Home  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  •  สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทาน  • หนังสือ  •  บทความ  • กวีธรรม  • ข่าวกิจกรรม  • แจ้งปัญหา
คู่มือการใช้คู่มือการใช้  ค้นหาค้นหา   สมัครสมาชิกสมัครสมาชิก   รายชื่อสมาชิกรายชื่อสมาชิก  กลุ่มผู้ใช้กลุ่มผู้ใช้   ข้อมูลส่วนตัวข้อมูลส่วนตัว  เช็คข้อความส่วนตัวเช็คข้อความส่วนตัว  เข้าสู่ระบบ(Log in)เข้าสู่ระบบ(Log in)
 
ได้ทำการย้ายไปเว็บบอร์ดแห่งใหม่แล้ว คลิกที่นี่
www.dhammajak.net/forums
15 ตุลาคม 2551
  คนตายแล้ว…ไปเกิดได้อย่างไร... อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
ผู้ตั้ง ข้อความ
ฟ้าสาง
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 19 ธ.ค.2005, 3:41 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

คนตายแล้ว…ไปเกิดได้อย่างไร...



--------------------------------------------------------------------------------



คนตายแล้ว…ไปเกิดได้อย่างไร...

...พระราชสุทธิญาณมงคล...







กรรมที่กระทำในชาตินี้ไปแสดงผลในชาติหน้าได้อย่างไร มีนักปราชญ์ราชบัณฑิตหรือศาสดาหลายท่าน ได้พยายามคิดค้น ว่าคนตายสูญไปเลย หรือคนตายแล้วไปเกิดได้อีก ถ้าไปเกิดได้อีกจะไปเกิดเป็นอะไร อย่างไร





สำหรับคำสอนของพระพุทธศาสนานั้น พระพุทธเจ้าทรงสอนว่า คนตายแล้วไปเกิดอีกได้ และจะไปเกิดเป็นมนุษย์หรือเป็นสัตว์อีกก็ได้ โดยจิตหรือวิญญาณนั้นมิได้เป็นอมตะไม่มีวันตาย หากแต่เกิดดับสืบต่อไปไม่ขาดสาย จิตนั้นเป็นธรรมชาติที่รู้อารมณ์ รู้จักนึกคิดจดจำ จิตนั้นเป็นธรรมชาติที่มีความเกิดดับสืบต่อกันมา มิได้หยุดนิ่ง และจิตนั้นเป็นนามธรรมที่ไม่สามารถมองเห็นหรือจับต้องได้ แต่มีอำนาจสั่งการ เก็บอารมณ์ต่างๆไว้ในจิตแล้วค่อยแสดงออกมาใน 2 ลักษณะ คือ



1. การงานที่จิตกระทำ ได้แก่ การที่จิตรับอารมณ์ความรู้สึกจากสัมผัสทั้ง 6 คือ ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจเช่น การเห็น ได้ยิน คิด เป็นต้น

2. จิตเป็นภวังค์ ได้แก่ จิตไม่ได้รับอารมณ์ความรู้สึกจากสัมผัสทั้ง 6 แต่จิตก็ทำงานอยู่ตลอดเวลา คือ เกิด ดับ









ภวังค์ หมายถึง องค์แห่งภพ คือจิตตั้งแต่ปฏิสนธิจนถึงจุติคือตาย ขณะใดที่จิตเป็นภวังค์ที่เห็นง่ายๆคือ คนกำลังหลับสนิท เพราะขณะหลับสนิทจะไม่รู้สึกตัวเลย แต่ขณะใดจิตมีความ รู้สึก จิตก็พ้นจากภวังค์ ความจริงขณะที่เราเห็นหรือได้ยินหรือคิด นั้น จิตก็มีอารมณ์ความ รู้สึก แล้วก็มีภวังคจิตขึ้นสลับอยู่ตลอดไป ทั้งนี้เป็นไปโดยรวดเร็วมาก เราจึงไม่รู้สึก

ตามพุทธภาษิต พระพุทธเจ้าทรงแบ่งความตายออกเป็นส่วนใหญ่ๆ ไว้เป็น 2 ประการ คือ





กาลมรณะ คือ ถึงเวลาที่จะต้องตาย

อกาลมรณะ คือ ยังไม่ถึงเวลาที่จะต้องตาย



เป็นการแสดงให้เห็นว่า ความตายเมื่อถึงเวลาตายก็มี ยังไม่ถึงเวลาแล้วตายก็มี อะไรเป็นเหตุเป็นปัจจัยนำสัตว์ทั้งหลายให้ต้องเวียนเกิดเวียนตาย หรือต้องไปเกิดในภพใหม่ไม่ได้หยุดหย่อน ตายแล้วก็ต้องไปเกิด เพราะมีจิตปรารถนาที่จะไปเกิดใหม่อีก ความปรารถนานั้นเป็นพลังมหาศาลที่ไม่อาจสัมผัสได้ กำลังของความปรารถนาแต่อดีตนั้น สามารถส่งผลให้จนถึงปัจจุบันและอนาคตได้ ซึ่งความปรารถนานี้ก็คือ โลภะ ตัณหา





ดังนั้น จิตเป็นธรรมชาติที่รับอารมณ์ มีอารมณ์อยู่เสมอ และอารมณ์ที่เกิดขึ้นก็ด้วยเหตุต่างๆกัน แต่สำหรับคนที่ใกล้จะตาย อารมณ์ในขณะใกล้จะตาย เรียกว่า กรรมอารมณ์ กรรมนิมิตอารมณ์ คตินิมิตอารมณ์









1. ผู้ใดกระทำกรรมอะไรไว้ ไม่ว่าจะดีหรือชั่ว เมื่อทำไว้มากๆ กรรมเหล่านั้นจะกระทำกับจิตเกิดเป็นอารมณ์ ทำให้จิตสร้างเป็นมโนภาพ ไปต่างๆนานา เช่น ฆ่าสัตว์ไว้มากๆ ก็มักจะเห็นการฆ่าสัตว์ อารมณ์นี้เป็นกรรมอารมณ์



2. ผู้ที่ใกล้จะตายเห็นนิมิตต่างๆ เช่น เห็นอุปกรณ์การกุศลที่เคยทำมา ขบวนแห่บวชนาค ทอดกฐิน อารมณ์นี้เป็นกรรมนิมิตอารมณ์





3. ผู้ใกล้ตายเกิดนิมิตเห็นถ้ำ เหว ปล่อง การทรมานสัตว์ ปราสาทราชวัง บางทีไม่มีในเมืองมนุษย์ อารมณ์นี้เป็นคตินิมิตอารมณ์





สัตว์ทั้งหลายขณะใกล้จะจุต คือตาย จะต้องเกิดกรรมหรือกรรมนิมิตหรือคตินิมิตขึ้นอย่างใดอย่างหนึ่ง เพราะอารมณ์กรรมเหล่านี้เป็นกำลังงานที่สำคัญจะผลักดันให้ไปเกิดใหม่ ทำให้มีภพชาติสืบต่อไป

แน่นอนอารมณ์ครั้งสุดท้ายเป็นที่หมายว่าจะต้องไปเกิดตามที่ตนได้เห็น เหมือนเราทำแบบแปลนแผนผังไว้แล้วปลูกสร้างที่อยู่อาศัยตามแบบแปลนนั้นๆ เช่น ผู้ที่จะไปเกิดเป็นมนุษย์ย่อมเห็นครรภ์ของมารดา ผู้ที่จะไปเกิดยังเทวภูมิย่อมเห็นเทพยดา นางฟ้าหรือวิมาน ผู้ที่จะไปเกิดในนรกย่อมเห็นการเผาผลาญสัตว์ เห็นเปลวไฟ ผู้ที่จะไปเกิดเป็นเปรตก็เห็นปล่อง เห็นหุบเขาที่มืดมิด ผู้ที่เกิดเป็นสัตว์เดียรัจฉานก็เห็นสัตว์ เห็นเชิงเขา ชายน้ำ เป็นต้น

__________________


http://www.agalico.com/board/showthread.php?p=9304
 
นิพพาน
บัวใต้ดิน
บัวใต้ดิน


เข้าร่วม: 30 ต.ค. 2006
ตอบ: 34

ตอบตอบเมื่อ: 03 พ.ย.2006, 12:11 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ชีวิตเรา ชั่งสั้นหนัก
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
รักษาจิต
บัวผลิหน่อ
บัวผลิหน่อ


เข้าร่วม: 03 พ.ย. 2006
ตอบ: 8
ที่อยู่ (จังหวัด): เชียงใหม่

ตอบตอบเมื่อ: 03 พ.ย.2006, 7:32 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

เมื่อชีวิตตาย สมองหมดสภาพในการเปลี่ยนแปลงจิต หน่วยกรรมที่สะสมไว้ก็จะทำงาน โดยไปตามข้อมูลล่าสุดที่บันทึกไว้ในปูมจิต สสารและพลังงานไม่มีสูญ จิตจะไปสู่อัตภาพที่เหมาะสมกับกำลังของจิต
 

_________________
รักษาจิต
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
แมวขาวมณี
บัวบาน
บัวบาน


เข้าร่วม: 28 ก.ค. 2006
ตอบ: 307

ตอบตอบเมื่อ: 08 พ.ย.2006, 6:30 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

เมื่อตาย กายกับจิตแยกกันเด็ดขาด จิตมีที่ไปที่เดียวคือนิพพาน ...........บางส่วนคำสอนของ หลวงพ่อฤาษี

ตอบกระทู้ไม่ตรงเท่าไหร่ เพราะ ชี้แจงมาดีแล้ว
สา......ธุ
 

_________________
พฤษภกาสร อีกกุญชร อันปลดปลง
โททนต์ เสน่งคง สำคัญหมาย ในกายมี
นรชาติวางวาย มลายสิ้น ทั้งอินทรีย์
สถิตย์ทั่ว แต่ชั่วดี ประดับไว้ ในโลกา
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวส่ง Email
ชัยพร พอกพูล
บัวพ้นดิน
บัวพ้นดิน


เข้าร่วม: 24 พ.ค. 2006
ตอบ: 73
ที่อยู่ (จังหวัด): กรุงเทพฯ

ตอบตอบเมื่อ: 11 พ.ย.2006, 8:10 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

อยากทราบขั้นตอนการเวียนว่ายตายเกิดครับ ตั้งแต่ช่วงที่ตายลง มีการเกิดกายเนื้อก่อนแล้วรอจิตมาจุติหรือมีจิตมาก่อนแล้วค่อยมีการสร้างกายเนื้อแล้วจากนั้นเป็นเช่นไรต่อไป เพราะเคยได้ยินผู้เฒ่าผู้แก่บอกว่า คนที่กำลังตั้งครรภ์หากช่วงนั้นมีญาติมิตร คนสนิทที่เพิ่งตายไป หากเขามาหาในสภาพที่เป็นวิญญาณ อาจจะถูกดูดเข้าท้องเกิดเป็นลูกเป็นหลานได้ อย่างที่มีท่านผู้หนึ่งเขียนหนังสือเกี่ยวกับการเวียนว่ายตายเกิดไว้น่าอ่านมาก แต่ยังไม่เข้าใจการเวียนว่ายตายเกิด รบกวนท่านผู้รู้ช่วยตอบด้วยครับ สาธุ สาธุ สาธุ ยิ้มแก้มปริ
 

_________________
สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวส่ง Email
ทูล ดำนงค์
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 11 พ.ย.2006, 11:15 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

[color=r สาธุ ชีวิตคนเราสั้นนัก เผลอแป๊บเดียวก็ปลายคนแล้ว เศร้าใจจังเลย ยังไม่ได้ทำไรอีกตั้งหลายอย่าง ed][/color]
 
แสดงเฉพาะข้อความที่ตอบในระยะเวลา:      
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
 


 ไปที่:   


อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
คุณไม่สามารถสร้างหัวข้อใหม่
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ
คุณไม่สามารถแก้ไขข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลบข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลงคะแนน
คุณ ไม่สามารถ แนบไฟล์ในกระดานข่าวนี้
คุณ ไม่สามารถ ดาวน์โหลดไฟล์ในกระดานข่าวนี้


 
 
เลือกบอร์ด  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  • สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทานธรรมะ  • หนังสือธรรมะ  • บทความ  • กวีธรรม  • สถานที่ปฏิบัติธรรม  • ข่าวกิจกรรม
นานาสาระ  • วิทยุธรรมะ  • เสียงธรรม  • เสียงสวดมนต์  • ประวัติพระพุทธเจ้า  • ประวัติมหาสาวก  • ประวัติเอตทัคคะ  • ประวัติพระสงฆ์  • ธรรมทาน  • แจ้งปัญหา

จัดทำโดย  กลุ่มเผยแผ่หลักคำสอนทางพระพุทธศาสนา ธรรมจักรดอทเน็ต
เพื่อส่งเสริมคุณธรรม และจริยธรรมในสังคม
เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2546
ติดต่อ webmaster@dhammajak.net
Powered by phpBB © 2001, 2002 phpBB Group :: ปรับเวลา GMT + 7 ชั่วโมง