Home  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  •  สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทาน  • หนังสือ  •  บทความ  • กวีธรรม  • ข่าวกิจกรรม  • แจ้งปัญหา
คู่มือการใช้คู่มือการใช้  ค้นหาค้นหา   สมัครสมาชิกสมัครสมาชิก   รายชื่อสมาชิกรายชื่อสมาชิก  กลุ่มผู้ใช้กลุ่มผู้ใช้   ข้อมูลส่วนตัวข้อมูลส่วนตัว  เช็คข้อความส่วนตัวเช็คข้อความส่วนตัว  เข้าสู่ระบบ(Log in)เข้าสู่ระบบ(Log in)
 
ได้ทำการย้ายไปเว็บบอร์ดแห่งใหม่แล้ว คลิกที่นี่
www.dhammajak.net/forums
15 ตุลาคม 2551
 บาปกับเคราะห์ (ท.เลียงพิบูลย์) อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
ผู้ตั้ง ข้อความ
new
บัวบานเต็มที่
บัวบานเต็มที่


เข้าร่วม: 23 พ.ค. 2004
ตอบ: 532

ตอบตอบเมื่อ: 06 ส.ค. 2004, 9:09 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน



บาปกับเคราะห์.jpg


บาปกับเคราะห์
โดย ท.เลียงพิบูลย์

จากหนังสือกฎแห่งกรรม
ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว เล่ม ๒



บาปกับเคราะห์ วันหนึ่งเราได้สนทนาระหว่างเพื่อนๆ ในเวลาอาหารกลางวัน เพื่อนที่เป็นหมอความคนหนึ่งเอ่ยขึ้นว่า "ผมรับว่าคดีแพ่งฝ่ายจำเลยเรื่องหนึ่ง แต่ไม่ทันไปถึงศาล เพียงผมชี้ให้เห็น "หลักธรรม" ทั้งสองฝ่ายก็ได้ประนีประนอมกันเรียบร้อย แต่กว่าจะตกลงกันได้ผมก็ต้องชักแม่น้ำทั้ง ๕ ของศีลธรรมมาเทศนากันแทบแย่ แต่ผมก็ดีใจที่ได้ช่วยเพื่อนมนุษย์ให้มองเห็นธรรม"

พวกเราเกิดสนใจถึงสาเหตุที่เกิดคดีขึ้น จึงขอให้เพื่อนผู้เป็นหมอความช่วยเล่าเรื่องให้ฟัง ท่านทนายผู้ใจดีถือหลักธรรมประกอบคดี ได้กรุณาเล่าให้ฟังว่า

"คดีเรื่องนี้ผมไม่ได้แก้คดีอาญาให้จำเลยมาแต่แรก ผมรับว่าคดีแพ่งเรื่องนี้ตอนปลาย ส่วนเรื่องคดีอาญาได้ผ่านศาลและจำเลยได้แพ้คดีมาแล้ว คราวนี้ฝ่ายโจทก์ได้ฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายเป็นจำนวนหลายแสน เมื่อผมรู้ความจริงแล้วผมก็เศร้าใจเพราะจำเลยไม่มีความผิดตามข้อหา แต่ฝ่ายโจทก์มีพยานหลักฐานทางคดีอาญาแน่นหนา ถ้าจะพูดถึงทางกฎหมายแล้ว หลักฐานได้ผูกมัดจำเลยยากที่จะหลุดได้ เรื่องเท่าที่ผมรู้เหตุที่เกิดขึ้นหนีไม่พ้น "บาปกับเคราะห์" อาจจะเกิดขึ้นกับผู้บริสุทธิ์ได้ทุกเมื่อ เพราะคนเราต่างก็มีกรรมเป็นมรดกติดตาม ไม่รู้ว่าเราเคยมีกรรมอะไรมาแต่อดีต ฉะนั้นเรื่องบาปเคราะห์จะเกิดขึ้นกับผู้ที่มีกรรมเก่าได้เสมอทุกเวลา"

เรื่องมีว่า ผู้ตกเป็นจำเลยคดีอาญาถูกข้อหาว่า ขับรถชนคนตายด้วยความประมาท ยังเป็นนักศึกษาเป็นน้องชาย ส่วนพี่ชายเจ้าของรถเป็นผู้มีฐานะดี มีการค้าและโรงงานก็ตกเป็นผู้ต้องหาในคดีแพ่ง เหตุเกิดขึ้นเพราะน้องชายขับรถไปเที่ยว แต่บังเอิญเย็นนั้นน้องชายได้ขับรถกลับมาคนเดียว เมื่อกำลังขับมาตามถนน ก็มีรถขับมาอย่างรีบด่วนแซงตัดขึ้นหน้าทางซ้ายด้วยความเร็วอย่างเร่งร้อน เฉียดรถชายหนุ่มเกือบจะชน

ความเลือดร้อนของเด็กวัยหนุ่มไม่ยอมให้ใครมาอวดดี จึงขาดสติขาดความไตร่ตรอง มีแต่ความโกรธและความประมาท ทำให้ชายหนุ่มเร่งความเร็วจะรีบติดตามผ่านไปตัดหน้าเพื่อแก้ลำ แต่บังเอิญมีรถบรรทุกคันใหญ่วิ่งกันทางอยู่ข้างหน้า ชายหนุ่มจะเร่งขึ้นหน้าก็ไม่ได้ ทำให้เพิ่มความโกรธความเจ็บใจมากขึ้น เมื่อไม่สามารถที่จะติดตามไปทัน ชายหนุ่มก็ต้องเพลาความเร็วลง ได้แต่บ่นด่าไปตามเรื่อง แต่แล้วเหตุการณ์ที่ไม่เคยนึกไม่เคยฝันก็เกิดขึ้น เพราะมีรถยนต์คันหนึ่งวิ่งไล่หลังมาทันก็ปาดหน้ารถชายหนุ่มบังคับให้หยุดจอดข้างถนน แล้วรถคันนั้นก็จอดขนาบข้าง มีสิบตำรวจรีบเปิดประตูข้างคนขับออกมา และประตูหลังก็มีชายเปิดออกมา ๒ คน ชายผู้หนึ่งออกมาชี้หน้าชายหนุ่มยันกับตำรวจพลางพูดว่า

"รถคันนี้แหละครับขับรถชนน้องชายผมแล้วขับหนี ผมจำได้แน่ไม่ผิดตัว ไม่เชื่อหมู่ถามคุณคนนี้ดูซิครับ บ้านแกอยู่แถวนั้นผมไม่เคยรู้จักมาก่อน เวลารถคันนี้ชนน้องชายผม คุณคนนี้แกยืนอยู่ข้างถนนเห็นเหตุการณ์หมด แกก็ยินดีเป็นพยานให้"

ชายหนุ่มตกใจ งงเรื่องเหตุการณ์เกิดขึ้นอย่างไม่รู้ตัว นึกรู้ว่าตัวกำลังจะเข้าตาจน นึกถึงรถคันที่วิ่งแซงขึ้นอย่างไม่คิดชีวิตคันนั้น ก็นึกและจำได้ว่าเป็นรถชนิดเดียวกันและสีเดียวกับรถคันที่ชายหนุ่มขับ เพียงแต่ไม่เคยเห็นคนขับว่าจะเหมือนหรือคล้ายกับตัวหรือไม่เท่านั้น เหตุการณ์มันสมเหตุสมผล แล้วจะมีใครเล่าจะเป็นพยาน เพื่อหักล้างหลักฐานของผู้เป็นโจทก์กล่าวหา เพราะตนขับรถมาคนเดียว รู้ตัวว่าเข้าชะตาร้ายที่สุด

ฝ่ายเจ้าหน้าที่ตำรวจก็คุมตัวชายหนุ่มพร้อมทั้งรถ ตกเป็นผู้ต้องหาฐานขับรถชนคนตายด้วยความประมาท เรื่องนี้ได้แพ้ในศาลคดีอาญาแล้ว เพราะจำนนต่อหลักฐานที่โจทก์อ้างขึ้น ฝ่ายพ่อของผู้ตายจึงได้ฟ้องคดีแพ่งเรียกค่าเสียหายและค่าเลี้ยงดู ตัวพ่อและลูกของผู้ตายซึ่งยังเยาว์วัยจากเจ้าของรถผู้เป็นพี่ชายของคนขับ ฝ่ายจำเลยได้มาหาผมเพื่อให้ช่วยว่าคดีนี้

เมื่อผมให้ฝ่ายจำเลยเล่าความจริงให้ฟังแล้วได้พิจารณาก็เศร้าใจ เพราะบางครั้งเหตุผลและสิ่งแวดล้อมมีหลักฐานพอที่จะมัดจำเลยต้องชดใช้หนี้กรรมที่ตนไม่ได้ก่อขึ้น นี่ก็เห็นจะเข้าไปในเรื่องเคราะห์หามยามร้าย กฎหมายก็ต้องเป็นกฎหมายตุลาการท่านก็ต้องตัดสินไปตามตัวบท เมื่อแวดล้อมไปด้วยหลักฐาน ผมเห็นรูปคดีแล้วก็รู้สึกว่าอาการหนักมาก ถ้าเป็นโรคก็ชนิดหมอไม่รับ

ผมจึงให้ความเห็นกับจำเลยว่า ควรจะไปหาฝ่ายโจทก์และพามาพบปะเพื่อจะประนีประนอมกันเสีย อย่าให้ถึงโรงถึงศาลเลย และเราต้องเสียเงินบ้างเพียงให้หนักเป็นเบา ฝ่ายจำเลยก็ยินดี ขอเพียงแต่อย่าให้เสียมากเป็นจำนวนแสน และขอให้น้องชายซึ่งกำลังศึกษาเล่าเรียนอย่าต้องติดคุกให้เสียอนาคต

ตกลงเราก็นัดฝ่ายโจทก์ ซึ่งมีบิดาของผู้ตายและพี่ชายและทนายได้พบกันที่สำนักงานผม เมื่อผมได้ทักทายปราศรัยสนทนากันแล้วก็เล่าความจริงให้ฟัง เพื่อให้เห็นความบริสุทธิ์ของฝ่ายจำเลยไม่ผิดขอความเห็นใจ ก็รู้สึกว่าทนายโจทก์เฉพาะคดีนี้เป็นคนดี เห็นใจปล่อยให้เราได้สนทนากันตามลำพัง ส่วนพ่อผู้ตายนั้นมีอายุมากแล้ว เมื่อพิจารณาดูเข้าใจว่าคงจะไม่รู้เรื่องการฟ้องร้องครั้งนี้มากนัก แรงดันครั้งนี้อยู่ที่พี่ชายของคนตายท่าทางเป็นนักเลงเก่า ซึ่งเสียงแข็งยืนกระต่ายขาเดียว ไม่ยอมใดๆ ทั้งสิ้น

ผมรู้สึกว่าขืนพูดกับพี่ชายคงไม่เกิดผลขึ้น จึงได้พยายามเจาะจงพูดกับพ่อของผู้ตาย รู้สึกว่ามีหวังมากกว่า แม้ว่าเราจะพูดกันกับพ่อของผู้ตายฐานโจทก์ พี่ชายของผู้ตายก็อดที่จะคอยสอดแทรก ร้องเตือนพ่อไม่ให้ตกลงใดๆ เมื่อไม่ได้ครบตามจำนวนที่เรียกร้องตามฟ้อง ตอนหนึ่งพ่อของผู้ตายพูดออกมาว่า

"เรื่องนี้ผมเองก็ไม่ค่อยรู้เรื่องอะไรมากนัก หากเป็นที่ลูกชายคนโตของผม กับทางตำรวจเขาจะเอาเรื่อง ส่วนผมก็ขอเพียงได้เงินบ้าง เพื่อเอาไปเลี้ยงหลานอีกสองคนที่เป็นกำพร้า เมื่อพ่อมันตายก็ลำบาก"


(มีต่อ 1)
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
new
บัวบานเต็มที่
บัวบานเต็มที่


เข้าร่วม: 23 พ.ค. 2004
ตอบ: 532

ตอบตอบเมื่อ: 06 ส.ค. 2004, 9:14 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ผมเห็นได้จังหวะก็เลยพูดขึ้นว่า "เรื่องนี้พ่อลุงก็รู้แล้วว่า คนที่ถูกกล่าวหานั้นเป็นคนบริสุทธิ์จริงๆ ไม่มีความผิด แต่เป็นคนเคราะห์ร้ายต้องจนต่อเหตุผลหลักฐาน ต้องรับบาปที่ตัวเองไม่ได้ก่อขึ้นใช่ไหม ? ผมก็สงสารพ่อลุงเหมือนกัน ลูกชายตายทั้งคน และยังทิ้งหลานไว้ให้ดูอีก ๒ คน แม่ก็ไม่รู้ว่าหนีไปไหน ผมอยากจะให้ฝ่ายจำเลยเขายอมรับบาป จ่ายเงินให้พ่อลุงสักสองหมื่นยกเลิกคดีเสีย คิดว่าพ่อลุงคงจะเห็นใจ คนที่ไม่มีความผิดเลยแต่ต้องจ่ายเงินตั้งสองหมื่น เมื่อนึกถึงอกเขามาเป็นอกเราบ้างจะมีความรู้สึกอย่างไร พ่อลุงก็คงมีศีลมีธรรมอายุป่านนี้ลองคิดดูซิครับ ไม่ควรจะให้เรื่องยืดยาวออกไปไม่รู้จักจบสิ้น"

เสียงลูกชายคนโตร้องบอกพ่อเปรยๆ ออกมาอย่างไม่พอใจว่า "พ่อกลับเถิด ไม่ต้องพูดอะไรอีกแล้ว เสียเวลาเปล่า ตกลงอะไรกันไม่ได้ กลับเถิดพ่อ เอาไว้เป็นหน้าที่ของศาลชี้ขาดดีกว่า"

ผมทำใจเย็นพยายามอธิบายพูดกับผู้เป็นพ่อให้เข้าใจเห็นผิดเห็นถูก ไม่ฟังเสียงและไม่สนใจว่า ลูกชายของแกจะพูดอะไร ที่ไม่ถูกหูถูกใจ แสดงกิริยาแข็งกระด้างไม่เป็นมิตรตลอดเวลา ตั้งแต่ย่างเข้ามาในสำนักงานของเราด้วยหน้าตาถมึงทึง ไม่สุภาพ พูดจาไม่มีหางเสียง ผิดกับผู้พ่อซึ่งมีอายุยังค่อยฟังเหตุฟังผลอยู่บ้าง

ที่สุดผมเห็นว่าไม่มีทางที่จะตกลงกันได้ เพราะฝ่ายโจทก์เขาอาศัยคำพิพากษาคดีอาญามาฟ้องจึงได้เปรียบ ยังเหลือทางเดียวเป็นทางสุดท้าย พยายามให้แกรู้ซึ้งถึง "กฎแห่งกรรม" ชี้แจงถึงบุญบาป คำนึงถึงศีลธรรม ให้ละความโลภ ให้ก่อสร้างความดีเป็นกุศล ผมต้องเอาธรรมเข้าช่วยให้เกิดความรู้สึก จะได้ผลหรือไม่ก็เพียงความหวังเป็นผลสุดท้าย และต่อเติมว่า

"ผมและพ่อลุงเราต่างก็อยู่ในพระพุทธศาสนา เทิดทูนพระมหากษัตริย์ชาติไทยองค์เดียวกัน ถ้าเราก่อกรรมอันใดเราย่อมหนีกรรมนั้นไม่พ้น ใครจะทำอะไรจะดีหรือชั่วย่อมเป็นกรรมติดตามไปสนอง ทั้งในชาตินี้และชาติหน้า เรื่องนี้พ่อลุงก็รู้อย่างดีแก่ใจแล้วว่าฝ่ายจำเลยเป็นผู้บริสุทธิ์ ไม่ได้ทำผิดดังข้อกล่าวหาของโจทก์ แล้วพ่อลุงจะใจร้ายใจดำสร้างเวรสร้างกรรม ตั้งใจให้คนบริสุทธิ์รับโทษเช่นนี้ ไม่เป็นการก่อเวรก่อกรรมขึ้น เพื่อเห็นแก่ตัวหรือ พ่อลุงอายุก็มากแล้วจะสร้างเวรสร้างกรรมไปถึงไหน สร้างทำไมอีก ถ้าเรียกร้องเอามากๆ แทบหมดตัว เขาไม่มีจะให้ต้องกู้หนี้ยืมสินมาให้ พ่อลุงจะต้องมีบาปกรรมไปถึงไหน

สร้างทำไมอีก ที่ทำให้คนบริสุทธิ์ไม่มีความผิด ต้องได้รับความทุกข์ยากลำบากทรมานจิตใจ การที่เขาสละให้สองหมื่นนี้ เขาก็ต้องเสียสละเลือดเนื้อ และเวลาที่เขาอุตส่าห์ตั้งหน้าหามาด้วยความยากลำบากด้วยน้ำพักน้ำแรง ต้องรับเคราะห์เสียให้ทั้งที่ไม่ใช่ความผิดของเขา ส่วนคนผิดนั้นแม้จะลอยนวลหนีมือกฎหมายไปได้ แต่ก็หนีกรรมตามสนองไม่พ้น ใครทำผิดก่อเวรก่อกรรมไว้แล้ว กรรมนั้นจะตามสนองวันหนึ่งข้างหน้าไม่ช้าก็เร็วฉะนั้น พ่อลุงยังจะสร้างกรรม ทั้งๆ ที่รู้ว่าจะให้คนบริสุทธิ์รับโทษ แล้วแถมจะเรียกร้องเงินเขาเป็นแสนๆ เช่นนี้ พ่อลุงไม่กลัวกรรมจะตามสนองหรือ ?"

เมื่อพูดเช่นนี้ทำให้พ่อลุงหยุดคิดจิตใจอ่อนลง รู้สึกตัวเห็นจริงเห็นจังในเรื่องกรรม แต่รู้สึกว่าไม่มีอำนาจในคดีนี้ เพียงแต่เป็นหุ่นให้ลูกชายคนโตเชิดเท่านั้น ทำให้ผมเห็นใจเมื่อแกพูดว่า

"ผมเองเมื่อคุณพูดถึงเรื่องกรรมนั้นผมก็เห็นจริง ผมเชื่อในเรื่องกรรมมีจริง เพราะเคยเห็นตัวอย่างเกิดขึ้นมาแล้ว พูดถึงใจของผมอายุมีมากแล้ว ไม่อยากก่อกรรมก่อเวรเป็นบาปติดตัวไป ผมเห็นด้วยกับคุณ ผมอยากจะตกลงกับคุณและพอใจที่คุณเสนอ พอได้เงินเลี้ยงหลานๆ กำพร้า ๒ คนก็พอใจแล้ว เมื่อลูกชายผมยังไม่ตายมันก็มีอาชีพขับรถรายได้ก็ไม่มากนัก มันก็คอยจุนเจือผมและลูกของมัน

เมื่อคุณพูดถึง "กรรมตามสนอง" ผมก็คิดได้ไม่อยากก่อเวรต่อไป แต่จนใจเรื่องลูกชายคนโตเป็นเจ้ากี้เจ้าการ ถ้าเขาเห็นด้วยกับผม เรื่องนี้ก็ยุติลง ผมไม่ต้องการเวรกรรมที่จะติดตัวไป ที่คุณบอกว่าฝ่ายจำเลยเป็นผู้บริสุทธิ์ไม่มีความผิด ผมก็เชื่อตามคุณ แต่เหตุผลหลักฐานชั้นต้นมันแวดล้อมเพราะเป็นบาปกับเคราะห์ คนเราย่อมมีเคราะห์ดีเคราะห์ร้ายเป็นธรรมดา ผมก็เห็นจริงอย่างที่คุณว่า"

เสียงพ่อลุงแกพูดอ่อนลงอย่างเห็นถูกเห็นผิดแจ้งชัดแล้ว ส่วนลูกชายคนโตที่คอยก่อกวนขัดขวางไม่ให้เราเจรจากันได้สะดวกนั้น บัดนี้นิ่งเงียบไม่ใช้เสียงก่อกวนอะไร แม้ว่าชายผู้พ่อจะพูดจาเห็นด้วย ลูกชายก็ไม่แสดงขัดขวางเหมือนเมื่อเจรจากันตอนต้นๆ ซึ่งเคยนึกว่าเรื่องนี้คงไม่หวังจะตกลงกันได้ เพราะเสียงที่แข็งกล้าของลูกชายคนโตของพ่อลุงเป็นต้นเหตุ

แต่ผมก็พยายามให้ถึงที่สุด เมื่อพ่อลุงเห็นจริงจัง จิตใจอ่อนลง และเจ้าลูกชายก็เงียบสงบลง ผมก็รู้สึกโชคเข้าข้างผมบ้าง เพราะอาศัยธรรมนำทาง ความหวังก็ค่อยๆ เห็นแสงเพราะศีลธรรมได้เข้าไปถึงจิตใจ ที่สุดเจ้าลุกชายก็เข้าไปกระซิบที่หูพ่อ และพยักหน้ากับทนายความของแก พ่อลุงก็หันมาพูดกับผมว่า

"ผมขอเวลาปรึกษากันหน่อยว่าควรจะทำอย่างไรดี ขอเวลาหารือกันครู่หนึ่งก่อนจะตอบคำเสนอ" ผมรู้สึกว่าบรรยากาศได้แจ่มใสขึ้นบ้างแล้ว แต่หวังผลอะไรแน่นอนยังไม่ได้ คิดว่าอย่างน้อยก็คงจะมีการต่อรองลดลงบ้าง ฝ่ายเราเพิ่มบ้างคงจะตกลงในทำนองนี้ แล้วผมก็ให้ห้องเขาใช้กันโดยลำพัง ผมคอยอยู่ภายนอกกับจำเลยสักครู่ใหญ่ แล้วฝ่ายโจทก์ทั้งสามก็เดินยิ้มอย่างสบายใจออกมาบอกกับผมว่า

"เราได้ตกลงกันแล้ว ยอมรับเงินสองหมื่นที่คุณและฝ่ายจำเลยเสนอแล้วครับ แล้วขอให้ฝ่ายคุณอโหสิกรรมให้พวกผมด้วย เงินที่จ่ายให้นี้ขอให้นึกว่าบริจาคทำบุญเลี้ยงลูกกำพร้านัยน์ตาดำเถิดครับ"

ผมกับฝ่ายจำเลยต่างก็มีความตื่นเต้นตื้นตันใจ น้ำตาแทบจะไหลออกมา นี่เป็นอานุภาพของธรรมจูงใจเข้าถึงศีลธรรม เพราะไม่นึกว่าเหตุการณ์จะลงเอยอย่างเรียบร้อยง่ายดายเช่นนี้ ทั้งมองดูเจ้าลูกชายคนโตของโจทก์ ก็เปลี่ยนแปลงจากความมึนตึงมายิ้มแย้มเป็นกันเองมากขึ้น หมดความสนใจกัน ที่สุดเราก็สนทนาเข้ากันได้ เมื่อตกลงสัญญาเรียบร้อยแล้ว จึงทำให้ผมอยากรู้ว่าฝ่ายโจทก์คิดอย่างไร จึงเป็นเหตุเปลี่ยนแปลงจากการที่มองไม่เห็นว่าจะตกลงกันได้โดยเรียบร้อย ที่สุดก็ทราบได้จากปากคำของลูกชายคนโตของโจทก์ ซึ่งเป็นพี่ชายของคนตายนั้นได้บอกว่า

"เมื่อก่อนผมก็ตั้งใจว่าจะไม่ยอมตกลงใดๆ ทั้งสิ้น นอกจากเท่าที่ได้เสนอไว้แล้วเท่านั้น และตั้งใจไว้อย่างเข้มแข็งเด็ดขาด แต่เมื่อผมได้ยินคำพูดของคุณ ได้ฟังเรื่องกรรมแล้ว ทำให้เกิดความหวั่นไหวหวาดกลัวเรื่องกรรมขึ้นมาทันที เพราะเท่าที่คุณพูดว่า "กรรมผู้ใดทำขึ้น ต่อไปกรรมนั้นจะต้องตามสนองเช่นเดียวกัน" ทำให้แทงใจดำผมเมื่อนึกถึงน้องชายของคนที่ถูกรถชนตาย ก็เคยขับรถชนคนตายมาแล้ว เวลานั้นผมก็นั่งรถไปด้วยเห็นเหตุการณ์ที่ชนได้อย่างชัดเจนติดหูติดตา ถึงรูปร่างท่าทางของชายเคราะห์ร้ายผู้นั้นกระเด็นห่างจากถนนไปล้มลง เราหยุดรถดูเพียงระยะสั้นๆ เห็นกิริยาท่าทางดิ้นรนทุกข์ทรมานของคนกำลังชักดิ้นชักงอไปมา


(มีต่อ 2)
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
new
บัวบานเต็มที่
บัวบานเต็มที่


เข้าร่วม: 23 พ.ค. 2004
ตอบ: 532

ตอบตอบเมื่อ: 06 ส.ค. 2004, 9:23 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

บังเอิญเวลานั้นบนท้องถนนไม่มีคนเป็นเวลากลางคืนและทางเปลี่ยว ผมจึงตกใจเร่งให้น้องชายดับไฟหน้ารถ แล้วรีบขับรถหนีไปเร็วก่อนตำรวจจะมาถึง น้องชายผมได้สติหายตกใจจึงเร่งความเร็วขับรถหนี และที่สุดก็รอดตัวตลอดมา เพราะไม่มีใครรู้ใครสงสัยว่ารถเราได้ชนคนตาย แม้แต่พ่อผมก็ไม่รู้เรื่อง เหตุการณ์ได้เกิดเกือบสองปีแล้ว เมื่อพูดถึงเรื่อง "กรรมตามสนอง" ทำให้ผมนึกถึงน้องชายของผมซึ่งกำลังจะข้ามถนนพร้อมกับผม” เรายังล้อกันเล่นว่า

"เฮ้ย เอ็งข้ามถนนระวังตัวดีๆ นะ รถจะชน"

ผมพูดอย่างไม่ทันคิด เพราะเราอยู่กันสองคนกำลังจะข้ามถนนมิได้มีความหมายอะไรนัก เป็นแต่เพียงคะนองปากล้อเล่นเท่านั้น แต่น้องชายผมมันตกใจสะดุ้งตื่นเต้น พูดว่า

"พี่เอาอะไรมาพูดก็ไม่รู้ ผมนึกถึงเรื่องนี้ทีไร อดที่จะหวาดกลัวไม่ได้ ตลอดเวลาผมไม่มีความสบายใจเลย นึกถึงแต่คนที่ผมชนนั้นทำให้ผมเห็นภาพมันทรมานใจผมมากเหมือนนรกในใจ ทีหน้าทีหลังพี่อย่าเอาเรื่องนี้มาพูดเล่นเป็นอันขาด ผมขอเสียที ผมกลัวจริงๆ"

เรากำลังมัวแต่พูดกันเพลิน ทันใดนั้นรถวิ่งชนเอาน้องผมกระเด็นออกไปฟุบอยู่กลางถนน ผมตกใจตกตะลึงใจหายหมด เพราะไม่เคยนึกฝันและกำลังพูดกันไม่ทันขาดคำ น้องผมเดินไม่ห่างจากผมมากนัก

สิ่งที่ผมจำได้ติดหูติดตาก็เพราะน้องชายของผม เมื่อเวลาถูกรถชนนั้นท่าทางปากคอบิดเบี้ยวเพราะเจ็บปวด แอ่นตัวชักตาตั้งดิ้นรน มีท่าทางไม่ผิดกับชายผู้ที่ถูกน้องชายผมขับรถชนตายเลย เมื่อผมได้สติหายตกตะลึง เสียงประชาชนโจษกันเซ็งแซ่ว่ารถชนคนตาย ผมนึกโกรธอ้ายคนขับรถชนฆ่าน้องชายผม ผมจัดแจงเรียกหาตำรวจขอร้องให้คนไปตามตำรวจ แต่แล้วไม่ช้าตำรวจก็มาถึง ๒ นาย มาตรวจดูคนเจ็บว่าจะรีบนำไปส่งโรงพยาบาลด่วน

เมื่อตำรวจตรวจดูได้ก็บอกว่าตายเสียแล้ว ผมเสียใจมาก บอกว่าต้องรีบติดตามไปด่วนผมจำสีรถได้ พอดีมีรถเก๋งใหญ่ผ่านมา เราขอความช่วยเหลือขับรถติดตามรถที่ชนคน คิดว่ายังไปได้ไม่ไกลนัก รถคันนั้นคนขับก็เป็นคนดีช่วยเหลือด้วยความเต็มใจ รีบเปิดประตูให้ตำรวจนั่งข้างหน้าให้ผมเข้าไปนั่งข้างหลัง

และบังเอิญมีชาวบ้านที่เห็นเหตุการณ์อยู่แถวนั้นขอติดตามไปเป็นพยานด้วย เพื่อจะได้ช่วยกันชี้รถคันรีบหนีได้ถูกต้อง คนขับใจดีจึงรีบขับออกติดตามโดยเร็วที่สุดก็ไปทันรถจำเลย เพราะเป็นสีเดียวกันกำลังวิ่งเร็ว แต่ถูกรถบรรทุกกันทางไว้ขึ้นหน้าไม่ได้ รถเราจึงไปทัน ส่วนเบอร์รถนั้นผมจำไม่ได้ แต่จำสีรถได้คิดว่าคงไม่ผิด เพราะความโกรธเห็นน้องชายตาย ผมจึงขอให้คนไปด้วย เป็นพยานรู้เห็นยืนยันว่าเป็นรถคันเดียวกันกับรถที่ชนน้องชาย ทั้งที่ผมเองก็ไม่แน่ใจ

และเมื่อทราบจากคุณว่าไม่ใช่จำเลยที่ขับรถชนน้องชายผมตาย แต่เมื่อผมเสียเงินค่าทำศพ ค่าวิ่งเต้นฟ้องร้องและค่าทนายไปมาก ผมจึงจำเป็นให้พ่อฟ้องคดีแพ่งที่ทนายแนะนำ แต่ความจริงผมก็สงสัยอยู่ในใจว่าฟ้องผิดตัว แต่ก็ไม่ได้แจ้งให้ใครทราบ นี่แหละครับ แรกผมก็จะไม่ยอมอ่อนข้อให้ เพราะความเรื่องนี้ฝ่ายผมต้องชนะแน่

แต่เมื่อได้ยินว่า "กรรมตามสนอง" ผมก็นึกได้ก็กลัวกรรม เพราะเคยพบมาแล้วจึงได้บอกให้พ่อผมตกลง เพราะผมก็เชื่อว่ากรรมจะตามสนองในวันหนึ่งข้างหน้า เพราะผมเองก็เห็นภาพน้องกำลังสิ้นใจกับตาว่าเป็นกรรมตามสนองแน่ไม่ผิด นี่แหละครับเป็นต้นเหตุที่ผมสำนึกผิดขึ้นมาได้ ตกลงกับพ่อยอมรับข้อเสนอของคุณ ไม่อยากให้กรรมติดตามผมหรือคุณพ่อไปด้วย และยินดีจะไปแถลงความจริงในศาลอุทธรณ์เกี่ยวกับคดีอาญาให้ด้วย

เมื่อผมได้ยินพี่ชายของผู้ตายได้เปิดอกพูดเช่นนั้น ผมกล่าวขอบคุณที่แกเป็นคนกล้ารับกับความจริง คิดว่าหากทุกคนกลัวบาปกลัวเวรกลัวกรรมแล้ว เหตุการณ์ร้ายที่เกิดขึ้นทุกวันนี้ก็คงจะลดน้อยลง โรงศาลก็คงไม่มีคดีแน่นเหลือมือ ความแต่ละเรื่องก็คงจะไม่ใช้เวลาแรมปีๆ นี่แหละครับเรื่องนี้ ก็ได้อาศัยธรรมชำระจิตใจ จึงเกิดผลประโยชน์ทั้งทางธรรมและทางโลก เมื่อเรื่องตกลงสิ้นสุดลง เราทุกคนก็หันหน้าเข้าหากัน ต่างเห็นอกเห็นใจแทนที่จะเป็นไม้เบื่อไม้เมา คอยคิดพยาบาทอาฆาตกันทำลายล้างกันต่อไปไม่มีวันสิ้นสุด

เมื่อรู้ซึ้งทางธรรมแล้ว ก็รู้สึกตัวมองเห็นทุกข์ของตนและผู้อื่นว่าชีวิตนี้เป็นทุกข์ สมตามพระพุทธองค์ทรงสอนไว้ จะทำให้เกิดมีศีลมีธรรมไม่คิดเบียดเบียนกัน โลกก็จะอยู่กันด้วยความปกติสุข การแก่งแย่งชิงดีชิงเด่น มีความอิจฉาริษยาก็คงจะหมดไปในที่สุด ศีล ๕ ก็เข้ามาในจิตใจของมนุษย์ เมื่อนั้นโลกก็จะเป็นแดนแห่งความสงบ ท่านผู้เป็นทนายใจดีกล่าวตอนท้ายว่า

"ธรรมเข้าถึงที่ไหน ที่นั่นก็จะมีแต่ความร่มเย็นเป็นสุขในความสงบทั่วไป ความเห็นแก่ตัว ความโลภก็จะหมดไป โลกจะเกิดสันติก็อาศัยประชาชนชาวโลกเข้าถึงธรรม กรณีใดเกิดพิพาทกันขึ้น อาศัยธรรมเป็นสื่อตกลงปรองดองกันได้ ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายแพ้หรือชนะก็ดี จะไม่มีการโกรธแค้นก่อเวรพยาบาทกันต่อไป เพราะต่างก็มีความปิติยินดี ด้วยกันทั้งสองฝ่าย ต่างก็เห็นอกเห็นใจเพราะเหตุธาตุแท้มนุษย์ที่เกิดมาก็ต้องรับทุกข์ด้วยกันตามธรรมชาติอยู่แล้ว ไม่มีใครหนีพ้นไปได้ นอกจากปฏิบัติตามหลักธรรมคำสอน ก็จะหลุดจากทุกข์ได้ แม้เรื่องนี้จะผ่านไปแล้วพ่อลุงและลูกชายก็เลื่อมใสเคารพนับถือผมตลอดมา นี่ก็เป็นเพราะอำนาจของธรรมและศีลธรรมชักจูงจิตใจคนที่มืดมัวด้วยกิเลสหลงผิด ให้เกิดแสงสว่างของธรรมจูงจิตใจในทางที่ถูก ถ้าใครใช้สติปัญญาแล้วจึงจะเห็น"

ข้าพเจ้าผู้เขียนก็เห็นจริง และขอขอบคุณเพื่อนผู้เป็นทนาย ที่กรุณาเล่าเรื่องนี้ให้ฟังจะได้แผ่เป็นกุศลต่อๆ กันไป ซ้ำยังมีใจคอกว้างขวางเลี้ยงอาหารพวกเราทุกคนในวันนี้ด้วย



.................... จบ ....................
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
new
บัวบานเต็มที่
บัวบานเต็มที่


เข้าร่วม: 23 พ.ค. 2004
ตอบ: 532

ตอบตอบเมื่อ: 18 ส.ค. 2004, 4:06 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

เขาเคยขับรถชนคนบนถนน
หนีไม่พ้นกฎแห่งกรรมที่ทำไว้
ตัวเขาเองได้รับเวรเห็นทันใด
ตายด้วยรถขับไวเช่นเดียวกัน
ผลแห่งกรรมทำไว้ในชาตินี้
ทำให้มีอุบัติภัยไม่คาดฝัน
ถ้ามนุษย์มีไมตรีดีต่อกัน
สังคมนั้นคงงดงามด้วยความดี


ท.เลียงพิบูลย์
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
ก้อนดิน
บัวบานเต็มที่
บัวบานเต็มที่


เข้าร่วม: 07 ก.ค. 2004
ตอบ: 623

ตอบตอบเมื่อ: 28 พ.ย.2006, 8:17 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

สาธุ
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
แสดงเฉพาะข้อความที่ตอบในระยะเวลา:      
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
 


 ไปที่:   


อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
คุณไม่สามารถสร้างหัวข้อใหม่
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ
คุณไม่สามารถแก้ไขข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลบข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลงคะแนน
คุณ สามารถ แนบไฟล์ในกระดานข่าวนี้
คุณ สามารถ ดาวน์โหลดไฟล์ในกระดานข่าวนี้


 
 
เลือกบอร์ด  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  • สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทานธรรมะ  • หนังสือธรรมะ  • บทความ  • กวีธรรม  • สถานที่ปฏิบัติธรรม  • ข่าวกิจกรรม
นานาสาระ  • วิทยุธรรมะ  • เสียงธรรม  • เสียงสวดมนต์  • ประวัติพระพุทธเจ้า  • ประวัติมหาสาวก  • ประวัติเอตทัคคะ  • ประวัติพระสงฆ์  • ธรรมทาน  • แจ้งปัญหา

จัดทำโดย  กลุ่มเผยแผ่หลักคำสอนทางพระพุทธศาสนา ธรรมจักรดอทเน็ต
เพื่อส่งเสริมคุณธรรม และจริยธรรมในสังคม
เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2546
ติดต่อ webmaster@dhammajak.net
Powered by phpBB © 2001, 2002 phpBB Group :: ปรับเวลา GMT + 7 ชั่วโมง