Home  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  •  สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทาน  • หนังสือ  •  บทความ  • กวีธรรม  • ข่าวกิจกรรม  • แจ้งปัญหา
คู่มือการใช้คู่มือการใช้  ค้นหาค้นหา   สมัครสมาชิกสมัครสมาชิก   รายชื่อสมาชิกรายชื่อสมาชิก  กลุ่มผู้ใช้กลุ่มผู้ใช้   ข้อมูลส่วนตัวข้อมูลส่วนตัว  เช็คข้อความส่วนตัวเช็คข้อความส่วนตัว  เข้าสู่ระบบ(Log in)เข้าสู่ระบบ(Log in)
 
ได้ทำการย้ายไปเว็บบอร์ดแห่งใหม่แล้ว คลิกที่นี่
www.dhammajak.net/forums
15 ตุลาคม 2551
 ชีวิตของลุงหวาน (ท.เลียงพิบูลย์) อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
ผู้ตั้ง ข้อความ
admin
บัวทอง
บัวทอง


เข้าร่วม: 15 ธ.ค. 2004
ตอบ: 1886

ตอบตอบเมื่อ: 03 มิ.ย.2006, 11:20 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

Image

ชีวิตของลุงหวาน
โดย ท.เลียงพิบูลย์

จากหนังสือกฎแห่งกรรม
ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว เล่ม ๕



กฎแห่งกรรมนำไว้เป็นข้อคิด
ทุกชีวิตหนีไม่พ้นตนก่อไว้
เหมือนหว่านพืชในดินชนิดใด
ย่อมจะได้ผลนั้นเห็นทันตา
แม้นหว่านข้าวย่อมได้ข้าวเป็นผลผลิต
จะเป็นผลต่างชนิดผิดหนักหนา
เปรียบเช่นคนทำดีตลอดมา
ชั่วชีวารับกรรมดีที่ตนทำ
ถ้าทำชั่วย่อมได้ชั่วจิตมัวหมอง
กรรมสนองรับวิบากอันมากล้ำ
เปลี่ยนความคิดเสียใหม่หยุดก่อกรรม
เป็นผลนำทำดีชีวีสราญ


ผมได้บันทึกเรื่องของชายสูงอายุผู้หนึ่ง อดีตท่านเป็นข้าราชการชั้นโท ผมเรียกท่านผู้นี้ว่าลุงหวาน ปัจจุบันนี้สังขารของลุงหวานไม่สมประกอบ ทุพลภาพจะไปไหนมาไหนก็ต้องใช้ไม้เท้าพยุงร่างเดินกะโผลกกะเผลก มือขวาใช้การไม่ได้ไม่มีแรง

ผมได้มีโอกาสสนทนากับลุงหวาน ถามถึงสาเหตุที่ท่านได้เกิดทุพลภาพ เพราะผมเห็นแล้วรู้สึกสงสารที่ท่านต้องรับการทรมานทั้งร่างกายและจิตใจ ผมอยากจะบันทึกชีวิตเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เพื่อเป็นประโยชน์แก่อนุชนในปัจจุบันและอนาคตส่วนรวมต่อไป ลุงหวานท่านก็ยินดีที่จะเล่าเรื่องให้ผมฟังถึงสาเหตุที่ร่างกายไม่สมประกอบในปัจจุบันนี้ว่า

ก่อนหน้าลุงได้รับราชการอยู่ที่จังหวัดลำปาง ต่อมาเมื่อ พ.ศ. ๒๕๐๗ ทางราชการมีคำสั่งย้ายลงให้ไปรับราชการที่จังหวัดปทุมธานี ตามปกติร่างกายของลุงนั้นสมบูรณ์แข็งแรงไม่ค่อยเจ็บไข้ได้ป่วย เมื่อได้มาอยู่จังหวัดปทุมธานีได้ไม่นานนัก คืนหนึ่งลุงได้นั่งดูโทรทัศน์ พร้อมทั้งบุตรภรรยา เวลานั้นประมาณ ๒๑.๐๐ น.เศษ นั่งดูอยู่ดีๆ ลุงก็เกิดมีอาการปวดเมื่อยตามเนื้อตามตัวตลอด ทั้งแขนและขา จึงจัดแจงรีบลุกขึ้นเข้านอนก่อนภรรยา

รู้สึกว่าความปวดเมื่อยได้ทรมานลุงมาก เมื่อประมาณตี ๓ ลุงต้องลุกขึ้นเพราะปวดปัสสาวะ จึงเข้าไปห้องน้ำห้องส้วม เมื่อปัสสาวะเสร็จแล้วจะใช้มือขวายกขันน้ำ แต่ปรากฏว่ามือขวาชาจนไม่มีกำลังจะใช้ได้ต่อไป ต้องใช้มือซ้ายแทน เมื่อจะก้าวขาออกจากห้องน้ำก็รู้สึกขาขวาหมดกำลังลงอีก จึงต้องใช้มือซ้ายเกาะไต่ข้างขวาค่อยๆ ลากขาขวาซึ่งหมดกำลังไม่มีแรง ค่อยๆ คืบเข้าไปในห้องนอนได้ก็ต้องหยุดหลายพักหลายครั้ง ทั้งลุงก็ไม่ค่อยอยากจะรบกวนลูกเมียในยามดึก ซึ่งเป็นเวลาที่พักผ่อนหลับนอน

ลุงต้องใช้กำลังร่างกายเพียงซีกซ้ายอย่างทุลักทุเล กว่าจะถึงที่นอนได้ก็หมดแรง เมื่อถึงที่นอนแล้วรู้สึกปวดเมื่อยทั้งตัวมากขึ้น ทั้งอาเจียนออกมาหลายหน อาการเริ่มทรุดอย่างรวดเร็ว ปากก็เบี้ยวพูดจาไม่ชัด น้ำลายไหลออกมาตลอดเวลา ภรรยาได้ยินเสียงลุงอาเจียนก็ตื่นจากที่นอนลุกขึ้นมาดู เห็นอาการของลุงผิดปกติก็ตกใจ ยามดึกคืนนั้นลูกเมียผู้คนในบ้านตกใจตื่นกันหมดโกลาหลวุ่นวายกันทั้งบ้าน

รุ่งขึ้นแต่เช้าก็รีบไปเชิญนายแพทย์ประจำจังหวัดมาตรวจด่วน นายแพทย์ลงความเห็นว่าให้รีบส่งโรงพยาบาลประสาท พญาไท ในพระนคร ฉะนั้น ลุงจึงถูกส่งมารักษาที่โรงพยาบาลประสาท พญาไททันที การเดินทางตลอดเวลาลุงได้อาเจียนหลายครั้ง แม้จะถึงโรงพยาบาลนายแพทย์รีบพาเข้าห้องตรวจ ลุงก็ยังอาเจียนไม่หยุด เวลานั้นลุงพูดอะไรไม่ได้เพราะปากเบี้ยวบูด

เมื่อนายแพทย์ได้ตรวจดูอย่างละเอียดถี่ถ้วนแล้ว ลงความเห็นว่าลุงได้เป็นอัมพาต จึงต้องให้พักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล ภรรยาของลุงเป็นเจ้าของคนไข้ก็ยอมให้อยู่โรงพยาบาล การรักษาอยู่ในโรงพยาบาลนั้น หมอได้ฉีดยาวันหนึ่งประมาณ ๔-๕ เข็ม ลุงต้องนอนรักษาตัวอยู่โรงพยาบาล ๒ เดือนเศษ เนื้อหนังแทบจะหาที่ว่างไม่ได้

การรักษานอกจากฉีดยากินยาแล้ว ยังมีวิธีตรวจคลื่นทางสมอง มีสายไฟซึ่งปลายกดลงบนหัวแล้วอีกทางหนึ่งก็เข้าเครื่องวัด นอกจากตรวจวัดคลื่นทางสมองแล้ว ยังมีวิธีเจาะคอเป่าลมเข้าไปทางสมอง ในเวลากำลังเป่าลมเข้าทางสองนั้นรู้สึกสบายและเบาหัว แต่หมอต้องคอยควบคุมจับชีพจรดูการเต้นของหัวใจตลอดเวลา มิฉะนั้นกลัวจะตกใจ ทำให้หัวใจหยุดเต้น คอยเรียกชื่อตลอดเวลา

เมื่อได้นอนรักษาตัวอยู่โรงพยาบาลได้สามอาทิตย์ก็นึกถึงตัวเองเสมอว่า ได้สร้างกรรมทำชั่วอะไรไว้ จึงต้องมาชดใช้หนี้กรรมถึงทรมานขนาดนี้ คนอื่นลุงก็ไม่เคยเห็นทุกข์ทรมานเหมือนลุงเลย กรรมชั่วอันใดนะที่ตามสนองลุงเช่นนี้ ทำให้ลุงนึกคิดย้อนหลัง เมื่อลุงได้รับราชการอยู่ในจังหวัดลำปาง ลุงไม่เคยลืมเลย

ลุงอยากจะเริ่มต้นเล่าสาเหตุให้ฟัง บางทีเรื่องนี้จะเป็นประโยชน์บ้างไม่มากก็น้อย เพราะเวลานี้ลุงพิจารณาดูรู้ว่า มนุษย์เราเกิดมาย่อมจะมีทั้งความดีและความชั่วอยู่เบื้องหลังที่ผ่านมาแล้ว ผิดแต่ว่าความดีมากหรือชั่วมากเท่านั้น หนีไม่พ้นกฎแห่งกรรม

เมื่อรู้ว่าเรื่องของลุงนี้จะบันทึกส่งไปให้ ท.เลียงพิบูลย์ เพื่อเข้าในชุดกฎแห่งกรรม ลุงก็ปิติยินดีเล่าความจริงทั้งหมดให้ฟัง เพื่อจะได้ระบายความรู้สึกของลุงออกมา จะได้นำเอาไปเรียบเรียงขึ้นเพื่อให้อนุชนรุ่นหลังจะได้มีตัวอย่าง เพราะลุงเชื่อว่ามนุษย์เรานั้นหากทำอะไรด้วยจิตใจอาฆาตมาดร้าย พยาบาท ย่อมจะก่อกรรมทางจิตเกิดผลขึ้นมาผลนั้นก็จะติดตามสนอง เพราะจิตโกรธแค้นพยาบาทจิตมุ่งทำลายโดยเจตนา

หากว่าเราทำสิ่งใดลงไปโดยไม่ตั้งใจ ไม่มีความเจตนาพยาบาทโกรธแค้นอาฆาต ลุงเชื่อแน่จะไม่เกิดผลกรรมตามสนอง แม้จะมีกรรมบาปก็จะน้อย นี่ก็เห็นว่าเป็นต้นเหตุหนึ่ง ที่ลุงแน่ใจว่าได้รับกรรมตามสนองในปัจจุบันนี้เกิดขึ้น เพราะจิตพยาบาทโกรธแค้นเป็นต้นเหตุ ลุงอยากให้คนรุ่นหลังพิจารณาดูจะได้ระงับความโกรธ ความอาฆาต ความพยาบาท เพราะเรามีพลังจิตเจตนาสร้างกรรมขึ้นแล้วก็หนีกรรมที่เราทำมาแล้วไม่พ้น ลุงเห็นว่าจะเป็นกุศลจึงยินดีจะเล่าเรื่องชีวิตของลุงให้ฟัง


(มีต่อ)
 

_________________
-- การให้ธรรมเป็นทาน ชนะการให้ทั้งปวง --

แก้ไขล่าสุดโดย admin เมื่อ 26 ก.ค.2006, 4:14 pm, ทั้งหมด 2 ครั้ง
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวส่ง Emailชมเว็บส่วนตัว
admin
บัวทอง
บัวทอง


เข้าร่วม: 15 ธ.ค. 2004
ตอบ: 1886

ตอบตอบเมื่อ: 03 มิ.ย.2006, 12:01 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ลุงมีภูมิลำเนาบ้านเกิดของลุงเป็นคนภาคกลาง เมื่อวัยหนุ่มก็เป็นนักแสวงโชค เมื่อ พ.ศ. ๒๔๗๑ ลุงได้เดินทางไปภาคเหนือ ได้เข้าทำงานรับราชการในหน่วยงานของรัฐบาลหลายแห่ง ต่อมาก็ได้เข้ารับราชการสังกัดอยู่ในกระทรวงการคลัง ลุงเป็นคนขยันในการงานตลอดทั้งหน้าที่การงานของลุงก็เรียบร้อยเป็นที่ถูกใจ เป็นที่ชื่นชอบของผู้บังคับบัญชา ตลอดจนผู้ร่วมงานทั่วไป เป็นที่รักใคร่นับถือของเพื่อนฝูง เพราะลุงไม่เป็นคนเห็นแก่ตัว ไม่เอารัดเปรียบใคร

เมื่อได้รับราชการสังกัดกระทรวงการคลังที่ในจังหวัดลำปางได้ ๒ ปี ลุงก็ได้เลื่อนหน้าที่สูงขึ้นตามลำดับในความดีความชอบ เป็นโชคดีของลุง หลังจากตำแหน่งสูงขึ้นไม่นาน ลุงก็ได้ทำการสมรสกับสตรีสาวสวยในเวลานั้นผู้หนึ่งซึ่งอยู่ในจังหวัดลำปาง นับว่าลุงมีโชค ๒ ชั้น เพราะได้เลื่อนตำแหน่งและได้ภรรยาสาวสวย เมื่อมีครอบครัวแล้วก็เป็นธรรมดาที่จะต้องหารายได้เพิ่มเพื่ออนาคตที่จะต้องเกิดบุตรตามมาภายหลัง

เมื่อเพิ่มสมาชิกในครอบครัว การใช้จ่ายก็จะเพิ่มขึ้นเป็นเงาตามตัวเป็นธรรมดา เพื่อไม่ประมาทลุงจึงเตรียมรับเหตุการณ์อนาคต ฉะนั้น ลุงจึงคิดหารายได้เพิ่มโดยการลงทุนซื้อไก่พันธ์ดีมาเลี้ยง การเลี้ยงไก่เพื่อค่อยๆ จะได้ขยายกิจการออกไปให้มีรายได้มากยิ่งขึ้น นอกจากจะเลี้ยงไก่ขายไข่แล้วก็ยังฟักลูกไก่ขาย ต่อมาก็นับว่าเป็นรายได้ที่งดงามพอดู ลุงก็เพลิดเพลินอยู่กับลูกไก่ที่ฟักขึ้นใหม่ๆ มากมาย

พอเย็นกลับมาจากงานแล้วลุงก็ไปขลุกอยู่ในเล้าไก่ วันหยุดราชการลุงก็ขลุกอยู่กับไก่ตลอดเวลา ลุงมองดูลูกไก่เล็กๆ ที่ออกจากไข่ด้วยความนิยมชมชื่น บางครั้งภรรยาก็ต้องเอาอาหารเข้าไปให้กินในเล้าไก่ใต้ถุน เพราะลุงเพลิดเพลินสบายใจกับลูกไก่เล็กๆ น่ารักน่าเอ็นดู ตลอดเวลาว่างไม่ได้ไปไหนเลย มัวอยู่กับพวกไก่ จำได้เวลานั้นภรรยาของลุงได้ตั้งท้องลูกคนแรกได้ ๒ เดือน ลุงก็มองเห็นอนาคตแจ่มใสเพราะรายได้ทางขายไก่และไข่ และลูกไก่ทวีขึ้น

วันหนึ่งขณะที่ราชการหยุดพักเที่ยง ลุงได้กลับมาถึงบ้านก็จะตรงเข้าไปดูพวกไก่ในเล้า ยังไม่ทันเข้าไปก็เห็นแมววิ่งสวนทางออกมา เมื่อเข้าไปก็เห็นลูกไก่หายไปหลายตัว ก็นึกได้ว่าจะต้องเป็นแมวขโมยที่มันย่องขโมยลูกไก่ไปกิน เมื่อคิดได้เช่นนั้นก็นึกโกรธขึ้นมาทันที ความโกรธ ความแค้นที่แมวตัวนั้นมันบังอาจมาขโมยลูกไก่ไป จึงอาฆาตอยากจะฆ่ามันให้ตาย เมื่อความโกรธเช่นนั้นก็ขึ้นไปหยิบดาบบนบ้านลับให้คม ตั้งใจจะฟันมันให้ขาดสองท่อน สมกับความโกรธความแค้นที่มันขโมยลูกไก่

เมื่อกลับไปทำงานตอนบ่ายความแค้นของลุงคุกรุ่นอยู่ในใจ เรียกภรรยามาคอยเฝ้า อย่าให้แมวตัวนั้นเข้าไปกินลูกไก่อีก อย่าทำอะไรมัน ขอเวลาให้ลุงกลับจากงานมาก่อนแล้วจะคิดบัญชีกับมันให้ถึงตายจึงจะสมกับความแค้น วันนั้นตลอดเวลาบ่ายไม่เป็นอันทำงาน คอยแต่คิดจะหาทางจะกำจัดเจ้าแมวตัวนี้ให้ได้

เมื่อเย็นกลับมาถึงบ้านแล้วพิจารณาทางหนีทีไล่ว่ามันเข้ามาทางใดและออกทางใด ลุงควรจะดักอยู่ที่ไหนจึงจะฟันมันได้เต็มที่ เมื่อคิดหาทางหนีทีไล่เสร็จ ลุงก็ซุ่มคอยทีอยู่คิดว่ามันต้องมาแน่ ลุงกำดาบอยู่ในมือแน่น กัดฟันแล้วนึกในใจว่า คราวนี้และอ้ายแมวขโมยคงจะอยู่มือแน่ ลุงคอยซุ่มอยู่ไม่นานัก เจ้าแมวขโมยก็ย่องๆ มองซ้ายมองขวา ลุงจะฟันมันก็คงไม่ถนัด เพราะมันอาจวิ่งหนีไป จึงต้องปล่อยให้มันเข้าไปในเล้าไก่ แล้วก็แอบมาทางช่องที่มันเข้า เตรียมเงื้อดาบไว้คอยตั้งท่า คอยฟันเมื่อเวลามันออกมา เพราะไม่มีทางอื่นมันคงไม่รอด

สักครู่หนึ่งก็ได้ยินเสียงลูกไก่ร้องกันแซ่ ลุงยิ่งเพิ่มความโกรธมากขึ้น แต่อดใจรอเวลาคอยจ้องอย่างไม่กะพริบตา แล้วก็มองเห็นแมวขโมย อ้ายศัตรูตัวร้ายย่องออกมา ในปากคาบลูกไก่ยังไม่ตายสนิท ตั้งท่าจะวิ่งออกมาเหมือนจะรู้ว่ามีภัยอันตราย ลุงเงื้อดาบไว้คอยทีอยู่แล้ว ความโกรธความแค้นตั้งใจเกินไปว่าจะฟันให้สุดแรงเกิด ให้มันขาดกลางสองท่อน

เห็นจะเป็นการตั้งใจเกินไป พอได้ระยะดาบลุงก็ฟันไปทันที แต่แมวขโมยตัวนี้มันอดทนว่องไว เนื้อหนังมันเหนียวกว่าแมวธรรมดา ลุงฟันไปเต็มแรงมันกระโดด ลุงก็เพียงฟันพลาดไปถูกตีนขวาของมันทั้งสองข้างแต่ไม่ขาด แต่คงบาดเจ็บมาก มันทนเกินแมวธรรมดา ที่สามารถกระโดดวิ่งหนีออกไปได้อย่างว่องไว แต่เลือดสาดแดงไปตลอดทาง แต่ลุงยังไม่หายแค้น โมโหตัวเองที่ฟันไม่ถูกตามตัว บังเอิญเวลามันมืดค่ำไม่สามารถจะติดตามมันไปได้ ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมาก็ไม่เห็นแมวตัวนั้นอีก ลุงคิดว่ามันคงตายเพราะบาดแผลฉกรรจ์สาหัสจากคมดาบที่ลุงฟัน

ฉะนั้น เรื่องนี้เห็นจะเป็นเพราะอำนาจจิตที่ผูกใจเจ็บแค้นเจ้าแมวตัวนั้น ด้วยความพยาบาทอาฆาต แม้เหตุการณ์นี้จะล่วงเลยมาแล้วประมาณสามสิบกว่าปี บาปกรรมอันนี้ได้ติดตามมาสนอง ลุงฟันถูกแถบด้านขวาของแมว แต่ลุงก็เกิดพิการทางด้านขวาร่างกายทั้งแถบเช่นเดียวกันกับที่ลุงได้ทำกับแมวตัวนั้น ด้วยแรงอำนาจจิตอาฆาตพยาบาท บาปกรรมจึงได้ติดตามมาสนองลุง ชีวิตมนุษย์เรื่องกรรมดีกรรมชั่วเป็นสิ่งลี้ลับ ลุงแน่ใจว่าผู้สร้างกรรมดีกรรมชั่วแล้ว ย่อมจะหนีไม่พ้นกรรมที่ตนสร้างขึ้นนั้นตามมาสนอง

ฉะนั้น ลุงจึงอยากให้เรื่องของลุงนี้เป็นตัวอย่างอนุชนรุ่นต่อไป นำไปพิจารณาดู จะเห็นได้ว่าแรงอำนาจโกรธแค้นพยาบาทด้วยพลังจิต ทำให้ก่อเกิดกรรมตามสนอง เป็นการจองเวรจองกรรมไม่มีสิ้นสุด การกระทำเกิดจากพลังอำนาจจิตนั้น มีผลร้ายแรงจะฝังอยู่ในความรู้สึก วันหนึ่งวันใดก็จะแสดงผลออกมาตามสนอง

ลุงพอใจที่เรื่องของลุงวันหนึ่งจะเป็นประโยชน์ในส่วนรวมบ้าง เพื่อเตือนใจผู้ที่มีความรู้สึกอย่างลุง จะได้มีโอกาสดับความโกรธ ความแค้น ความพยาบาท การฆ่าฟันอย่างเหี้ยมโหด ดุร้ายก็จะบรรเทาลงบ้าง ฉะนั้น ลุงจึงยินดีให้เรื่องของลุง แม้จะเป็นเรื่องเล็กแต่ก็เกิดจากอำนาจจิตพยาบาท ลุงต้องมาชดใช้หนี้กรรม ดังที่ลุงได้บรรยายมาแล้ว เป็นตัวอย่างต่อไป

ข้าพเจ้าผู้เขียนและเรียบเรียงตามที่ผู้บันทึกส่งมาให้ได้พิจารณาดูแล้ว จึงอยากจะอนุเคราะห์เรื่องของลุงหวานเข้าในชุดกฎแห่งกรรม ตามที่ท่านเจ้าของเรื่องมีความประสงค์ และในปัจจุบันนี้ท่านก็ยังมีชีวิต หากท่านผู้ใดสนใจก็สามารถจะติดต่อกับท่านได้ ที่โรงงานสุราในจังหวัดนครราชสีมา

ท่านที่ได้อ่านเรื่องนี้แล้วคงไม่อยากให้กรรมตามสนอง ก็ต้องใช้หลักสัจธรรมใช้สติปัญญาไม่ประมาท เมื่อจะทำสิ่งใดก็คิดก่อนจึงทำ อย่าทำก่อนคิดตามอารมณ์ โทสะรุนแรงหุนหันพลันแล่นย่อมจะเป็นโทษมากกว่าเป็นคุณ เมื่อจิตมีความอาฆาตมาดร้าย ย่อมจะก่อกรรมตามสนองหนีไม่พ้น

ทางพุทธศาสนา ท่านสอนให้กำจัดความโลภ ความโกรธ ความหลง ฉะนั้น หากจะฝึกจิตพยายามทำลายความโกรธให้สูญสิ้นไปจากความรู้สึก แม้จะยังไม่หมดสิ้นลงในทันที ก็ขอให้มีอารมณ์เยือกเย็นลง ทำให้โกรธยาก พอจะมีสติไม่ประมาณรู้สึกถึงผลกรรมจะตามสนองภายหลัง กรรมชั่วตามสนองไม่เกิดขึ้น จิตก็สงบเพราะเป็นผู้มีอารมณ์โกรธยาก

หากเรื่องนี้จะเกิดประโยชน์แก่อนุชนและผู้อ่านต่อไป และเป็นบุญกุศลขึ้นทางจิตใจ ที่สามารถจะระงับจิตใจของผู้ที่กำลังจะโกรธแค้นคิดพยาบาทอาฆาตได้แล้ว ข้าพเจ้าผู้เรียบเรียงจากบันทึกเรื่องนี้ ขอสงบจิตอธิษฐาน ขอให้กุศลผลบุญของเรื่องนี้จงบันดาลให้ลุงหวานหายจากการรับทุกข์ทรมาน จงเกิดความสงบทางใจด้วยผลบุญบารมีของเรื่องนี้เถิด



..................... เอวัง .....................
 

_________________
-- การให้ธรรมเป็นทาน ชนะการให้ทั้งปวง --

แก้ไขล่าสุดโดย admin เมื่อ 26 ก.ค.2006, 4:15 pm, ทั้งหมด 1 ครั้ง
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวส่ง Emailชมเว็บส่วนตัว
admin
บัวทอง
บัวทอง


เข้าร่วม: 15 ธ.ค. 2004
ตอบ: 1886

ตอบตอบเมื่อ: 03 มิ.ย.2006, 12:03 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ชีวิตลุงหวาน
ลุงหวานรับกรรมเวรเป็นอัศจรรย์
เหตุเพราะฟันขาแมวทางด้านขวา
อยู่ไม่นานต้องรับเวรเห็นทันตา
ลุงต้องมาขาพิการอัมพาตกาย
ขอให้คนรุ่นหลังโปรดยั้งคิด
อย่ามีจิตพยาบาทอาฆาตร้าย
เพราะเวรกรรมนั้นมีจริงไม่มีตาย
ยังไม่สายอภัยทานคือทางธรรม

ท.เลียงพิบูลย์
 

_________________
-- การให้ธรรมเป็นทาน ชนะการให้ทั้งปวง --

แก้ไขล่าสุดโดย admin เมื่อ 26 ก.ค.2006, 4:13 pm, ทั้งหมด 1 ครั้ง
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวส่ง Emailชมเว็บส่วนตัว
ศรัญญา
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 03 มิ.ย.2006, 12:07 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ใครทำอะไรไว้ย่อมได้รับอย่างนั้น
 
name
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 03 มิ.ย.2006, 12:08 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

เห็นด้วยเหมือนกัน
 
คนที่ประสบกรรม
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 03 มิ.ย.2006, 12:08 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ผมเชื่อเรื่องกรรมสนองนะ เคยประสบตัวเองและรวดเร็วด้วย เคยให้ช่างไม้ไปกั้นช่องเพดานหลังคาซึ่งนกพิราบมาทำรังออกไข่เยอะ ปรากฎช่างไม้ไปปิดกั้นขังลูกนกที่กำลังจะเริ่มเดิน พ่อแม่นกบินมาจับตาเฝ้าดู ได้ยินเสียงลูกนกร้องหาพ่อแม่นกหลายวัน สุดท้ายก้อเงียบเสียงไป นับจากวันที่ช่างไม้ปิดกั้น พอกลางเดือนผมประสบเหตุกระดูกขาหักทันที่ ห่างจากวันที่ช่างไม้ปิดกั้นเพียงครึ่งเดือนเท่านั้น
 
แมวขาวมณี
บัวบาน
บัวบาน


เข้าร่วม: 28 ก.ค. 2006
ตอบ: 307

ตอบตอบเมื่อ: 02 ก.ย. 2006, 4:20 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

กฏแห่งกรรมจริงๆ เศร้า
 

_________________
พฤษภกาสร อีกกุญชร อันปลดปลง
โททนต์ เสน่งคง สำคัญหมาย ในกายมี
นรชาติวางวาย มลายสิ้น ทั้งอินทรีย์
สถิตย์ทั่ว แต่ชั่วดี ประดับไว้ ในโลกา
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวส่ง Email
แสดงเฉพาะข้อความที่ตอบในระยะเวลา:      
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
 


 ไปที่:   


อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
คุณไม่สามารถสร้างหัวข้อใหม่
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ
คุณไม่สามารถแก้ไขข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลบข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลงคะแนน
คุณ สามารถ แนบไฟล์ในกระดานข่าวนี้
คุณ สามารถ ดาวน์โหลดไฟล์ในกระดานข่าวนี้


 
 
เลือกบอร์ด  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  • สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทานธรรมะ  • หนังสือธรรมะ  • บทความ  • กวีธรรม  • สถานที่ปฏิบัติธรรม  • ข่าวกิจกรรม
นานาสาระ  • วิทยุธรรมะ  • เสียงธรรม  • เสียงสวดมนต์  • ประวัติพระพุทธเจ้า  • ประวัติมหาสาวก  • ประวัติเอตทัคคะ  • ประวัติพระสงฆ์  • ธรรมทาน  • แจ้งปัญหา

จัดทำโดย  กลุ่มเผยแผ่หลักคำสอนทางพระพุทธศาสนา ธรรมจักรดอทเน็ต
เพื่อส่งเสริมคุณธรรม และจริยธรรมในสังคม
เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2546
ติดต่อ webmaster@dhammajak.net
Powered by phpBB © 2001, 2002 phpBB Group :: ปรับเวลา GMT + 7 ชั่วโมง