ผู้ตั้ง |
ข้อความ |
ปาน
ผู้เยี่ยมชม
|
ตอบเมื่อ:
01 ก.ค.2006, 11:21 pm |
|
|
|
|
ลุงสุชาติ
บัวพ้นดิน
เข้าร่วม: 10 มิ.ย. 2004
ตอบ: 65
|
ตอบเมื่อ:
02 ก.ค.2006, 2:17 am |
|
คือ การดับกิเลสตัณหาได้โดยสิ้นเชิง พ้นความทุกข์ทั้งปวง ไม่ต้องกลับมาเวียนว่ายตายเกิดอีก |
|
|
|
|
|
ยิ้ม
ผู้เยี่ยมชม
|
ตอบเมื่อ:
02 ก.ค.2006, 9:06 pm |
|
แล้วใครเข้าถึงปรินิพพาน เข้าอย่างไร ถึงอย่างไร อะไรเข้า อะไรถึง |
|
|
|
|
|
ยุทธ์
ผู้เยี่ยมชม
|
ตอบเมื่อ:
03 ก.ค.2006, 11:02 am |
|
อ้างอิงจาก: |
แล้วใครเข้าถึงปรินิพพาน เข้าอย่างไร ถึงอย่างไร อะไรเข้า อะไรถึง |
การที่วิญญาณของพระอรหันต์ไม่มีการเกิดอีกต่อไป (ปรินิพพาน) ก็เพราะหมดสิ้นเหตุปัจจัยในการเกิดใหม่ คือ อวิชชาได้หมดไป จึงไม่มีการกระทำกรรม เมื่อสิ้นการกระทำกรรม รูปนามจึงดับลง วงจรแห่งการเกิดภพชาติจึงสิ้นสุดลง
ในพระพุทธศาสนาปัญญาเกิดขึ้นได้โดยการปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐาน เมื่อ อวิชชาหมดไปวิญญาณก็จะเป็นอิสระ หลุดพ้นจากความยึดมั่นถือมั่นแห่งโลกิยธรรมทั้งหลาย จึงมองเห็นสิ่งทั้งหลายตามความเป็นจริง ดังนั้นในกรณีนี้ ปัญญาคือผู้เข้าถึงพระนิพพาน |
|
|
|
|
|
ยิ้ม
ผู้เยี่ยมชม
|
ตอบเมื่อ:
03 ก.ค.2006, 1:18 pm |
|
ปัญญาเข้าถึง หมายถึงปัญญาที่เกิดขึ้นนั้นไปอยู่ในนิพพานหรือ? หรือว่าอย่างไรเรียกว่าเข้าถึง ถามอย่างนี้ถามได้ไหม |
|
|
|
|
|
ยุทธ์
ผู้เยี่ยมชม
|
ตอบเมื่อ:
03 ก.ค.2006, 4:29 pm |
|
อ้างอิงจาก: |
ปัญญาเข้าถึง หมายถึงปัญญาที่เกิดขึ้นนั้นไปอยู่ในนิพพานหรือ? หรือว่าอย่างไรเรียกว่าเข้าถึง ถามอย่างนี้ถามได้ไหม |
ปัญญาเข้าถึงในที่นี้หมายถึง ปัญญาที่เห็นโลกตามความเป็นจริง และกำจัดกิเลสต่าง ๆ ให้เป็นสมุจเฉทได้โดยสิ้นเชิง |
|
|
|
|
|
เยี่ยมชม
ผู้เยี่ยมชม
|
ตอบเมื่อ:
03 ก.ค.2006, 5:45 pm |
|
ปัญญาเข้าถึงนิพพาน ปัญญาเห็นโลกตามความเป็นเจริง ปัญญากำจัดกิเลสโดยหมดสิ้นไม่เหลือ
เป็นปัญญาอย่างเดียวกัน หรือปัญญาคนละอย่าง ?
เป็นปัญญาเกิดคราวเดียวพร้อมกัน หรือปัญญาเกิดคนละคราวไม่พร้อมกัน? |
|
|
|
|
|
ผู้เยี่ยมชม
|
ตอบเมื่อ:
03 ก.ค.2006, 8:20 pm |
|
อ้างอิงจาก: |
ปัญญาเข้าถึงนิพพาน ปัญญาเห็นโลกตามความเป็นเจริง ปัญญากำจัดกิเลสโดยหมดสิ้นไม่เหลือ เป็นปัญญาอย่างเดียวกัน หรือปัญญาคนละอย่าง ?
เป็นปัญญาเกิดคราวเดียวพร้อมกัน หรือปัญญาเกิดคนละคราวไม่พร้อมกัน?
|
ปัญญาในที่นี้หมายถึงปัญญาในโลกุตตรจิตเป็นปัญญาอย่างเดียวกัน
เป็นปัญญาที่เกิดขึ้นทีละขณะ แต่ต่อเนื่องกัน |
|
|
|
|
|
เยี่ยมชม
ผู้เยี่ยมชม
|
ตอบเมื่อ:
04 ก.ค.2006, 2:44 pm |
|
โลกุตรจิตนี่เป็น มรรคจิต หรือผลจิต |
|
|
|
|
|
ยุทธ์
ผู้เยี่ยมชม
|
ตอบเมื่อ:
04 ก.ค.2006, 3:13 pm |
|
อ้างอิงจาก: |
โลกุตรจิตนี่เป็น มรรคจิต หรือผลจิต |
โลกุตตรจิตมีความหมายว่าเป็นจิตที่กำลังประหารและประหารแล้วซึ่งกิเลส หมายความว่าโลกุตตรจิตหรือ มัคคจิตนั้นกำลังทำการประหารกิเลสอยู่
โลกุตตรวิบากจิตหรือผลจิต เป็นจิตที่เสวยผลที่มัคคจิตได้ประหารกิเลสนั้นแล้ว เป็นการประหารได้อย่างเด็ดขาด อันทำให้กิเลสนั้นๆ หมดสิ้นสูญเชื้อไปโดยสิ้นเชิง จนไม่สามารถที่จะเกิดมาก่อความเศร้าหมอง เร่าร้อนอีกต่อไปได้เลย |
|
|
|
|
|
ยุทธ์
ผู้เยี่ยมชม
|
ตอบเมื่อ:
05 ก.ค.2006, 8:41 am |
|
เมื่อมัคคจิตเกิดขึ้นและดับแล้ว ผลจิตก็จะเกิดติดต่อกันในทันทีทันใดนั้นเอง โดยไม่มีระหว่างคั่น คือไม่มีจิตใดมาคั่นเลย ดังนั้นจึงเรียกมัคคจิตว่า อกาลิโก เพราะเป็นเหตุให้ผลจิตเกิดขึ้นในปัจจุบันทันที ไม่ต้องรอกาลรอเวลาเลย |
|
|
|
|
|
เยี่ยมชม
ผู้เยี่ยมชม
|
ตอบเมื่อ:
08 ก.ค.2006, 9:47 pm |
|
เมื่อโลกุตรจิตดังกล่าวเป็นมรรคจิต ทำไมจึงกล่าวว่าปัญญาที่เป็นมรรคจิตที่เกิดต่อเนื่องกันหลายขณะ เหตุใดไม่กล่าวว่าเป็นปัญญาที่เกิดขึ้นนั้นเกิดขึ้นในขณะจิตเดียว |
|
|
|
|
|
ยุทธ์
ผู้เยี่ยมชม
|
ตอบเมื่อ:
09 ก.ค.2006, 7:37 am |
|
อ้างอิงจาก: |
เมื่อโลกุตรจิตดังกล่าวเป็นมรรคจิต ทำไมจึงกล่าวว่าปัญญาที่เป็นมรรคจิตที่เกิดต่อเนื่องกันหลายขณะ เหตุใดไม่กล่าวว่าเป็นปัญญาที่เกิดขึ้นนั้นเกิดขึ้นในขณะจิตเดียว |
การประหารกิเลศได้อย่างเด็ดขาด ไม่สามารถทำการประหารได้ภายในขณะจิตเดียว เพราะว่ากิเลศมีมายมายเหลือเกิน
กิเลส คือ ธรรมที่เศร้าหมองและเร่าร้อน เมื่อกิเลสเกิดพร้อมกับจิตใดหรือประกอบกับจิตใดแล้ว ก็ทำให้จิตนั้นเศร้า หมองและเร่าร้อนไปด้วย กิเลสนี้ประกอบเฉพาะอกุศลจิตเท่านั้น ดังนั้นการประหารกิเลสก็เท่ากับประหารอกุศลจิตนั่นเอง |
|
|
|
|
|
เยี่ยมชม
ผู้เยี่ยมชม
|
ตอบเมื่อ:
09 ก.ค.2006, 1:55 pm |
|
เมื่ออรหัตมรรคเกิดขึ้น ชื่อว่าโลกุตรจิตประหารกิเลสหรือไม่
หรือว่ายังมีโลกุตรจิตอื่นที่ประหารกิเลส
ถ้ามีโลกุตรจิตอื่น คืออะไร หรือเป็นอย่างอื่น |
|
|
|
|
|
ยุทธ์
ผู้เยี่ยมชม
|
ตอบเมื่อ:
09 ก.ค.2006, 2:45 pm |
|
โลกุตตรกุศลจิต หรืออีกนัยหนึ่งเรียกว่า มัคคจิต เป็นจิตที่กำลังพ้นจากโลก เป็นจิตที่กำลังประหารกิเลส มีจำนวน ๔ ดวง คือ
๑. โสดาปัตติมัคคจิต
๒. สกทาคามิมัคคจิต
๓. อนาคามิมัคคจิต
๔. อรหันตตมัคคจิต
โลกุตตรวิบากจิต หรืออีกนัยหนึ่งเรียกว่า ผลจิต เป็นจิตที่เป็นผลแห่งโลกุตตรกุศลจิต
เป็นจิตที่พ้นแล้วจากโลก เป็นจิตที่ได้ประหารแล้วซึ่งกิเลสเป็นสมุจเฉทปหาน
เมื่อมัคคจิตเกิดขึ้นและดับแล้ว ผลจิตก็จะเกิดติดต่อกันในทันทีทันใดนั้นเอง โดยไม่มีระหว่างคั่น คือไม่มีจิตใดมาคั่นเลย ดังนั้นจึงเรียกมัคคจิตว่า อกาลิโก เพราะเป็นเหตุให้ผลจิตเกิดขึ้นในปัจจุบันทันที ไม่ต้องรอกาลรอเวลาเลย ผลจิตมีจำนวน ๔ ดวง คือ
๑. โสดาปัตติผลจิต
๒. สกทาคามิผลจิต
๓. อนาคามิผลจิต
๔. อรหัตตผลจิต
โสดาปัตติมัคคจิต คู่กับ โสดาปัตติผลจิต
สกทาคามิมัคคจิต คู่กับ สกทาคามิผลจิต
อนาคามิมัคคจิต คู่กับ อนาคามิผลจิต
อรหัตตมัคคจิต คู่กับ อรหัตตผลจิต
คัดมาบางส่วน คู่มือการศึกษา จิตปรมัตถ พระอภิธัมมัตถสังคหะ ปริจเฉทที่๑ |
|
|
|
|
|
ถามอีกนิด
ผู้เยี่ยมชม
|
ตอบเมื่อ:
09 ก.ค.2006, 4:05 pm |
|
ปัญญาเข้าถึงในที่นี้หมายถึง ปัญญาที่เห็นโลกตามความเป็นจริง และกำจัดกิเลสต่าง ๆ ให้เป็นสมุจเฉทได้โดยสิ้นเชิง
เมื่อปัญญาเป็นสมุจเฉท ดังที่อ้างนั้น อ้างว่าเป็นโลกุตรจิตด้วย แสดงว่าโลกุตรจิตอื่น เช่น โสดาปัตติมรรค สกทาคามิมรรค อนาคามิมรรค ก็ไม่เป็นปัญญาสมุจเฉท
ดังนั้นมีแต่อรหัตมรรค เป็นปัญญาสมุจเฉท ทำไมจึงกล่าวว่าปัญญานั้นเกิดหลายขณะจิตเล่า |
|
|
|
|
|
ยุทธ์
ผู้เยี่ยมชม
|
ตอบเมื่อ:
09 ก.ค.2006, 5:40 pm |
|
อ้างอิงจาก: |
ปัญญาเข้าถึงในที่นี้หมายถึง ปัญญาที่เห็นโลกตามความเป็นจริง และกำจัดกิเลสต่าง ๆ ให้เป็นสมุจเฉทได้โดยสิ้นเชิง
เมื่อปัญญาเป็นสมุจเฉท ดังที่อ้างนั้น อ้างว่าเป็นโลกุตรจิตด้วย แสดงว่าโลกุตรจิตอื่น เช่น โสดาปัตติมรรค สกทาคามิมรรค อนาคามิมรรค ก็ไม่เป็นปัญญาสมุจเฉท
ดังนั้นมีแต่อรหัตมรรค เป็นปัญญาสมุจเฉท ทำไมจึงกล่าวว่าปัญญานั้นเกิดหลายขณะจิตเล่า |
ผมเริ่มสับสนกับคำตอบที่ผมตอบในกระทู้นี้แล้วละครับ
จากการทบทวนคำตอบที่ผมตอบไปผมมีข้อผิดพลาดอยู่
ตอบคำถามไม่รอบคอบ เพราะปัญญาเป็นเจตสิก ส่วน โลกุตรจิตเป็นจิต
และที่ผมเข้าใจว่า มัคคจิต เกิดขึ้นหลายขณะเพราะผมคิดว่ากิเลสมีมากมาย
ขอบคุณผู้ตั้งคำถามทุกท่าน ครับ
เชิญท่านผู้รู้ที่ผ่านมากรุณาไขความกระจ่างด้วยครับ ผมสับสนจริง ๆ ครับ |
|
|
|
|
|
เยี่ยมชม
ผู้เยี่ยมชม
|
ตอบเมื่อ:
09 ก.ค.2006, 5:58 pm |
|
ความจริงแล้วเป็นคำตอบที่ตอบยาก
ทั้งนี้เพราะการถามมุ่งเจาะจงมากขึ้น บางทีเราไม่นึกว่าตอบพลาด นึกว่าน่าจะถูก เมื่อถามเจาะจงลงไปให้เห็นจึงรู้ว่า บางทีคำถามนั้นยังไม่ควรตอบ หรือควรถามผู้ถามก่อนว่าจะให้ตอบในส่วนไหนให้ชัด
โดยเฉพาะการเห็นนิพพาน การเข้าถึง อาจต้องค้นคว้าว่าเข้าถึงอย่างไร เพราะเป็นเรื่องชัดและละเอียด
แต่ที่ตอบมานั้นถือว่าตอบได้ดีแล้ว แต่ถ้าผู้ถามถามลึกลงไปๆ ก็จะกำหนดกรอบแคบเรื่อยๆ ให้อยู่อย่างเจาะจงเพื่อให้ความจริงปรากฏ |
|
|
|
|
|
เยี่ยมชม
ผู้เยี่ยมชม
|
ตอบเมื่อ:
11 ก.ค.2006, 4:17 am |
|
มรรคจิต เป็นเหตุทำให้เกิดผลจิต เมื่อเกิดผลจิตแล้ว จึงเข้าถึงนิพพาน ปัญหาก็คือว่าผู้ถามถามว่าอะไรเข้าถึง
คำถามนี่เหมือนกับถามว่า เห็น หรือรู้นิพพานได้ยังไง ซึ่งก็น่าจะรู้ด้วยมนายตนะ
ถ้าถูกถามในลักษณะนี้จะตอบยังไง |
|
|
|
|
|
ตรงประเด็น
บัวบานเต็มที่
เข้าร่วม: 25 ก.ค. 2006
ตอบ: 773
|
ตอบเมื่อ:
25 ก.ค.2006, 6:37 am |
|
ลองดูนิพาน2ประเภทของพระอรหันต์ตามที่ท่านผู้รู้ท่านประมวลไว้น่ะครับ
จาก พจนานุกรมพุทธศาสน์ ฉบับประมวลศัพท์
พระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ. ปยุตฺโต)
สอุปาทิเสสนิพพาน นิพพานยังมีอุปาทิเหลือ,
ดับกิเลสแต่ยังมีเบญจขันธ์เหลือ คือ นิพพานของพระอรหันต์ผู้ยังมีชีวิตอยู่,
นิพพานในแง่ที่เป็นภาวะดับกิเลส คือ โลภะ โทสะ โมหะ;
เทียบ อนุปาทิเสสนิพพาน
http://84000.org/tipitaka/dic/v_seek.php?text=สอุปาทิเสสนิพพาน
อนุปาทิเสสนิพพาน นิพพานไม่มีอุปาทิเหลือ,
ดับกิเลสไม่มีเบญจขันธ์เหลือ คือ สิ้นทั้งกิเลสและชีวิต หมายถึง พระอรหันต์สิ้นชีวิต,
นิพพานในแง่ที่เป็นภาวะดับภพ;
เทียบ สอุปาทิเสสนิพพาน
http://84000.org/tipitaka/dic/v_seek.php?text=อนุปาทิเสสนิพพาน
จาก มหาปรินิพพานสูตร
http://larndham.net/cgi-bin/stshow.pl?book=10&lstart=1888&lend=3915&word1=พระอนุรุทธ&word2=อนุปาทิเสสนิพพาน
..อานนท์ ในกาลทั้งสองกายของตถาคตย่อมบริสุทธิ์ ฉวีวรรณผุดผ่องยิ่งนัก
ในกาลทั้งสองเป็นไฉน คือ
ในราตรีที่ตถาคตตรัสรู้อนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณ ๑
ในราตรีที่ตถาคตปรินิพพานด้วยอนุปาทิเสสนิพพานธาตุ ๑
ในกาลทั้งสองนี้แล กายของตถาคตย่อมบริสุทธิ์ฉวีวรรณผุดผ่องยิ่งนัก
ดูกรอานนท์ ในปัจฉิมยามแห่งราตรีวันนี้แล ความปรินิพพานของตถาคตจักมีในระหว่างไม้สาละทั้งคู่ ในสาลวันอันเป็นที่แวะพักของมัลลกษัตริย์ทั้งหลาย ในเมืองกุสินารา
และเคยอ่านเจอกรณีที่พระอนุรุทธเถระท่านกล่าวว่า
จักนิพพาน ด้วยอนุปาทิเสสนิพพานธาตุ
..
จาก http://larndham.net/cgi-bin/stshow.pl?book=26&lstart=7834&lend=7898&word1=พระอนุรุทธ&word2=อนุปาทิเสสนิพพาน
.เราได้ทำคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าเสร็จแล้วปลงภาระอันหนักลงได้แล้ว ถอนตัณหาเครื่องนำไปสู่ภพขึ้นได้แล้วเป็นผู้ไม่มีอาสวะ จักนิพพานด้วยอนุปาทิเสสนิพพานธาตุ ภายใต้พุ่มกอไม้ไผ่ใกล้บ้านเวฬุวคามแห่งแคว้นวัชชี
|
|
|
|
|
|
|