Home
•
กระดานสนทนา
•
สมาธิ
•
สติปัฏฐาน
•
กฎแห่งกรรม
•
นิทาน
•
หนังสือ
•
บทความ
•
กวีธรรม
•
ข่าวกิจกรรม
•
แจ้งปัญหา
คู่มือการใช้
ค้นหา
สมัครสมาชิก
รายชื่อสมาชิก
กลุ่มผู้ใช้
ข้อมูลส่วนตัว
เช็คข้อความส่วนตัว
เข้าสู่ระบบ(Log in)
ได้ทำการย้ายไปเว็บบอร์ดแห่งใหม่แล้ว คลิกที่นี่
www.dhammajak.net/forums
15 ตุลาคม 2551
ที่มั่นสำคัญของพุทธศาสนา (พระไพศาล วิสาโล)
อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
:: ลานธรรมจักร ::
»
บทความธรรมะ
ผู้ตั้ง
ข้อความ
สาวิกาน้อย
บัวแก้ว
เข้าร่วม: 27 มี.ค. 2006
ตอบ: 2065
ตอบเมื่อ: 16 ส.ค. 2006, 8:19 pm
ที่มั่นสำคัญของพุทธศาสนา
โดย พระไพศาล วิสาโล
หลังจากเกิดมหันตภัยสึนามิได้เพียงสัปดาห์เดียว ได้มีข่าวเล็กๆ ชิ้นหนึ่งจากประเทศแคนาดา ซึ่งสะท้อนน้ำใจอันยิ่งใหญ่ที่ชาวพุทธไทยน่าศึกษาเรียนรู้
ข่าวนั้นระบุว่า เจ้าอาวาสวัดพุทธเวียดนามชานกรุงแวนคูเวอร์ ประกาศ "ขายวัด" เพื่อหาเงินช่วยเหลือผู้ประสบภัยสึนามิ ท่านได้กล่าวว่า การขายวัดเป็นวิธีเดียวที่ท่านจะสามารถหาเงินมาช่วยเหลือผู้สูญเสียในเวลานั้นได้ เนื่องจาก "คนเหล่านี้ต้องการความช่วยเหลืออย่างเร่งด่วนและมากกว่าพวกเรา"
เหตุผลสำคัญอีกประการหนึ่งก็คือ ท่านปรารถนาที่จะตอบแทนบุญคุณแก่ประเทศอินโดนีเซีย ไทย และมาเลเซีย ที่เคยให้ที่พักพิงแก่ชาวเวียดนามเมื่อครั้งหนีภัยคอมมิวนิสต์ออกมาทางทะเลเมื่อกว่า 20 ปีก่อน ท่านกล่าวว่า การตอบแทนครั้งนี้นับว่าเล็กน้อยมากเมื่อเทียบกับความช่วยเหลือที่คนในประเทศเหล่านั้นเคยให้แก่ชาวเวียดนาม เหตุผลดังกล่าวทำให้พระภิกษุในวัดนั้นซึ่งหลายรูปเคยเป็นผู้อพยพทางเรือ เห็นด้วยกับการตัดสินใจดังกล่าวของเจ้าอาวาส และเตรียมตัวที่จะหาวัดเล็กๆ อาศัยอยู่ต่อไป
ข่าวดังกล่าวชวนให้นึกถึงเหตุการณ์ในญี่ปุ่นเมื่อหลายร้อยปีก่อน เตซื่อเจ็น เป็นนักพรตที่ตั้งปณิธานแน่วแน่ว่าจะจัดพิมพ์พระไตรปิฎกภาษาญี่ปุ่นให้ได้ 7,000 ชุด เขาได้เดินเท้าจาริกไปทั่วญี่ปุ่นเพื่อระดมเงินบริจาคสำหรับการนี้ เงินส่วนใหญ่ได้จากชาวนาซึ่งให้คนละเล็กละน้อย หลังจากเดินทางได้สิบปี เขาก็รวบรวมเงินได้มากพอที่จะจัดพิมพ์พระไตรปิฎก แต่แล้วในช่วงนั้นเองเกิดน้ำท่วมใหญ่ คนจำนวนนับพันต้องไร้ที่อยู่และหิวโหย เตซื่อเจ็นตัดสินใจนำเงินทั้งหมดที่เขาเก็บสะสมได้ ไปช่วยเหลือคนเหล่านั้น
แล้วเขาก็จาริกหาเงินบริจาคอีกครั้งหนึ่ง หลังจากผ่านไปเกือบสิบปี เขาก็ได้เงินมากพอสำหรับการพิมพ์พระไตรปิฎก แต่ปรากฏว่าเกิดโรคระบาดไปทั่วประเทศ เขาจึงนำเงินทั้งหมดไปช่วยเหลือผู้ประสบภัยเช่นเคย
เขาออกเดินทางอีกครั้งหนึ่ง คราวนี้ต้องใช้เวลาถึงยี่สิบปีกว่าความฝันของเขาจะเป็นจริง หลังจากที่ได้มีการตีพิมพ์พระไตรปิฎกจนสำเร็จแล้ว ชาวญี่ปุ่นได้ร่ำลือต่อๆ กันมาว่า เตซื่อเจ็นได้พิมพ์พระสูตรออกมาสามครั้งด้วยกัน ฉบับพิมพ์สองครั้งแรกนั้นมองไม่เห็น แต่มีคุณค่ามากกว่าฉบับพิมพ์ครั้งที่สามมากนัก
วัดและพระไตรปิฎกนั้นเป็นสิ่งที่มีความหมายอย่างมากต่อจิตใจของชาวพุทธ เพราะถือว่าเป็นตัวแทนหรือสัญลักษณ์ของพุทธศาสนา ดังนั้น จึงเป็นธรรมดาที่หลายคนจะมองว่าวัดและพระไตรปิฎกนั้นมีความสำคัญเหนือความทุกข์ยากของผู้คน การยอมสละวัดและพระไตรปิฎกเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยจึงเป็นเรื่องที่ยอมรับได้ยากสำหรับผู้ที่มีศรัทธาแน่นแฟ้นในพระศาสนา เมื่อมองตามหลักเหตุผลก็น่าจะเป็นเช่นนั้น เพราะความทุกข์ยากของผู้คนนั้นเป็นเรื่องชั่วครั้งชั่วคราว แต่ศาสนานั้นให้ผลสืบต่อไปถึงอนาคตอันยาวไกล เพราะฉะนั้นวัดและพระไตรปิฎกจึงเป็นสิ่งที่ควรรักษาไว้ให้ยั่งยืนในฐานะที่เป็นตัวแทนของศาสนา
อย่างไรก็ตาม คำถามหนึ่งซึ่งหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องตอบก็คือ พุทธศาสนานั้นมีเพื่ออะไร? พุทธศาสนานั้นไม่ได้มีขึ้นเพื่อตัวเอง แต่เพื่อความผาสุกของมนุษย์ ดังนั้น เมื่อมนุษย์ประสบความทุกข์ยากเดือดร้อน จึงเป็นหน้าที่ที่พุทธศาสนาจะต้องเข้าไปบรรเทาความทุกข์ยากดังกล่าว แม้ว่าจะต้องเสียสละบางสิ่งบางอย่างก็ตาม จริงอยู่ในยามที่ประสบภัยพิบัติ ผู้คนไม่ได้มีความทุกข์กายเท่านั้น หากยังมีความทุกข์ใจ ที่ควรได้รับการเยียวยาบำบัดด้วย บทบาทของพุทธศาสนาจึงควรครอบคลุมทั้งการสงเคราะห์ด้วยวัตถุและด้วยธรรมะ
แต่ปัจจุบันดูเหมือนจะมีการจำกัดบทบาทของพุทธศาสนาโดยเฉพาะในฝ่ายพระสงฆ์ให้เหลือเพียงการสงเคราะห์ทางจิตใจอย่างเดียว (เห็นได้ชัดจากบทบาทพระสงฆ์ไทยหลังเกิดเหตุสึนามิ) โดยที่การสงเคราะห์ทางจิตใจนั้นก็เน้นที่การเทศนาสั่งสอนอย่างเดียว ทั้งๆ ที่ธรรมะหรือศาสนานั้นมีความหมายมากกว่านั้น
การขายวัดหรือเอาเงินจัดพิมพ์พระไตรปิฎกไปช่วยคนที่ประสบภัยนั้น ดูเผินๆ ก็เป็นเพียงการสงเคราะห์ด้วยวัตถุเท่านั้น แต่เมื่อมองให้ลึกแล้ว วัตถุเหล่านั้นไม่ว่าอาหาร ยา เครื่องนุ่งห่ม มิได้ช่วยบำบัดทุกข์ทางกายเท่านั้น หากยังมีความหมายในทางจิตใจ เพราะนั่นคือรูปธรรมหรือสื่อแห่งธรรมะที่ผู้ประสบภัยต้องการเป็นอย่างยิ่ง ได้แก่ เมตตาและกรุณา ในยามประสบมหันตภัย ผู้คนย่อมรู้สึกท้อแท้ สิ้นหวัง โดดเดี่ยว และรู้สึกว่าตนไร้คุณค่า แต่เมื่อได้สัมผัสกับเมตตาและกรุณาจากเพื่อนมนุษย์ เขาย่อมรู้สึกมีกำลังใจ เกิดความอบอุ่นและซาบซึ้งในคุณธรรม สิ่งเหล่านี้ย่อมช่วยให้เขามีพลังจะผ่านพ้นวิกฤตในชีวิตได้
เมตตาและกรุณานั้นคืออะไร หากไม่ใช่สารัตถะของศาสนา วัดย่อมไร้ความหมายหากไม่สามารถเปล่งประกายแห่งการุณยธรรมให้ผู้คนสัมผัสได้ พระไตรปิฎกย่อมไร้ประโยชน์หากเป็นเพียงแค่ตัวอักษร แต่ไม่สามารถบันดาลใจให้ผู้คนมีความมั่นคงในธรรม หรือมีศรัทธาในคุณงามความดีได้ โดยอาศัยเงินที่รวบรวมได้ เตซื่อเจ็นได้ช่วยให้ผู้คนเป็นอันมากไม่เพียงรอดชีวิต หากยังได้สัมผัสกับอานุภาพของเมตตา และมีศรัทธาในความดี การกระทำดังกล่าวมีคุณค่าไม่ต่างจากการเผยแผ่ธรรมะแก่ผู้คน ด้วยเหตุนี้จึงสมควรแล้วที่ผู้คนเปรียบการกระทำดังกล่าวว่าเสมอเหมือนการพิมพ์พระไตรปิฎก
สารัตถะของพุทธศาสนาที่แท้นั้นมิใช่วัดวาอารามหรือแม้แต่พระไตรปิฎก แต่คือธรรมะที่สถิตกลางใจและชี้นำกำกับวิถีชีวิตของเรา แน่นอนชาวพุทธทุกคนมีหน้าที่รักษาวัดและพระไตรปิฎกเอาไว้ แต่ก็ต้องไม่ลืมรักษาธรรมะในใจไว้ให้มั่นคง โดยมีกรุณาและปัญญาเป็นพื้นฐาน ทั้งนี้ พึงตระหนักว่าแม้รักษาวัดหรือพระไตรปิฎกไว้ได้ แต่ก็ไม่ชื่อว่ารักษาพุทธศาสนา หากในใจนั้นเต็มไปด้วยความโกรธ เกลียด และพยาบาท
ในปัจจุบันชาวพุทธทั้งหลายกำลังเผชิญกับบททดสอบที่สำคัญในสามจังหวัดภาคใต้ สวัสดิภาพในชีวิตของพระสงฆ์จำนวนไม่น้อยกำลังอยู่ในอันตราย วัดวาอารามจำนวนมากกำลังเสี่ยงต่อภัยคุกคามจากคนจำนวนหนึ่งซึ่งต้องการยั่วยุให้ผู้คนพลัดตกในกับดักที่วางล่อไว้ ในยามนี้จำเป็นอย่างยิ่งที่ชาวพุทธจะต้องตระหนักว่า แม้พระจะถูกปองร้าย วัดจะถูกเผา แต่อย่าให้ใจของเราถูกเผาลนด้วยความโกรธเกลียดและพยาบาท หากจะตอบโต้ก็พึงกระทำด้วยสันติวิธี
พุทธศาสนาจะไม่มีวันถูกทำลาย หากจิตใจของชาวพุทธยังมีธรรมะเป็นเครื่องกำกับ เพราะนั่นคือที่มั่นสำคัญที่สุดของพุทธศาสนา เพราะฉะนั้นหากรักพุทธศาสนา ก็ต้องเพียรรักษาใจให้มั่นคงในธรรม มีเมตตา พร้อมจะให้อภัย และมีสติเตือนใจไม่ให้ลุแก่โทสะ มีปัญญาตระหนักชัดว่าตาต่อตา ฟันต่อฟัน ไม่ใช่คำตอบ มีแต่สันติวิธีเท่านั้นที่จะนำไปสู่สันติสุขอย่างแท้จริง
............................................................
คัดลอกมาจาก ::
หนังสือพิมพ์มติชน รายวัน หน้า 6
คอลัมน์ มองอย่างพุทธ
วันที่ 19 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2549 ปีที่ 15 ฉบับที่ 5561
I am
ผู้เยี่ยมชม
ตอบเมื่อ: 17 ส.ค. 2006, 8:02 am
สาธุครับ..
ลูกโป่ง
บัวแก้ว
เข้าร่วม: 01 ส.ค. 2005
ตอบ: 4089
ตอบเมื่อ: 17 ส.ค. 2006, 9:58 am
อนุโมทนาบุญค่ะ...คุณสาวิกาน้อย
แสดงเฉพาะข้อความที่ตอบในระยะเวลา:
แสดงทั้งหมด
1 วัน
7 วัน
2 สัปดาห์
1 เดือน
3 เดือน
6 เดือน
1 ปี
เรียงจากเก่า-ใหม่
เรียงจากใหม่-เก่า
:: ลานธรรมจักร ::
»
บทความธรรมะ
ไปที่:
เลือกกลุ่ม บอร์ด
กลุ่มสนทนา
----------------
สนทนาธรรมทั่วไป
แนะนำตัว
กฎแห่งกรรม
สมาธิ
ฝึกสติ
การสวดมนต์
การรักษาศีล-การบวช
ความรัก-ผูกพัน-พลัดพลาก
กลุ่มข่าวสาร-ติดต่อ
----------------
ข่าวประชาสัมพันธ์
ธรรมทาน
รูปภาพ-ประมวลภาพกิจกรรมต่างๆ
สำหรับนักเรียน นักศึกษา ขอความรู้ทำรายงาน
แจ้งปัญหา
รูปภาพในบอร์ด
กลุ่มสาระธรรม
----------------
หนังสือธรรมะ
บทความธรรมะ
นิทาน-การ์ตูน
กวีธรรม
นานาสาระ
ต้นไม้ในพุทธประวัติ
วิทยุธรรมะ
ศาสนสถานและศาสนพิธี
----------------
สถานที่ปฏิบัติธรรม
วัดและศาสนสถาน
พิธีกรรมทางศาสนา
พุทธศาสนบุคคล
----------------
พระพุทธเจ้า
ประวัติพระอสีติมหาสาวก
ประวัติเอตทัคคะ (ภิกษุณี, อุบาสก, อุบาสิกา)
สมเด็จพระสังฆราชไทย
ประวัติและปฏิปทาของครูบาอาจารย์
ในหลวงกับพระสุปฏิปันโน
อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
คุณ
ไม่สามารถ
สร้างหัวข้อใหม่
คุณ
ไม่สามารถ
พิมพ์ตอบ
คุณ
ไม่สามารถ
แก้ไขข้อความของคุณ
คุณ
ไม่สามารถ
ลบข้อความของคุณ
คุณ
ไม่สามารถ
ลงคะแนน
คุณ
สามารถ
แนบไฟล์ในกระดานข่าวนี้
คุณ
สามารถ
ดาวน์โหลดไฟล์ในกระดานข่าวนี้
เลือกบอร์ด •
กระดานสนทนา
•
สมาธิ
•
สติปัฏฐาน
•
กฎแห่งกรรม
•
นิทานธรรมะ
•
หนังสือธรรมะ
•
บทความ
•
กวีธรรม
•
สถานที่ปฏิบัติธรรม
•
ข่าวกิจกรรม
นานาสาระ
•
วิทยุธรรมะ
•
เสียงธรรม
•
เสียงสวดมนต์
•
ประวัติพระพุทธเจ้า
•
ประวัติมหาสาวก
•
ประวัติเอตทัคคะ
•
ประวัติพระสงฆ์
•
ธรรมทาน
•
แจ้งปัญหา
จัดทำโดย กลุ่มเผยแผ่หลักคำสอนทางพระพุทธศาสนา ธรรมจักรดอทเน็ต
เพื่อส่งเสริมคุณธรรม และจริยธรรมในสังคม
เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2546
ติดต่อ
webmaster@dhammajak.net
Powered by
phpBB
© 2001, 2002 phpBB Group :: ปรับเวลา GMT + 7 ชั่วโมง
www.Stats.in.th