Home
•
กระดานสนทนา
•
สมาธิ
•
สติปัฏฐาน
•
กฎแห่งกรรม
•
นิทาน
•
หนังสือ
•
บทความ
•
กวีธรรม
•
ข่าวกิจกรรม
•
แจ้งปัญหา
คู่มือการใช้
ค้นหา
สมัครสมาชิก
รายชื่อสมาชิก
กลุ่มผู้ใช้
ข้อมูลส่วนตัว
เช็คข้อความส่วนตัว
เข้าสู่ระบบ(Log in)
ได้ทำการย้ายไปเว็บบอร์ดแห่งใหม่แล้ว คลิกที่นี่
www.dhammajak.net/forums
15 ตุลาคม 2551
พิมพวดี หนูน้อยวิญญาณระลึกชาติ
อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
:: ลานธรรมจักร ::
»
กฎแห่งกรรม
ผู้ตั้ง
ข้อความ
admin
บัวทอง
เข้าร่วม: 15 ธ.ค. 2004
ตอบ: 1886
ตอบเมื่อ: 03 มิ.ย.2006, 10:22 am
พิมพวดี หนูน้อยวิญญาณระลึกชาติ
เรื่องราวของพิมพวดี เป็นตัวอย่างยืนยันว่า
การเวียนว่ายตายเกิดและการระลึกชาตินั้นมีจริง
โดย หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ ฉบับวันที่ 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2544
ได้ลงรายละเอียดไว้ดังนี้
.........................................................
มิติลี้ลับและเรื่องราวอันน่าพิศวงเกี่ยวกับความเชื่อในเรื่องจิตวิญญาณและการระลึกชาติ ที่เคยเป็นเรื่องโด่งดังในอดีตของ ด.ญ.พิมพวดี โหสกุล
ถูกเปิดเผยขึ้นอีกครั้งเมื่อวันที่ 16 พ.ย. พ.ศ. 2544
ทั้งนี้ จากการประกาศงานฌาปนกิจศพ ด.ญ.พิมพวดี ที่จะมีขึ้นในวันที่ 20 พ.ย. พ.ศ. 2544 นี้ ภายหลังจากที่ ด.ญ.คนดังกล่าวได้ล่วงลับไป 40 กว่าปีแล้ว โดยผู้สื่อข่าวเดินทางไปที่บริษัทเสรีวัฒนา หัวมุมถนนหลวงและถนนมิตรพันธ์ ตรงข้ามโรงเรียนวัดเทพศิรินทร์ กทม. สอบถามรายละเอียดและความเป็นมาของพิธีฌาปนกิจศพ ด.ญ.พิมพวดี จากนายเสรี โหสกุลผู้เป็นพี่ชายของด.ญ.คนดังกล่าว
นายเสรีเปิดเผยว่า ในระหว่างวันที่ 17-19 พ.ย. พ.ศ. 2544 นี้จะมีการสวดพระอภิธรรมศพของ ด.ญ.พิมพวดี พร้อมกับนายเสียง โหสกุล บิดาที่เสียชีวิตไปเมื่อ 2-3 เดือนก่อน จากนั้น ในวันที่ 20 พ.ย. จะเป็นพิธีฌาปนกิจ
ทั้งนี้ เหตุที่ต้องเก็บร่างของ ด.ญ.พิมพวดีไว้ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2503 จนถึงขณะนี้เป็นเวลา 40 กว่าปีนั้น เป็นความประสงค์ของคุณพ่อที่รักลูกสาวคนนี้มาก เพราะเป็นลูกสาวคนเดียวและเป็นลูกคนสุดท้อง เมื่อยังมีชีวิตอยู่หนูพิมเป็นเด็กน่ารัก ว่านอนสอนง่าย เรียนหนังสือเก่ง และเป็นเด็กที่จัดว่าหน้าตาสวยทีเดียว แต่น่าเสียดายที่ต้องเสียชีวิตตั้งแต่เด็กด้วยโรคไข้เลือดออก ซึ่งในขณะนั้นวิทยาการทางการแพทย์ยังไม่ดีเท่าเดี๋ยวนี้ น้องพิมจึงต้องเสียชีวิตลง
หลังจากน้องพิมเสียชีวิตคุณพ่อทำใจไม่ได้ที่ต้องเสียลูกสาวไป จึงได้สร้างศาลาพิมพวดีไว้เป็นอนุสรณ์แห่งความรักและความคิดถึง ที่วัดมกุฏกษัตริยาราม รวมทั้งใช้เป็นที่เก็บร่างของน้องสาวด้วย มีการสร้างพลับพลาไว้เหนือศพและติดรูปถ่ายของน้องพิมเอาไว้ กระทั่งเมื่อคุณพ่อเสียชีวิต เมื่อเดือน ส.ค. พ.ศ. 2544 จึงนำศพน้องพิมออกมาฌาปนกิจพร้อมกับคุณพ่อตามความประสงค์ของท่าน
ทั้งนี้ เรื่องราวซึ่งเป็นที่ฮือฮาเกี่ยวกับวิญญาณและการระลึกชาติได้ของน้องพิม ซึ่งเกิดขึ้นในอดีตนั้น เป็นเรื่องที่เกิดกับ นพ.อาจินต์ บุณยเกตุ ครอบครัวโหสกุลไม่เคยประสบเรื่องราวในลักษณะนี้ แม้แต่การเข้าฝัน
ทว่าเมื่อมีดำริจะจัดงานฌาปนกิจศพน้องสาวพร้อมกับคุณพ่อ กลับมีเหตุการณ์ที่น่าประหลาดใจเกิดขึ้นเมื่อเร็วๆ นี้ โดยขณะที่จะจัดทำรูปหน้าศพของน้องพิม ซึ่งมีรูปถ่ายขาวดำเพียงรูปเดียวเหลืออยู่ ตนมีความเห็นว่าจะทำรูปเป็นพื้นสีน้ำตาล หรือรูปสีซีเปีย เช่นเดียวกับรูปคุณพ่อ จึงนำไปให้ช่างภาพทำให้ แต่ทำอย่างไรก็ไม่สำเร็จ รูปจะออกมาดำๆ แลดูน่ากลัวทุกครั้ง และหน้าตาออกดุๆ
ต่อมาตนจึงตัดสินใจนำรูปน้องไปให้ช่างวาดรูปให้ ซึ่งเป็นนักเขียนรูปสมัครเล่น อยู่ที่มาบุญครองเขียนออกมาเป็นภาพสีตามที่ต้องการ โดยคิดว่าจะทดลองให้วาดก่อนว่าจะใช้ได้หรือไม่ ซึ่งเมื่อวาดออกมาครั้งแรก พี่น้องทุกคนลงความเห็นว่าใช้ไม่ได้ ต้องไปแก้ไขใหม่
ซึ่งต่อมาช่างวาดรูปได้มาเล่าให้ฟังว่า น้องพิมไปเข้าฝันบอกให้วาดใหม่ ซึ่งเมื่อช่างวาดรูปมาให้ดูใหม่คราวนี้ทุกคนถึงกับอึ้ง เพราะรูปที่วาดมาเปลี่ยนไปเป็นคนละรูป คราวนี้เหมือนตัวจริงมาก และมีความรู้สึกว่าเป็นภาพเหมือนมีชีวิต โดยเฉพาะอย่างยิ่งแววตาที่เป็นประกาย เห็นชัดเจนยิ่งกว่ารูปถ่ายเสียอีก
นายเสรียังเผยอีกว่า ยังมีเรื่องที่น่าประหลาดใจอีกเรื่องคือ เมื่อนำหีบศพของน้องพิมออกมาจากที่เก็บศพซึ่งเป็นหินอ่อนในศาลา เพื่อเตรียมทำพิธีตั้งสวดพระอภิธรรมก่อนฌาปนกิจ ปรากฏว่า สภาพทุกอย่างอยู่สมบูรณ์ ศพไม่มีกลิ่นใดๆ ทั้งสิ้น แม้กระทั่งฝุ่นยังไม่มี จนพระที่วัดยังแปลกใจ และตนยังทราบมาว่า เจ้าหน้าที่ที่วัดมกุฏฯ ถูกหวยเป็นประจำ โดยนำเลขวันเดือนปีเกิด หรือเลขอะไรต่างๆ นานาที่เกี่ยวกับน้องสาวมาตีเป็นตัวเลขนำไปแทงหวย
ต่อมาผู้สื่อข่าวติดต่อไปยังนางพิจิตร บุณยเกตุ ภรรยา นพ.อาจินต์ ที่บ้านซึ่งอยู่ย่านราชวัตร ซึ่งนางพิจิตรแจ้งว่า นพ.อาจินต์ไม่สบายเป็นโรคหลอดเลือดตีบ ไม่สามารถพูดได้เป็นเวลานานแล้ว เรื่องของ ด.ญ.พิมพวดี นั้นตนจำไม่ค่อยได้ ให้ไปดูรายละเอียดจากหนังสือที่ระลึก 40 ปี นพ.อาจินต์ บุณยเกตุ พบวิญญาณหนูพิมพวดี ณ โรงพยาบาลศิริราช ที่รวบรวมโดย นพ.กมลพร แก้วพรสวรรค์
ซึ่งหนังสือดังกล่าวเป็นเรื่องของ ด.ญ.พิมพวดี โดยการบอกเล่าของ นพ.อาจินต์ ว่า ด.ญ.พิมพวดี โหสกุล บุตรีของนายเสียง โหสกุล เสียชีวิตตั้งแต่อายุ 9 ขวบ ในปี พ.ศ. 2503 ด้วยโรคไข้เลือดออก ต่อมาจึงเกิดเรื่องราวปาฏิหาริย์ขึ้น นพ.อาจินต์ บุณยเกตุ ซึ่งไม่รู้จักกับ ด.ญ.พิมพวดี ตั้งแต่เกิดจนเสียชีวิต
ในหนังสือดังกล่าวระบุว่า นพ.อาจินต์ บุณยเกตุ ได้เปิดเผยเรื่องปาฏิหาริย์กับหนังสือพิมพ์ฟ้าเมืองไทย และศาสตราจารย์เอียน เฟลมมิ่ง นักวิญญาณศาสตร์ ซึ่งสัมภาษณ์นพ.อาจินต์ และนำไปตีพิมพ์ในหนังสือที่สหรัฐอเมริกา เมื่อปี 2506 โดย นพ.อาจินต์ได้เปิดเผยในขณะนั้นว่า
มีอาการป่วยเป็นโรคไมเกรน และเป็นหนักจนต้องเข้าโรงพยาบาลศิริราช เมื่อประมาณปี 2504 ระหว่างนอนรักษาตัวอยู่ คืนหนึ่งประมาณ 3 ทุ่มเศษ ขณะอยู่ในสภาพครึ่งหลับครึ่งตื่น เห็นเด็กผู้หญิงคนหนึ่ง อายุ 10 กว่าขวบ เข้ามาหาพร้อมกับเรียก นพ.อาจินต์ ว่าพ่อ โดยอ้างว่าเป็นพ่อลูกกันเมื่อชาติก่อน และยังบอกด้วยว่าที่ นพ.อาจินต์ต้องทนทรมานจากการป่วยเช่นนี้ เนื่องจากเป็นกรรมเก่าที่ นพ.อาจินต์ ซึ่งมีหน้าที่ลงโทษนักโทษโดยการบีบขมับ และมีอยู่ครั้งหนึ่งได้ลงโทษคนที่ไม่มีความผิดจนตาย จึงต้องมารับกรรมในชาตินี้
แต่เด็กคนนั้นบอกว่าจะช่วยให้หายปวด จากนั้นจึงเอามือมากุมที่ศีรษะข้างที่ปวด และขอให้เรียกหาทุกครั้งเมื่อมีอาการปวดศีรษะ ซึ่ง นพ.อาจินต์ได้ทำเช่นนั้นทุกครั้ง เด็กหญิงคนดังกล่าวก็จะมาหาและทำเช่นเดิม ซึ่ง นพ.อาจินต์เล่าว่าอาการปวดก็หายไปทุกครั้ง โดยครั้งสุดท้ายเด็กคนนี้บอกว่าจะต้องรักษาไปอีก 4 ปี และมาขอลาเพราะจะไปเกิดแล้ว โดยจะไปเกิดเป็นเด็กผู้ชายในชาติหน้า ทั้งยังบอกชื่อให้ นพ.อาจินต์ไปตรวจสอบประวัติดูที่โรงพยาบาล และพบว่ามีชื่อของเด็กหญิงพิมพวดี โหสกุล มาเสียชีวิตที่ห้องที่ นพ.อาจินต์รักษาอยู่จริง
เมื่อ นพ.อาจินต์ออกจากโรงพยาบาล จึงไปสืบหาเด็กหญิงพิมพวดีกับครอบครัวโหสกุล ซึ่งนายเสียง โหสกุล ผู้เป็นพ่อ ได้นำรูปของเด็กผู้หญิงหลายคนมาให้เลือกดู ซึ่ง นพ.อาจินต์ได้เลือกรูปของเด็กหญิงพิมพวดีขึ้นมา ทำให้นางสมพร โหสกุล ภรรยานายเสียง ถึงกับร่ำไห้โฮขึ้นมาทันที และบอกว่าเป็นลูกสาวที่เสียชีวิตไป โดยยืนยันว่าลูกสาวเป็นโรคไข้เลือดออก ไปเสียชีวิตที่โรงพยาบาลศิริราช
ซึ่ง นพ.อาจินต์ได้เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นกับตัวเองให้แก่พ่อแม่ของ ด.ญ.พิมพวดีฟัง รวมถึงเรื่องที่เด็กหญิงพิมพวดีสั่งเสียด้วยว่า ยังเป็นห่วงเรื่องที่ทำการฝีมือไม่เสร็จ ให้นำผ้าขาวด้ายสีน้ำเงิน และเข็มโครเชต์ไปวางไว้ที่หน้าศพ ซึ่งต่อมาอีก 4 ปี นพ.อาจินต์ได้หายจากโรคดังกล่าวตามที่ ด.ญ.พิมพวดีบอกไว้ และนพ.อาจินต์ไม่ได้พบเหตุการณ์เช่นนี้อีกเลย
วันเดียวกันผู้สื่อข่าวไปที่วัดมกุฏฯ พบกับพระครูปลัดสุวัฒนปัญญาคุณ ผู้ช่วยเจ้าอาวาส ซึ่งพระครูปลัดฯ เปิดเผยว่า ศพของคุณพิมพวดีอยู่ที่นี่มานานแล้ว คนที่นี่จะเรียกคุณพิมทุกคน ซึ่งเจ้าหน้าที่สำนักงานที่นี่จะถูกหวยกันบ่อย แต่จะมีคนมากราบไหว้รูปคุณพิมเป็นประจำ บางคนมาขอให้สอบเข้ามหาวิทยาลัยได้ แล้วก็ได้สมใจ ก็เอาของเล่นมาให้ ใครมาขออะไรได้ ก็จะเอาของเล่น ตุ๊กตา หรือขนม มาวางที่หน้ารูปเป็นประจำ ซึ่งก่อนที่จะนำศพออกมาฌาปนกิจ มีทั้งของเล่นและขนมเต็มไปหมด
ส่วนเรื่องราวปาฏิหาริย์ที่เกิดขึ้นนั้น เชื่อว่าเป็นเรื่องของกระแสจิตระหว่างคุณพิมและคุณหมออาจินต์ ที่มีความผูกพันกันมาตั้งแต่ชาติปางก่อน
.........................................................
ข้อมูลจาก
http://www.dharmathailand.com/
_________________
-- การให้ธรรมเป็นทาน ชนะการให้ทั้งปวง --
แก้ไขล่าสุดโดย admin เมื่อ 26 ก.ค.2006, 4:54 pm, ทั้งหมด 3 ครั้ง
h
ผู้เยี่ยมชม
ตอบเมื่อ: 03 มิ.ย.2006, 10:25 am
เคยอ่านหนังสือวิปัสสนาสื่อวิญญาณเล่ม 1 ของหลวงพ่อจรัญ เล่าเรื่องนี้อย่างละเอียด ดิฉันเองก็มีหลักฐานประกาศงานฌาปนกิจศพ ด.ญ.พิมพ์วดี และนายเสียง โหสกุล จากไทยรัฐ นับว่าเป็นเรื่องแปลกที่มีหลักฐานพิสูจน์ได้ในปัจจุบันอย่างสมบูรณ์ที่สุด
123456
ผู้เยี่ยมชม
ตอบเมื่อ: 03 มิ.ย.2006, 10:25 am
สนุกนะเรื่องนี้ มีสาระดี เราก้อเพิ่งเคยอ่านจากหนังสือของอาจารย์ที่ ร.ร.อ่ะ
สายลม
บัวเงิน
เข้าร่วม: 30 พ.ค. 2004
ตอบ: 1245
ตอบเมื่อ: 02 มี.ค.2008, 9:53 pm
_________________
"อย่าลืมตัว อย่าลืมปัจจุบัน อย่าลืมปฏิบัติ"
suvitjak
บัวบาน
เข้าร่วม: 26 พ.ค. 2008
ตอบ: 457
ที่อยู่ (จังหวัด): khonkaen
ตอบเมื่อ: 17 มิ.ย.2008, 3:35 pm
ขอขอบคุณเรื่องดีๆครับ
_________________
ซื่อกินไม่หมดคดกินไม่นาน
แสดงเฉพาะข้อความที่ตอบในระยะเวลา:
แสดงทั้งหมด
1 วัน
7 วัน
2 สัปดาห์
1 เดือน
3 เดือน
6 เดือน
1 ปี
เรียงจากเก่า-ใหม่
เรียงจากใหม่-เก่า
:: ลานธรรมจักร ::
»
กฎแห่งกรรม
ไปที่:
เลือกกลุ่ม บอร์ด
กลุ่มสนทนา
----------------
สนทนาธรรมทั่วไป
แนะนำตัว
กฎแห่งกรรม
สมาธิ
ฝึกสติ
การสวดมนต์
การรักษาศีล-การบวช
ความรัก-ผูกพัน-พลัดพลาก
กลุ่มข่าวสาร-ติดต่อ
----------------
ข่าวประชาสัมพันธ์
ธรรมทาน
รูปภาพ-ประมวลภาพกิจกรรมต่างๆ
สำหรับนักเรียน นักศึกษา ขอความรู้ทำรายงาน
แจ้งปัญหา
รูปภาพในบอร์ด
กลุ่มสาระธรรม
----------------
หนังสือธรรมะ
บทความธรรมะ
นิทาน-การ์ตูน
กวีธรรม
นานาสาระ
ต้นไม้ในพุทธประวัติ
วิทยุธรรมะ
ศาสนสถานและศาสนพิธี
----------------
สถานที่ปฏิบัติธรรม
วัดและศาสนสถาน
พิธีกรรมทางศาสนา
พุทธศาสนบุคคล
----------------
พระพุทธเจ้า
ประวัติพระอสีติมหาสาวก
ประวัติเอตทัคคะ (ภิกษุณี, อุบาสก, อุบาสิกา)
สมเด็จพระสังฆราชไทย
ประวัติและปฏิปทาของครูบาอาจารย์
ในหลวงกับพระสุปฏิปันโน
อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
คุณ
ไม่สามารถ
สร้างหัวข้อใหม่
คุณ
ไม่สามารถ
พิมพ์ตอบ
คุณ
ไม่สามารถ
แก้ไขข้อความของคุณ
คุณ
ไม่สามารถ
ลบข้อความของคุณ
คุณ
ไม่สามารถ
ลงคะแนน
คุณ
สามารถ
แนบไฟล์ในกระดานข่าวนี้
คุณ
สามารถ
ดาวน์โหลดไฟล์ในกระดานข่าวนี้
เลือกบอร์ด •
กระดานสนทนา
•
สมาธิ
•
สติปัฏฐาน
•
กฎแห่งกรรม
•
นิทานธรรมะ
•
หนังสือธรรมะ
•
บทความ
•
กวีธรรม
•
สถานที่ปฏิบัติธรรม
•
ข่าวกิจกรรม
นานาสาระ
•
วิทยุธรรมะ
•
เสียงธรรม
•
เสียงสวดมนต์
•
ประวัติพระพุทธเจ้า
•
ประวัติมหาสาวก
•
ประวัติเอตทัคคะ
•
ประวัติพระสงฆ์
•
ธรรมทาน
•
แจ้งปัญหา
จัดทำโดย กลุ่มเผยแผ่หลักคำสอนทางพระพุทธศาสนา ธรรมจักรดอทเน็ต
เพื่อส่งเสริมคุณธรรม และจริยธรรมในสังคม
เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2546
ติดต่อ
webmaster@dhammajak.net
Powered by
phpBB
© 2001, 2002 phpBB Group :: ปรับเวลา GMT + 7 ชั่วโมง
www.Stats.in.th