Home
•
กระดานสนทนา
•
สมาธิ
•
สติปัฏฐาน
•
กฎแห่งกรรม
•
นิทาน
•
หนังสือ
•
บทความ
•
กวีธรรม
•
ข่าวกิจกรรม
•
แจ้งปัญหา
คู่มือการใช้
ค้นหา
สมัครสมาชิก
รายชื่อสมาชิก
กลุ่มผู้ใช้
ข้อมูลส่วนตัว
เช็คข้อความส่วนตัว
เข้าสู่ระบบ(Log in)
ได้ทำการย้ายไปเว็บบอร์ดแห่งใหม่แล้ว คลิกที่นี่
www.dhammajak.net/forums
15 ตุลาคม 2551
สติปัฏฐาน ๔ ปิดอบายภูมิได้ (หลวงพ่อจรัญ ฐิตธมฺโม)
อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
:: ลานธรรมจักร ::
»
กฎแห่งกรรม
ผู้ตั้ง
ข้อความ
ลูกโป่ง
บัวแก้ว
เข้าร่วม: 01 ส.ค. 2005
ตอบ: 4089
ตอบเมื่อ: 04 ต.ค.2005, 2:32 pm
สติปัฏฐาน ๔ ปิดอบายภูมิได้
โดย พระธรรมสิงหบุราจารย์ (หลวงพ่อจรัญ ฐิตธมฺโม)
จากหนังสือกฎแห่งกรรม เล่มที่ ๓ ภาคกฎแห่งกรรม
ญาติโยมเอ๋ย โปรดได้ทราบไว้เถอะ บุญกรรม บาปกรรมมีจริง ยมบาลจดไม่มี จิตนี้เป็นผู้จด จดทุกวัน คืออารมณ์ เรื่องจริงแน่ จดทุกกระเบียดนิ้ว บาปบุญคุณโทษบันทึกไว้ พอวิญญาณออกจากร่างไป มันก็ขยายออกมาใช้กรรม ถ้าเราทำดีก็ไปบังเกิดในสวรรค์ ทำชั่วก็ลงนรกไปแบบนี้ อาตมามาคิดดูนะว่าสวรรค์อยู่บนฟ้า นรกอยู่ใต้ดินก็คงไม่ใช่ ดูตัวอย่างที่เคยเล่าให้ญาติโยมฟัง
ตาเล่งฮ่วยผูกคอตาย วิญญาณไปเข้ายายเภา ยายเภาเป็นคนไทยแท้ๆ เกิดพูดภาษาจีนได้
ตอนนั้นอาตมาอยู่วัดพรหมบุรี อาตมาเป็นหมอไล่ผีแต่ไม่มีคาถา ถ้าเป็นหมอผีไม่ต้องใช้คาถา ทำปากขมุบขมิบ เทน้ำมนต์ราดส่งไป ผีจริงก็ร้อง ผีปลอมก็ร้อง พวกนี้โดนน้ำไม่ได้ร้องหมด อาตมาจับผีได้หมดแล้ว จริงปลอมรู้หมด
คนที่เป็นลมเพลมพัดไม่ต้องเสกคาถาหรอก เอาน้ำพ่นไปยังร้องเลย ร้องหวีดหวาดๆ คนสติไม่ดี ไม่ใช่อะไรหรอก คนไม่มีสติเขาสวดภาณยักษ์กัน คนไม่มีสติดิ้นกันจะตาย คนมีสติเขาเฉย นี่จำไว้มีสตินี่มีประโยชน์ คนไม่มีสติผีเข้าเจ้าสิง มีคนมาตามอาตมาไป พอไปถึงยายเภาพูดภาษาจีน เลยต้องให้เรือไปตามตาแป๊ะเลี่ยงเกี๊ยก ไว้ผมเปีย เป็นลุงเขยอาตมาให้มาเป็นล่าม เขาบอกไม่ต้องไล่เขา เขาอยู่กับฮ่วยเซียเถ้า อยู่ตรงใกล้วัดพรหมบุรีนี่เอง
อาตมาถามว่า ฮ่วยเซียเถ้า คือใคร ทำไมถึงไปอยู่กับ ฮ่วยเซียเถ้า
เขาบอกว่า
ชื่อ หลวงตามด เคยเป็นเจ้าอาวาสวัดกลางพรหมนคร อยู่เหนือตลาดปากบางนี่เอง อยู่ด้วยกัน ๒ คน ขุดดินถมถนนทุกวัน ถ้าไม่ขุดดินเขาเฆี่ยนตี และฮ่วยเซียเถ้าก็ขุดดินด้วย
อาตมาได้ถามคนเฒ่าคนแก่ชื่อ บัวเฮง อยู่ตลาดปากบางบอกว่า ฮ่วยเซียเถ้ามีจริง ชื่อ สมภารมด อยู่วัดกลาง เป็นสมภารวัดจะสร้างถาวรวัตถุของวัด แต่เงินทองถูกมัคทายกโกงไปหมด ไม่รู้จะทำอย่างไร เสียใจเลยผูกคอตาย นี่เห็นไหมสมภารผูกคอตาย ไม่ได้เคยเจริญกรรมฐานเลย ตายมาตั้งห้าหกสิบปีแล้ว เดี๋ยวนี้ยังอยู่ ตาเล่งฮ่วยเล่าว่า อยู่กับฮ่วยเซียเถ้า ชื่อมด ก็ตรงกัน
อาตมาถามว่า อยู่ตรงไหนล่ะ ทานข้าวที่ไหน ลื้อมาทำไมล่ะ
อั๊วมาบอกให้ลื้อไปบอกหลานสาวอั๊วนะ ทำบุญไปให้อั๊วไม่ได้นะ อย่าทำเลย
แล้วกินที่ไหนล่ะ
อั๊วกับฮ่วยเซียเถ้าไปกินตามกองขยะ ที่เขาเอาเศษอาหารมาทิ้งกินกับหนอน
เอ้า ! ที่ดีๆ ทำไมไม่กินล่ะ
ไม่มีใครให้กิน มีอีกพวกหนึ่งขุดถนนเหมือนกัน แต่เขามีข้าวกิน พวกอั๊วไม่มีข้าวกิน ต้องไปกินที่มันเหลือๆ จึงจะกินได้ ไปบอกหลานสาวอั๊วชื่อ เจีย นะ บอกว่าไม่ต้องทำบุญไป อั๊วไม่ได้ ถ้าลื้ออยากทำบุญให้อั๊วนะ ฮ่วยเซียเถ้ามดบอกับอั๊ว บอกให้ลูกหลานเจริญวิปัสสนานะ และอั๊วจะได้
อาตมาก็มาบอกเจ๊เจียว่า ตาเล่งฮ่วยบอกให้เจริญกรรมฐาน แต่กลับถูกว่า บ้าบอคอแตกเสียอีก ตาเล่งฮ่วยบอกว่า ที่อั๊วผูกคอตายนี่ไม่ใช่อะไร อาเจียไม่ให้เงินอั๊วกินยาฝิ่น อั๊วกินวันละ ๕ บาท ตักน้ำให้ทำขนมขาย ไม่ตักให้ก็ไม่ให้อั๊วกินยาฝิ่น อั๊วก็เสียใจผูกคอตาย ตายไปแล้วก็ไม่มีใครให้กิน ฮ่วยเซียเถ้าบอกให้ลูกหลานเจริญวิปัสสนาจึงจะได้
อาตมาถามว่า
ฮ่วยเซียเถ้า บวชเป็นสมภารเจ้าวัด ทำไมไม่เจริญกรรมฐาน มาผูกคอตาย
เขาบอกว่า ไม่ได้ทำๆ
อาตมาจดและจดจำไว้จนบัดนี้ อาตมาถามว่า ลื้ออยู่วัดไหนล่ะ
อั๊วอยู่ตรงนี้เอง อั๊วเห็นลื้อทุกวัน ลื้อเดินไปอั๊วก็ทักลื้อว่า อีไปไหนนะ แต่ลื้อไม่พูดกับอั๊ว
อาตมาถามว่า ขุดถนนที่ไหน
ก็ชี้ไปตรงนั้น แต่ไม่เห็นมีถนน ก็ได้ความว่าเราเดินไปตลาดบ้านเหนือบ้านใต้ เขาเห็นเราหมดเขาทัก แต่เราไม่รู้เรื่อง
อาตมาถามต่อไปว่า ลื้อมีความเป็นอยู่อย่างไร
เขาบอกว่า ถ้าถึงวันโกนวันพระ เขาให้หยุดงาน ที่มานี่เป็นวันโกน หยุดงานแล้ว เดี๋ยวอั๊วต้องรีบกลับ เดี๋ยวเขาจับได้ เขาตีอั๊ว หนีมาบอกหน่อยเท่านั้นเอง
และยายเภานั้น พอถึงวันโกนสารทก็พายเรือมาจอดที่ตลาดปากบาง มีน้ำไหลเข้าทุ่ง ตอนนั้นชลประทานไม่มี ไปจอดเรือตรงที่เขาผูกคอตาย มาซื้อของจะไปกวนกระยาสารท ตาเล่งฮ่วยบอกเขาให้หยุดงาน อั๊วเลยกระโดดขึ้นเรือมาเลย มาเข้ายายเภา ซึ่งนุ่งผ้าโจงกระเบน ใส่เสื้อเตี่ยว พอผีออกแล้ว
อาตมาบอก ยายเภาโอ๊ย เจี๊ยะปึ้ง ฮ้อนะ
ยายเภายังไม่รู้เจี๊ยะปึ้งเลย พูดจีนไม่ได้ อยู่บางสำโรง เขตสวี อำเภอท่ากุ้ง จังหวัดลพบุรี อาตมาอยากรู้ว่า ผีมีจริงไหม ก็เป็นหมอผีเสียเอง นี่เล่าให้ญาติโยมฟัง
สรุปได้ความว่า การที่ฆ่าตัวตาย ผูกคอตาย ญาติพี่น้องทำบุญให้ไม่ได้ผลแน่ ต้องเจริญวิปัสสนากรรมฐานแผ่ส่วนกุศลจึงจะได้รับผล เพราะผีมาบอกอย่างนี้ โยมจะเชื่อหรือไม่เชื่อไม่เป็นไรนะ ก็นึกว่าทำวิปัสสนากรรมฐานไปก็จะได้รับผลว่าบุญบาปมีจริง นรกสวรรค์มีจริง หรือไม่ประการใด
เหมือนคนเรือนจำในวันนี้ ไปกระตุกสายสร้อยเขาและเอาเท้าถีบ เพราะสร้อยเส้นใหญ่ เขาลืมไปแล้ว พอนั่งวิปัสสนาเข้าก็ปวดคอ คอเขียว ปวดขา กำหนด ปวดหนอๆ ก็นึกถึงกรรมที่ตนทำไว้ ที่ได้ไปกระตุกสร้อยเขา พอนึกได้ปั๊บ ขออโหสิกรรมทันที ต่อไปนี้ข้าพเจ้าจะไม่ทำอีกแล้ว ปรากฏว่าหายปวดทันที นี่แสดงว่าเห็นกฎแห่งกรรมด้วยเวทนา ขอฝากญาติโยมไว้ด้วย มีพยานหลักฐาน เดี๋ยวนี้ออกจากเรือนจำไปแล้ว เป็นไทแล้ว ทำตามตัวอย่างที่อาตมาพูดตรงกับใจเขา
เขาบอกว่า หลวงพ่อ ที่พูดนี่มันซึ้งใจผมคิดไว้แล้ว ออกไปนี้ต้องเอาธูปเทียนแพไปอโหสิกรรมที่ได้ไปทำเขาไว้ แล้วจะไปบูชาพ่อแม่ หาลูกหาภรรยาดำเนินงานกันต่อไป
วันนี้อาตมาก็ขออนุโมทนาสาธุการส่วนกุศล ท่านทั้งหลายมาบำเพ็ญกุศล เจริญวิปัสสนากรรมฐานให้แก่ตนเอง โดยเฉพาะอย่างยิ่งด้วยการเจริญสติปัฏฐาน ๔ เจริญกาย เวทนา จิต ธรรม ตั้งพิจารณาโดยปัญญา ตลอดกระทั่ง ยืน เดิน นั่ง นอน จะคู้เหยียดๆ ขาทุกประการ ก็มีสติครบ
รับรองได้เลยว่า ถ้าโยมทำถึงขึ้น ปิดประตูอบายได้เลย นรก เปรต อสุรกาย สัตว์เดรัจฉาน โยมจะไม่ไปภูมินั้นอย่างแน่นอน เพราะเหตุใด เพราะอำนาจกิเลสทั้งหลาย โลภะ โทสะ โมหะ เกิดขึ้น โยมก็กำหนดได้ ไม่มีโลภะ ขณะมีโลภะ ก็กำหนด โลภะหายไป
จิตวิญญาณตายขณะมีโลภะตายไปเป็นเปรต กำลังมีโทสะตายไปขณะนั้นลงนรก มีโมหะรวบรวมอยู่ในจิตใจไว้มากต้องไปเกิดเป็นสัตว์เดรัจฉานอย่างแน่นอน
ถ้ามีสติปัฏฐาน ๔ มีสติสัมปชัญญะดี อบายภูมิก็ไม่ต้องไป ปิด นรก เปรต อสุรกาย สัตว์เดรัจฉานทางอายตนะธาตุ อินทรีย์ ดังที่กล่าวมาแล้วนี้ทุกประการ
ขอกุศลที่ญาติโยมได้บำเพ็ญไปแล้ว ๒-๓ วาระที่ผ่านมา จงเป็นพลวปัจจัย ดลบันดาลย้อนกลับเป็นบุญกุศลให้ญาติโยมทั้งหลาย ประสบความสุขสันต์นิรันดรทุกท่าน และจงพยายามก้าวหน้าผ่านเกาะแก่งทุรกันดาร ผ่านอุปสรรคถึงฝั่งฟากคือ พระนิพพาน โดยทั่วหน้ากัน ณ โอกาสบัดนี้เทอญ
>>>>> จบ >>>>>
แมวขาวมณี
บัวบาน
เข้าร่วม: 28 ก.ค. 2006
ตอบ: 307
ตอบเมื่อ: 15 ส.ค. 2006, 8:07 pm
สาธุ สาธุ สาธุ
แสดงเฉพาะข้อความที่ตอบในระยะเวลา:
แสดงทั้งหมด
1 วัน
7 วัน
2 สัปดาห์
1 เดือน
3 เดือน
6 เดือน
1 ปี
เรียงจากเก่า-ใหม่
เรียงจากใหม่-เก่า
:: ลานธรรมจักร ::
»
กฎแห่งกรรม
ไปที่:
เลือกกลุ่ม บอร์ด
กลุ่มสนทนา
----------------
สนทนาธรรมทั่วไป
แนะนำตัว
กฎแห่งกรรม
สมาธิ
ฝึกสติ
การสวดมนต์
การรักษาศีล-การบวช
ความรัก-ผูกพัน-พลัดพลาก
กลุ่มข่าวสาร-ติดต่อ
----------------
ข่าวประชาสัมพันธ์
ธรรมทาน
รูปภาพ-ประมวลภาพกิจกรรมต่างๆ
สำหรับนักเรียน นักศึกษา ขอความรู้ทำรายงาน
แจ้งปัญหา
รูปภาพในบอร์ด
กลุ่มสาระธรรม
----------------
หนังสือธรรมะ
บทความธรรมะ
นิทาน-การ์ตูน
กวีธรรม
นานาสาระ
ต้นไม้ในพุทธประวัติ
วิทยุธรรมะ
ศาสนสถานและศาสนพิธี
----------------
สถานที่ปฏิบัติธรรม
วัดและศาสนสถาน
พิธีกรรมทางศาสนา
พุทธศาสนบุคคล
----------------
พระพุทธเจ้า
ประวัติพระอสีติมหาสาวก
ประวัติเอตทัคคะ (ภิกษุณี, อุบาสก, อุบาสิกา)
สมเด็จพระสังฆราชไทย
ประวัติและปฏิปทาของครูบาอาจารย์
ในหลวงกับพระสุปฏิปันโน
อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
คุณ
ไม่สามารถ
สร้างหัวข้อใหม่
คุณ
ไม่สามารถ
พิมพ์ตอบ
คุณ
ไม่สามารถ
แก้ไขข้อความของคุณ
คุณ
ไม่สามารถ
ลบข้อความของคุณ
คุณ
ไม่สามารถ
ลงคะแนน
คุณ
สามารถ
แนบไฟล์ในกระดานข่าวนี้
คุณ
สามารถ
ดาวน์โหลดไฟล์ในกระดานข่าวนี้
เลือกบอร์ด •
กระดานสนทนา
•
สมาธิ
•
สติปัฏฐาน
•
กฎแห่งกรรม
•
นิทานธรรมะ
•
หนังสือธรรมะ
•
บทความ
•
กวีธรรม
•
สถานที่ปฏิบัติธรรม
•
ข่าวกิจกรรม
นานาสาระ
•
วิทยุธรรมะ
•
เสียงธรรม
•
เสียงสวดมนต์
•
ประวัติพระพุทธเจ้า
•
ประวัติมหาสาวก
•
ประวัติเอตทัคคะ
•
ประวัติพระสงฆ์
•
ธรรมทาน
•
แจ้งปัญหา
จัดทำโดย กลุ่มเผยแผ่หลักคำสอนทางพระพุทธศาสนา ธรรมจักรดอทเน็ต
เพื่อส่งเสริมคุณธรรม และจริยธรรมในสังคม
เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2546
ติดต่อ
webmaster@dhammajak.net
Powered by
phpBB
© 2001, 2002 phpBB Group :: ปรับเวลา GMT + 7 ชั่วโมง
www.Stats.in.th