Global Surveyor ไปอีก และในปีเดียวกันกับยาน Mars Pathfinder ซึ่งก็ไม่ได้อะไรมากไปกว่าบรรดาภาพถ่ายนับพันใบที่ส่งมายัง NASA เป็นไปได้หรือกับการที่ส่งทั้งยานอวกาศ ดาวเทียมและยานสำรวจไปตั้งมากมาย แต่กลับสิ่งที่เราได้รู้เพิ่มเติมภายหลังจากการสำรวจแต่ละครั้ง ก็ไม่ได้มากมายไปกว่าการสำรวจมหาสมุทรหรือท้องทะเลในโลกเราเลย เค้าอาจจะรู้แต่เราไม่รู้ ? แต่ก็ไม่แน่ครับว่าทาง NASA อาจจะ "ซุกซ่อนและปกปิด" อีกครั้งตามความถนัดของทางพี่เค้าเองอีกหรือเปล่า ?
ทางดาวอังคารนั้นก็มีดาวบริวารเหมือนกันครับหรือที่เราเรียกว่าดวงจันทร์ของดาวอังคารอยู่ 2 ดวง ชื่อโฟโบส (Phobos) กับ ไดโมส (Deimos) มีรูปร่างเกือบกลมและมีขนาดเล็กมาก เล็กกว่าดวงจันทร์ของโลกเราเสียอีก ว่ากันว่าแต่เดิมเนี่ยดวงจันทร์ทั้งสองดวงเนี้ยไม่ใช่ดาวบริวารของดาวอังคาร แต่อาจจะถูกแรงดึงดูดของดาวอังคารจับเอาไว้ตอนมันโคจรผ่านเข้ามาแล้วก็เลยกลายเป็นดาวบริวารไป และโคจรอยู่ใกล้กับดาวอังคารมากจนเห็นได้ชัด แต่ว่าเหตุการณ์นี้จะเกิดขึ้นมานานกี่แสนกี่ล้านปีมาแล้ว ก็ยังไม่อาจทราบได้
บริเวณที่อเมริกาชอบส่งบรรดายานสำรวจหรือดาวเทียมถ่ายภาพระยะไกลทั้งหลายแหล่ไปนั้น เป็นส่วนที่เรียกกันว่า "ไซโดเนีย (Cydonia)" ทำไม๊ ทำไมถึงชอบไป Landing บริเวณนี้กันนักหนาล่ะ สำรวจทีไรก็ไซโดเนีย หรือไม่ก็ไม่ไกลจากบริเวณนั้นไปเท่าไหร่ อาจจะเป็นเพียงพิกัดหรือบริเวณที่เหมาะแก่การสำรวจเท่านั้น แต่ !! ถ้ามีบางสิ่งอยู่ตรงบริเวณนั้นล่ะ ? บางสิ่งที่ไม่สามารถเปิดเผยได้ในเวลานี้หรืออาจจะตลอดไปตราบเท่าที่ทางอเมริกาจะสามารถทำได้ แล้วมันคืออะไรละ ? จำได้มั๊ยครับว่าบริเวณ Cydonia นั้นมีอะไรอยู่ ใช่แล้ว มันคือรูปภาพหน้าคนที่เราเรียกกันว่า "Face on Mars" หินที่ก่อตัวจนเป็นรูปหน้าคน บังเอิญหรือว่ามีอะไรหรือใครไปสร้างเอาไว้บนนั้น
ได้มีการพิสูจน์กันว่าแท้ที่จริง "Face on Mars" คืออะไรกันแน่ เป็นเพียงภาพหินธรรมดาที่บังเอิญแสงและเงาทำให้เกิดภาพเช่นนี้ขึ้นมา หรือว่ามันเป็นสิ่งก่อสร้างของสิ่งมีชีวิตที่ทรงปัญญาบนดวงดาวนั้น หลายท่านอาจจะเคยผ่านตากับภาพชุดนึงที่เค้าว่าเป็นภาพถ่ายจากทางด้านข้างหรือทางด้านอื่นๆ ของ "Face on Mars" นี้ แล้วได้มีการสรุปออกมาว่า มันเป็นเพียงภาพก้อนหินใหญ่ธรรมดาที่โดนเล่นตลกด้วยแสงเงา จนเป็นรูปร่างหน้าคนขึ้นมา แต่ก็มีบรรดานักวิทยาศาสตร์และนักดาราศาสตร์บางท่าน รวมไปถึงนักวิจัยและผู้เชี่ยวชาญและบรรดาชายขี้สงสัยทั้งหลายไม่เห็นด้วยและได้แย้งเอาไว้ว่า มันจะง่ายไปหน่อยหรือเปล่า กับการที่จะสรุปว่ามันเป็นเพียงก้อนหินธรรมดาที่ไม่มีอะไรหรือบังเอิญเกิดขึ้นจากธรรมชาติ โดยอาศัยบทสรุปเพียงภาพถ่ายจากทางด้านข้างหรือด้านอื่นที่ไม่ใช่ภาพด้านบน
"ลองมองลายเส้นนาซก้าจากบนดินซิ คุณเห็นอะไรมั๊ย ? วิหารต่างๆ ละ ทำไมต้องสร้างให้มันใหญ่โตด้วย เพื่ออะไร ? แล้วปิระมิดหรือบรรดาสิ่งก่อสร้างโบราณที่ใหญ่ยักษ์ทั้งหลายล่ะ มันถูกสร้างขึ้นมาเพื่อเหตุผลใด ? เพื่อบูชาและเป็นเครื่องหมายแสดงถึงการเคารพและเพื่อให้พระเจ้าของเขามองเห็นได้ง่ายยังไงล่ะ เมื่อเทพเจ้าของพวกเขาเสด็จหรือมองลงมาจากท้องฟ้า" ครับ ก็ว่ากันไป
เมื่อมีการสร้างสิ่งต่างๆ ขึ้นมาได้นั่นย่อมแสดงว่าบนดาวอังคารย่อมมีสิ่งมีชีวิตที่ทรงปัญญาอาศัยหรือ "เคยอาศัย" อยู่บนนั้น ดังที่อาจจะรู้กันแล้วว่าบนดาวอังคารนั้นไม่ได้มี "Face on Mars" เพียงหน้าเดียว ที่ถูกควรจะเป็น "Faces on Mars" มากกว่า ใช่ครับยังมีอีกใบหน้าหนึ่งนอกจากใบหน้าที่เราๆ ท่านๆ คุ้นเคยกัน แต่มีลักษณะที่เล็กกว่าและอยู่ถัดไปเพียงเล็กน้อยเท่านั้น (แต่ก็เป็นกิโลแน่ะ) ดวงจันทร์สองดวงนี้กับใบหน้ามีความเกี่ยวข้องอะไรกันหรือเปล่า ? เป็นประเด็นที่มีการขบคิดของบรรดาผู้ที่(อยาก)รู้ กันครับ
แล้วสรุปกันออกมาว่า มันน่าจะเป็นสิ่งก่อสร้างที่สร้างขึ้นมาเพื่อสักการะหรือบูชาต่อดวงจันทร์ทั้งสองดวง โอ้โฮ ! ช่างสรุปกันได้น่าสนใจทีเดียว เอ ลองฟังไว้ก็ไม่เสียหลายนี่นา ว่าแล้วก็ฟังหรือดูกันเลย ขอย้อนกลับไปในปี ค.ศ.1976 ที่ NASA ส่งยานไวกิ้ง (Viking) ไปถ่ายภาพดาวอังคาร หนึ่งในหลายๆ ภาพนั้นเป็นภาพของก้อนหินเป็นรูปร่างที่มีองค์ประกอบต่างๆ เช่น ดวงตา จมูก ปากและที่ครอบศีรษะหรือบางทีอาจจะเป็นหัว อยู่อย่างชัดเจน พูดกันง่ายๆ ว่ามันดูเหมือนใบหน้าของสิ่งมีชีวิตที่ดูคล้ายกับมนุษย์ !!!
เพียงไม่กี่วันหลังจากนั้น ก็เป็นข่าวไปทั่วโลกว่าพบสิ่งก่อสร้างหรือใบหน้ามนุษย์บนดาวอังคาร แต่ทาง NASA ก็ไม่ได้ให้ข้อมูลหรือรายละเอียดมากไปกว่าที่เราทราบกัน ทั้งภายหลังยังพยายามออกมาชี้แจงรวมทั้งนำภาพถ่ายอื่นๆ จากทางด้านข้างและด้านอื่นให้ดูว่ามันไม่ใช่อะไรที่มากไปกว่าหินหรือภูเขาก้อนหนึ่งเท่านั้น เอ มันก้อแปลกๆ นาทำอย่างนี้ จนกระทั่งได้มีการวิเคราะห์และตรวจสอบกันจากทางทั้งนักดาราศาสตร์ ผู้เชี่ยวชาญและนักสืบเอกชน (ไปเกี่ยวไรด้วยว๊า -_-'') และนำมาตีแผ่ต่อสื่อ รวมทั้งต่อว่าทาง NASA ว่าปกปิดข้อมูลที่แท้จริงเอาไว้ และทาง NASA ก็ได้ออกมาโต้กลับว่า ก็มันไม่มีอะไรจริงๆ นี่น๊า จะไม่เชื่อกันบ้างหรือไง มันก็เป็นเพียงก้อนหินเท่านั้นไม่ได้มีอะไรมากไปกว่านั้นเล๊ย และจากภาพถ่ายของดาวอังคารแถบบริเวณ Cydonia เค้าว่าถ้าสังเกตให้ดีบนภาพจะมีจุดอยู่ 4 จุด ถัดจาก "Face on Mars" ออกไปหรือก็คือมันล้อมรอบ "Face on Mars" อยู่นั่นเอง ซึ่งเค้าว่ากันว่าแต่ละจุดเปรียบได้กับมหาปิระมิดของอียิปต์ ซึ่งเราก้อได้ทราบกันไปบ้างแล้วใช่มั๊ยครับ ว่ามีการค้นพบสิ่งก่อสร้างที่คล้ายกำแพงเมืองและปิระมิด (Pyramid) รวมไปถึง สฟิงซ์ (Sphinx) บริเวณนั้นด้วย มาว่ากันต่อเรื่องจุดนั้นมีการเรียงตัวเป็นมุมทั้ง 4 และล้อมรอบด้วยกลุ่ม ปิระมิดเล็กๆ ที่ไม่เล็กเสียทีเดียว โดยทั้งบริเวณนี้กินเนื้อที่ไปกว่าหนึ่งไมล์หรือราว 1.6 กิโลเมตรโดยประมาณ แถมทั้งหมดนี่ยังมีการเรียงตัวที่เป็นเส้นตรงซะอีกแน่ะ
ซึ่งเค้าว่ากันว่ามันดันเหมือนกับจุดศูนย์กลางกองบัญชาการของเพนทากอน (Pentagon) หรือกระทรวงกลาโหมของอเมริกาเพียงแต่เพนทากอนนั้นมีอยู่ 5 มุม อุ อุ อุ แต่ก็คล้ายกับ "Face on Mars" ที่ล้อมรอบด้วยจุดหรือปิระมิดเหล่านี้เช่นกัน !!! หรือที่เรียกจดศุนย์กลางนี้ว่า "The Center Point" ทีนี้เราลองไปทางตะวันตกจาก Cydonia อีกหน่อยก็จะเจอกับหินที่มีรูปร่างลักษณะคล้ายกับหัวแครอทหันไปทางใต้ อันนี้ละครับที่เค้าว่ามันคล้ายกว่าใบหน้าของสิ่งมีชีวิตมากกว่าอันแรกเสียอีก !! ซึ่งประกอบไปด้วยสองตา ริมฝีปากและคาง แม้แต่สันจมูกด้วยซ้ำไป รวมจากองค์ประกอบมันแล้วเป็นอะไรที่คล้ายใบหน้ามาก แต่ทว่าไม่น่าจะใช่ใบหน้าของมนุษย์อย่างเราๆ แน่นอนเลยครับ กับ "The Second Face" เป็นชื่อที่เรียกกันของสิ่งนี้
มีต่อ >>>
_________________
ขอความสวัสดีจงมีแด่ท่าน
แก้ไขล่าสุดโดย ๛ Nirvana ๛ เมื่อ 26 ก.ย. 2006, 11:29 pm, ทั้งหมด 1 ครั้ง
๛ Nirvana ๛
บัวบาน
เข้าร่วม: 09 เม.ย. 2006
ตอบ: 403
ตอบเมื่อ: 26 ก.ย. 2006, 11:28 pm
เอาละครับทีนี้เรามาถึงข้อมูลที่ทฤษฎีนี้ว่ากันไว้เมื่อตอนต้นว่า สิ่งเหล่านี้คืออะไรกันแน่และทำไมชาวดาวอังคาร (Martians) ถึงสร้างมันขึ้นมา ?? คำตอบที่เค้าว่าเอาไว้ก็คือ มันถูกสร้างเพื่อให้เป็นวิหารไว้สำหรับเคารพและสักการะบูชาต่อดวงจันทร์ทั้งสองของดาวอังคาร !! โดยชาวดาวอังคารก็เคยถูกมาเยือนด้วยสิ่งมีชีวิตที่ทรงปัญญาจากระบบสุริยะที่ไกลออกไป และสั่งสอนศิลปะวิทยาความรู้ให้แล้วก็จากไป เช่นเดียวกันกับที่อาจจะเกิดขึ้นบนโลกเรานี้กับอารยธรรมโบราณต่างๆ !?!?! และผลพวงนั้นก็ทำให้เกิด Cydonia Complex ขึ้นมาเพื่อที่จะพยายามติดต่อและเพื่อเป็นที่สักการะของเหล่าชาวดาวอังคารต่อพระเจ้าของพวกเขานั่นเอง ด้วยการสร้างใบหน้าให้หันขึ้นไปบนท้องฟ้า เพื่อให้พระเจ้าของเค้ารู้ว่าพวกเขากำลังคอยการกลับมาของพระองค์อยู่ ฟังแล้วคุ้นๆ มั๊ยครับเหมือนกับหลายอารยธรรมบนโลกนี้เอาเสียจริง มันจะเป็นการบังเอิญที่เกินไปหรือเปล่า
ถ้าเกิดครั้งหนึ่งบนดาวอังคารเคยมีสิ่งมีชีวิตอาศัยอยู่และมีอารายธรรมอยู่บนนั้น ดังที่เคยกล่าวไปแล้วว่า ชาวอังคารอาจจะเคยถูกเยือนด้วยสิ่งมีชีวิตและทรงปัญญากว่าพวกเขาตอนนั้น แล้วก่อนหน้าที่จะมีผู้มาเยือนละ ? มันหมายถึงว่าในขณะนั้นพวกเค้าอาจมีเทคโนโลยีและความรู้ที่อาจยังล้าหลัง เหมือนยุคบรรพบุรุษของเราในยุคหินหรือยุคที่ยังมีความเชื่อต่อพระเจ้า และสิ่งที่มองไม่เห็นก็อาจเป็นได้ และเมื่อมีผู้มาเยือนจากฟากฟ้าแล้วสั่งสอนวิทยาความรู้ให้แล้วก็ทรงเสด็จกลับไปยังบนฟ้า และนึกว่าดวงจันทร์เป็นที่ที่พระองค์ทรงเสด็จลงมา ก็เลยสร้างวิหารและปิระมิดขึ้นมาตามที่กล่าวไว้ข้างต้น อย่างนี้เปรียบได้กับอารยธรรมส่วนใหญ่บนโลกเราทื่มีการสักการะบูชาต่อดวงจันทร์ หรือว่าเราจะเดินตามรอยชองชาวดาวอังคารอีกคำรบนึง ? มาดูตัวอย่างบรรดาอารยธรรมที่มีการสักการะบูชาต่อสิ่งบนฟ้ากันดีกว่าครับ ชาวอียิปต์โบราณบูชาพระอาทิตย์และดวงดาว ชาวสุเมเรียนเคารพและบูชาดวงจันทร์ ชาวกรีกและโรมันนับถือต่อดวงดาวต่างๆ หลายๆ อย่างที่มองไม่เห็นและน่าเชื่อถือจะกลายเป็นพระเจ้าของพวกเขาไปในที่สุด แล้วถ้าเกิดชาวดาวอังคารเคยทำอย่างนี้มาก่อนละ ? กับดวงจันทร์ที่คิดว่าพระเจ้าอาศัยอยู่บนนั้นและคอยพิทักษ์รักษาพวกเขาอยู่ Cydonia Complex เลยกลายเป็นคำตอบในเวลาต่อมาจาก "The First Face" สร้างขึ้นเพื่อสักการะต่อดวงจันทร์โฟโบส และ "The Second Face" ต่อไดโมส "Deimos"
นอกจากนี้ยังมีในส่วนความสัมพันธ์ทางคณิตศาสตร์ของตรีโกณระหว่าง Cydonia Complex ที่ลงตัวกันอย่างเหมาะเจาะกับระบบวงโคจรของดวงจันทร์ทั้งสอง เมื่อเปรียบเทียบมาเป็นอัตราส่วนที่เท่าๆ กัน เหมือนดังปิระมิดของอียิปต์ที่มีอัตราส่วนหลายๆ อย่างไปตรงกันกับความสัมพันธ์ทางคณิตศาสตร์เช่น จำนวนขั้นของปิระมิดเมื่อนำมาคำนวณทางคณิตศาสตร์ (ขอโทษขะรับ ผมจำไม่ได้ว่ายังไงแล้ว -_-''') จะได้ออกมาเท่ากันกับจำนวนวันของโลกคือ 365 วันและระยะทางระหว่างจากโลกไปดวงดาวต่างๆ ก็มีบอกอยู่ (อันนี้ลองหาอ่านกันดูนะขะรับ ผมจำได้แค่นี้ง่ะ -_-''') ก็เป็นข้อมูลระหว่างดวงจันทร์ทั้งสองดวงและ Cydonia Complex ที่เค้าว่าเอาไว้ อ้อ มีทิ้งท้ายนิดนึงครับ "เป็นไปได้ที่หินเพียงก้อนนึงอาจจะดูเหมือนใบหน้าได้ แต่เป็นไปได้ยากที่หินหลายๆ ก้อนมารวมตัวกันแล้วมีลักษณะคล้ายสิ่งก่อสร้างและใบหน้า รวมไปถึงกับระบบโคจรของดวงจันทร์ที่มีความลงตัวกันทางคณิตศาสตร์ โดยเฉพาะเมื่อรายละเอียดมันค่อนข้างที่จะสมบูรณ์"
ครับทั้งหมดก็เป็นเรื่องราวของวิหารบนดาวอังคารจากแนวคิดและการวิเคราะห์ของทางฝรั่งเค้า ที่ดูเหมือนจะได้รับอิทธิพลแนวความคิดมาจากอารยธรรมโบราณของโลกเราไม่น้อยเลย แต่ถ้าครั้งหนึ่งมันเคยเกิดขึ้นบนโลกเราจริงๆ ล่ะ ???
เรากำลังเดินตามรอยชาวอังคารกระนั้นหรือ ?
.....................................................
คัดลอกจาก
http://www.mythland.org/html/modules.php?name=Content&pa=showpage&pid=124
_________________
ขอความสวัสดีจงมีแด่ท่าน
แมวขาวมณี
บัวบาน
เข้าร่วม: 28 ก.ค. 2006
ตอบ: 307
ตอบเมื่อ: 08 พ.ย.2006, 6:37 pm
ชอบมากค่ะ ขอบคุณที่นำมาลงให้อ่านกันนะคะ
_________________
พฤษภกาสร อีกกุญชร อันปลดปลง
โททนต์ เสน่งคง สำคัญหมาย ในกายมี
นรชาติวางวาย มลายสิ้น ทั้งอินทรีย์
สถิตย์ทั่ว แต่ชั่วดี ประดับไว้ ในโลกา
แสดงเฉพาะข้อความที่ตอบในระยะเวลา:
แสดงทั้งหมด
1 วัน
7 วัน
2 สัปดาห์
1 เดือน
3 เดือน
6 เดือน
1 ปี
เรียงจากเก่า-ใหม่
เรียงจากใหม่-เก่า
:: ลานธรรมจักร ::
»
นานาสาระ
ไปที่:
เลือกกลุ่ม บอร์ด
กลุ่มสนทนา
----------------
สนทนาธรรมทั่วไป
แนะนำตัว
กฎแห่งกรรม
สมาธิ
ฝึกสติ
การสวดมนต์
การรักษาศีล-การบวช
ความรัก-ผูกพัน-พลัดพลาก
กลุ่มข่าวสาร-ติดต่อ
----------------
ข่าวประชาสัมพันธ์
ธรรมทาน
รูปภาพ-ประมวลภาพกิจกรรมต่างๆ
สำหรับนักเรียน นักศึกษา ขอความรู้ทำรายงาน
แจ้งปัญหา
รูปภาพในบอร์ด
กลุ่มสาระธรรม
----------------
หนังสือธรรมะ
บทความธรรมะ
นิทาน-การ์ตูน
กวีธรรม
นานาสาระ
ต้นไม้ในพุทธประวัติ
วิทยุธรรมะ
ศาสนสถานและศาสนพิธี
----------------
สถานที่ปฏิบัติธรรม
วัดและศาสนสถาน
พิธีกรรมทางศาสนา
พุทธศาสนบุคคล
----------------
พระพุทธเจ้า
ประวัติพระอสีติมหาสาวก
ประวัติเอตทัคคะ (ภิกษุณี, อุบาสก, อุบาสิกา)
สมเด็จพระสังฆราชไทย
ประวัติและปฏิปทาของครูบาอาจารย์
ในหลวงกับพระสุปฏิปันโน
อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
คุณ
ไม่สามารถ
สร้างหัวข้อใหม่
คุณ
ไม่สามารถ
พิมพ์ตอบ
คุณ
ไม่สามารถ
แก้ไขข้อความของคุณ
คุณ
ไม่สามารถ
ลบข้อความของคุณ
คุณ
ไม่สามารถ
ลงคะแนน
คุณ
สามารถ
แนบไฟล์ในกระดานข่าวนี้
คุณ
สามารถ
ดาวน์โหลดไฟล์ในกระดานข่าวนี้
เลือกบอร์ด •
กระดานสนทนา
•
สมาธิ
•
สติปัฏฐาน
•
กฎแห่งกรรม
•
นิทานธรรมะ
•
หนังสือธรรมะ
•
บทความ
•
กวีธรรม
•
สถานที่ปฏิบัติธรรม
•
ข่าวกิจกรรม
นานาสาระ
•
วิทยุธรรมะ
•
เสียงธรรม
•
เสียงสวดมนต์
•
ประวัติพระพุทธเจ้า
•
ประวัติมหาสาวก
•
ประวัติเอตทัคคะ
•
ประวัติพระสงฆ์
•
ธรรมทาน
•
แจ้งปัญหา
จัดทำโดย กลุ่มเผยแผ่หลักคำสอนทางพระพุทธศาสนา ธรรมจักรดอทเน็ต
เพื่อส่งเสริมคุณธรรม และจริยธรรมในสังคม
เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2546
ติดต่อ
webmaster@dhammajak.net
Powered by
phpBB
© 2001, 2002 phpBB Group :: ปรับเวลา GMT + 7 ชั่วโมง
www.Stats.in.th