Home  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  •  สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทาน  • หนังสือ  •  บทความ  • กวีธรรม  • ข่าวกิจกรรม  • แจ้งปัญหา
คู่มือการใช้คู่มือการใช้  ค้นหาค้นหา   สมัครสมาชิกสมัครสมาชิก   รายชื่อสมาชิกรายชื่อสมาชิก  กลุ่มผู้ใช้กลุ่มผู้ใช้   ข้อมูลส่วนตัวข้อมูลส่วนตัว  เช็คข้อความส่วนตัวเช็คข้อความส่วนตัว  เข้าสู่ระบบ(Log in)เข้าสู่ระบบ(Log in)
 
ได้ทำการย้ายไปเว็บบอร์ดแห่งใหม่แล้ว คลิกที่นี่
www.dhammajak.net/forums
15 ตุลาคม 2551
 เจ้ากรรมนายเวร [หนังสือโลกลี้ลับ] อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
ผู้ตั้ง ข้อความ
admin
บัวทอง
บัวทอง


เข้าร่วม: 15 ธ.ค. 2004
ตอบ: 1886

ตอบตอบเมื่อ: 03 เม.ย.2006, 2:57 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

Image

เจ้ากรรมนายเวร

จากหนังสือ “โลกลี้ลับ”
ปีที่ ๒๑ ฉบับที่ ๒๓๒ เดือน เมษายน ๒๕๔๗
พิมพ์ส่งมาให้เป็นธรรมวิทยาทาน โดย คุณ Lilly



ขอย้อนกล่าวถึงอดีตที่ทำให้ข้าพเจ้าต้องได้รับผลแห่งกรรมนั้นอยู่ในทุกวันนี้ เมื่อปี พ.ศ. 2524 ตอนนั้นข้าพเจ้ากำลังศึกษาอยู่ที่วิทยาลัยเทคนิคหนองคาย ปี 2 อายุก็อยู่ราวๆ 19-20 ปี

เย็นวันหนึ่งข้าพเจ้าไปเดินเล่นกับเพื่อน พอขากลับก็ได้พบกับลูกสุนัขตัวหนึ่ง สีขาว ขนปุย อยู่ที่ข้างถนน ข้าพเจ้าเห็นมันน่ารักดีจึงร้องเรียกมันว่า เจ้านุ้ยๆ และดูเหมือนว่ามันจะชอบชื่อนี้ พอเรียก “นุ้ยๆ” มันก็วิ่งมาหาเลย และยอมให้อุ้มแต่โดยดี ข้าพเจ้าจึงนำเอาเจ้านุ้ยไปฝากให้แม่เลี้ยงที่ อ.ศรีเชียงใหม่ และจะกลับไปเยี่ยมเจ้านุ้ยที่ อ.ศรีเชียงใหม่ ทุกอาทิตย์

และแล้ววันหนึ่งแม่ก็โทรมาบอกข้าพเจ้าว่า “ไอ้นุ้ยโดนรถชน” โดยรถมอเตอร์ไซค์เหยียบบริเวณท่อนหลังของเจ้านุ้ย แต่ไม่ตาย มันเดินด้วยสองขาหน้า แล้วลากส่วนท้ายที่โดนรถเหยียบ และร้องครวญครางอยู่ตลอดเวลาด้วยความเจ็บปวดทรมานทั้งวันทั้งคืน

ตอนแรกที่รู้ข่าวว่าไอ้นุ้ยโดนรถเหยียบ ข้าพเจ้าไม่กล้ากลับบ้าน เพราะไม่อยากเห็นสภาพของเจ้านุ้ย แต่ก็อดคิดถึงมันไม่ได้ จึงตัดสินใจไปหาเจ้านุ้ย และจะพยายามทำใจไม่ให้สงสารมัน พอข้าพเจ้าก้าวเท้าเข้าไปถึงหน้าบ้าน ก็ได้ยินเสียงของเจ้านุ้ยร้องครวญครางเดินสองขาหน้าลากส่วนหลังที่กำลังจะเน่า เดินเวียนวนไปมา เนื้อตัวมอมแมม ลำตัวผอมกะหร่องด้วยความเจ็บปวดทำให้มันอยู่เฉยไม่ได้ ตลอดคืนยันเช้าเจ้านุ้ยมันไม่ได้หลับไม่ได้นอนเอาแต่ร้องครวญคราง

รุ่งเช้าข้าพเจ้าตัดสินใจมายืนดูเจ้านุ้ย “ใครหนอช่างใจร้ายขับรถเหยียบมันแล้วหนี” เจ้านุ้ยมันคงเจ็บปวดทรมานแทบขาดใจ จะช่วยมันอย่างไรดี เพื่อให้มันพ้นทุกขเวทนา ร่างกายลำตัวของมันส่วนล่างที่กำลังจะเน่ามีแมลงวันบินตอมเป็นกลุ่มๆ มันคงจะปวดแสบปวดร้อนไปทั้งตัว มันจะทรมานอย่างนี้ไปอีกนานแค่ไหน แต่ถ้าหากมันตายไปตอนนี้ก็คงจะไม่ทรมานอีกต่อไป คงจะเจ็บอีกแค่ครั้งเดียว ข้าพเจ้ายืนคิดอยู่นาน คิดไปคิดมา คิดจนสับสน

ขณะนั้นเองความคิดอุบาทว์ก็เกิดขึ้นมาในสมอง ข้าพเจ้าเดินไปจับได้ท่อนตอไม้ไผ่อันหนึ่งความยาวประมาณเกือบศอกแล้วเดินตรงไปยังเจ้านุ้ยทันที ทันใดนั้นก็เงื้อตอไม้ไผ่ขึ้นสุดแขน น้าข้าพเจ้าร้องทักขึ้น “เฮ้ย นั่นจะทำอะไร”

แต่ขณะนั้นเองตอไม้ไผ่ในมือของข้าพเจ้าก็ฟาดลงตรงขมับด้านซ้ายของเจ้านุ้ยอย่างแรงแล้วรีบหันหน้าหนี เสียงของเจ้านุ้ยร้องดังขึ้นอย่างแรง แต่มันไม่ตาย คราวนี้ข้าพเจ้าเหมือนถูกผีร้ายเข้าสิง หันหน้ามาหาเจ้านุ้ยแล้วกระหน่ำตอไม้ไผ่ลงไปที่ศีรษะของมันบริเวณเดิมแบบไม่ยั้ง เสียงของมันค่อยๆ เบาลงๆ อย่างช้าๆ มีเลือดไหลออกตามรูหู รูจมูก และปาก ลำตัวของมันกระตุก สั่น ปากเผยอเล็กน้อยจนสิ้นใจและแน่นิ่งไปในที่สุด


อนิจจา ! ชีวิตของเจ้านุ้ยผู้น่าสงสาร ข้าพเจ้ามอบความตายให้มันเพื่อหวังจะช่วยมันหรือเป็นการก่อกรรม ก่อเวรกับเจ้านุ้ยกันแน่ ตอนนั้นทำเพราะคิดจะช่วยให้มันหายจากทุกข์ แต่ใจจริงรัก เมตตา และเสียดายเป็นที่สุด

นับจากวันนั้นเป็นต้นมาชีวิตของข้าพเจ้าก็ดำเนินแบบปกติสุขเรื่อยมา จนกระทั่งวันหนึ่งข้าพเจ้ากับเพื่อนๆ ได้เดินทางไปเที่ยวน้ำตกธารทอง อ.ศรีเชียงใหม่ จ.หนองคาย ขณะที่นั่งดูเพื่อนเล่นน้ำอยู่นั้น ไม่ทราบว่าเป็นอะไร อยู่ๆ ข้าพเจ้าก็เกิดพลัดตกลงน้ำแล้วน้ำก็ไหลเข้าหูซ้ายทำให้มีอาการหูอื้อตลอดแต่ไม่มีหนอง นานๆ เข้าก็เริ่มปวดและปวดรุนแรงขึ้น

จึงได้ไปพบแพทย์ แพทย์ก็ให้ยาหยอดหูและยามาทาน แต่ก็ไม่หายขาด มีอาการปวดร้าวไปหมดทั้งบริเวณแถบศีรษะด้านซ้าย ไม่ปวดมากแต่จะปวดตลอดทุกเวลา ทุกวินาที ปวดพอให้รำคาญ ปวดแบบนี้มาเป็นปีๆ แล้ว

จนปี พ.ศ. 2528 อาการปวดเริ่มหนักขึ้น ทั้งเวียนศีรษะและหน้ามืดบ่อยครั้ง ในที่สุดข้าพเจ้าตัดสินใจไปหาหมออีกครั้งที่โรงพยาบาลศิริราช นครราชสีมา หมอใช้เครื่องส่องดูหูที่หูข้างซ้าย แล้วหมอก็พูดขึ้นว่า “โอ รูโบ๋เลย เยื่อแก้วหูทะลุต้องผ่าตัดเปลี่ยนเยื่อแก้วหูใหม่นะ”

ข้าพเจ้าฟังแล้วรู้สึกเสียวและกลัวมาก ผ่าที่ไหนไม่ผ่า มาผ่าที่หัวเรา ถ้าตายจะทำยังไง แล้วหมอก็นัดวันผ่า ตอนผ่ากลัวก็กลัว แต่ก็ไม่ค่อยรู้สึกเจ็บมากนัก เพราะฤทธิ์ของยาชา แต่ก็ยังมีอาการเสียวๆ เย็นๆ ตรงที่ตอนคมมีดกรีด รู้สึกเย็นลงมาที่ลำคอในหลอดอาหาร แล้วข้าพเจ้าก็หมดสติไป จนกระทั่งมารู้สึกตัวอีกครั้ง รู้สึกเหนื่อยและเพลียมาก เพราะข้าพเจ้าวิ่งสุดกำลัง วิ่งหนีสิ่งที่น่ากลัวมาก ซึ่งไม่เคยกลัวอะไรขนาดนี้มาก่อน

ด้านหลังของข้าพเจ้าคือสุนัขร่างผอมตัวหนึ่ง สีขาว รูปร่างหน้าตาน่าเกลียดน่ากลัวมาก สูงประมาณเกือบศอก มันแยกเขี้ยวยาวคมกริบ ดวงตาทั้งคู่ของมันโตมากแดงเหมือนสีเลือด มันวิ่งเร็วมาก ข้าพเจ้าก็หนีสุดแรง ไม่ยอมหยุด เหมือนเกลียด โกรธ ชิงชังกันมาเป็นปีเป็นชาติ และในช่วงวินาทีนั้นข้าพเจ้าก็ขาอ่อน และทรุดลง สุนัขตัวนั้นก็ได้กระโดดขึ้นงับบริเวณศีรษะซีกซ้ายทั้งแถบ ข้าพเจ้าร้องและดิ้นจนสะดุ้งตื่น ทำให้เตียงข้างๆ หันมามอง และพูดกับข้าพเจ้าว่า

“อ้าวเป็นอะไร รู้สึกตัวแล้วเหรอ รู้ไหมคุณหลับอยู่นี่สองคืนแล้วนะ พยาบาลเขาเดินมาดูหลายรอบแล้ว คุณก็ไม่ตื่นสักที” ข้าพเจ้ายิ้มแล้วก็พยักหน้าให้เขาคิดย้อนหลังไปดูเหตุการณ์ที่ผ่านมาว่ามันคืออะไร สักพักหนึ่งเหมือนอยากจะอ้วก รีบพยุงตัวเองไปที่กระโถน รู้สึกเหมือนมีอะไรไหลอยู่ในลำคอ ข้าพเจ้าอ้าปากปล่อยให้มันไหลออกมา ปรากฏว่าเป็นน้ำเลือดสีแดงสดๆ ไหลออกจากปากลงสู่กระโถน ข้าพเจ้านอนอยู่โรงพยาบาล 3 วัน แล้วหมอก็ให้กลับบ้านได้

หลังจากผ่าตัดหูแล้วก็ยังมีอาการปวดศีรษะด้านซ้ายอยู่ โดยเฉพาะตรงหูและขมับซ้ายปวดตลอดเวลา จึงไปให้หมอตรวจที่โรงพยาบาลอีก หมอบอกว่าเยื่อแก้วหูทะลุอีก แต่ไม่มากนัก ขนาดเท่าปลายปากกา ข้าพเจ้าถามว่า “จะได้ผ่าตัดอีกไหม”

หมอบอกว่า “ยังไม่ต้องหรอกเพราะยังไม่มาก” หมอให้ยามาหยอด และยาทาน อาการก็แค่พอทุเลาแต่ไม่หาย ระยะหลังๆ มานี้จะมีอาการปวดลูกตาซ้ายร่วมด้วย ปวดข้างเดียว ตาข้างขวาไม่เป็นอะไร และเวลานอนกลางคืนข้าพเจ้ามักจะฝันเห็นสุนัขตัวผอมรูปร่างน่าเกลียดตัวนั้นไล่กัดแทบทุกคืน ก็สงสัยนะว่ามันเป็นเพราะเหตุใด

จนกระทั่งวันหนึ่งข้าพเจ้าต้องพาแม่ไปนอนวัดเพื่อจำศีลอุโบสถที่ วัดหินหมากเป้ง อ.ศรีเชียงใหม่ จ.หนองคาย ซึ่งเป็นวัดกรรมฐาน ตอนนั้นเป็นเวลาทำวัตรเย็น แม่ให้อยู่ทำวัตรเย็นด้วยกันก่อนค่อยกลับ พระเริ่มสวดมนต์ได้สักพักหนึ่งข้าพเจ้าก็เริ่มมีอาการง่วงนอน ง่วงมากจนทนไม่ไหว จะหลับท่าเดียว จนในที่สุดข้าพเจ้าก็ไม่ได้ยินเสียงพระสวดมนต์เลย จะว่าหลับก็ไม่ใช่เพราะรู้ว่าตัวเองนั่งพนมมืออยู่ ไม่รู้นานแค่ไหนแล้ว ข้าพเจ้าก็มองเห็นและได้ยินเสียงร้อยโหยหวนด้วยความเจ็บปวดทรมานของสุนัขตัวหนึ่ง มีขนสีขาว ตัวผอม ตอนนั้นข้าพเจ้าเหมือนลอยอยู่ มองดูข้างๆ ของสุนัขตัวนั้น

มีชายคนหนึ่งกำลังถือตอไม้ไผ่อยู่ในมือยาวประมาณครึ่งศอก ข้าพเจ้าใจหายวาบ ขนลุก และกลัวจนตัวสั่น เพราะชายคนนั้นกำลังใช้ตอไม้ไผ่ตีลงไปที่หัวของสุนัขแบบไม่ยั้งมือ ข้าพเจ้ารีบร้องตะโกนใส่ชายคนนั้น “เฮ้ย ! คุณฆ่ามันทำไม มันไปทำอะไรให้คุณ” ชายคนนั้นไม่ตอบ และเหมือนจะไม่ได้ยิน จนสุนัขตัวนั้นขาดใจตายและแน่นิ่งไป แล้วชายคนนั้นก็หันหน้ามา พอข้าพเจ้าเห็นหน้าเขาก็ตกใจหัวใจแทบหยุดเต้น อนิจจา ชายคนที่หันหน้ามาเขาคือตัวของข้าพเจ้าเอง

ข้าพเจ้าตกใจกลัวและรู้สึกตัวขึ้นมา ปรากฏว่าทำวัตรเย็นจบไปตั้งนานแล้ว ตอนนี้คนอื่นๆ กำลังนั่งหลับตาภาวนาสมาธิกันอยู่ แต่หลายคนก็กลับไปแล้ว ข้าพเจ้าหันไปมองนาฬิกาที่ผนัง “โธ่ นี่เรานั่งอยู่ตรงนี้เกือบ 2 ชั่วโมงแล้วหรือ” แต่ไม่อยากรบกวนคนที่นั่งสมาธิอยู่ข้างๆ จึงนั่งต่อ ช่วงนั้นร่างกายรู้สึกปลอดโปร่ง รู้สึกว่าอาการปวดศีรษะจะไม่มีเลย จึงขยับตัวเปลี่ยนท่ามานั่งขัดสมาธิเหมือนที่คนข้างๆ เขาทำ แต่ไม่รู้หรอกว่านั่งแล้วต้องท่องคาถาอะไรหรือเปล่าเพราะไม่เคยนั่ง เห็นตัวเองกำลังรู้สึกสบายก็เลยอยากจะนั่ง

แต่เอ๊ะ ! ที่ข้าพเจ้าเห็นผ่านไปเมื่อสักครู่มันคืออะไร และแล้วข้าพเจ้าก็รู้ และจำได้ทั้งหมดทุกขั้นตอนที่ทำกับเจ้านุ้ย มิน่าล่ะ ภาพนี้เหตุการณ์นี้มันจึงได้ตามหลอกหลอนข้าพเจ้าเรื่อยมา ข้าพเจ้าไม่กล้าที่จะพูดเรื่องนี้กับใคร จนได้มาเจอ นิตยสารโลกทิพย์ และได้มาอ่านเจอคอลัมน์ “กรรมใดใครก่อ” จึงคิดที่จะเปิดเผยเล่าเรื่องนี้ให้ผู้ที่สนใจ ได้อ่านและพิจารณาปฏิบัติตัวตามแนวทางที่เป็นจริง หลีกเลี่ยงจากการก่อกรรมทำเข็ญต่างๆ

ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาข้าพเจ้าไม่คิดที่จะไปรักษาหูให้หายขาดจากความเจ็บปวดอีกเลย ข้าพเจ้ายอมรับความเจ็บนี้ แม้จะเจ็บปวดไปจนถึงวันตายก็ยอม บุญใดกุศลใดที่ข้าพเจ้าทำ ที่ข้าพเจ้าสร้าง ขอให้เจ้านุ้ยได้รับผลบุญกุศลที่ได้อุทิศไปให้ ไม่ว่าเจ้านุ้ยจะตกอยู่ ณ สถานที่แห่งใดก็ตาม ถ้าเจ้านุ้ยได้รับความทุกข์ทรมานก็ขอให้พ้นจากทุกข์ ถ้ามีสุขก็ขอให้มีความสุขยิ่งๆขึ้นไป อย่าได้มีเวรมีกรรมต่อกันอีกเลย ขอให้หมดเวรหมดกรรมต่อกันแต่เพียงชาตินี้


จากผู้สำนึกผิด


............................................................

คัดลอกมาจาก
http://www.lekpluto.com/index02/kram.html
 

_________________
-- การให้ธรรมเป็นทาน ชนะการให้ทั้งปวง --

แก้ไขล่าสุดโดย admin เมื่อ 26 ก.ค.2006, 8:48 pm, ทั้งหมด 2 ครั้ง
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวส่ง Emailชมเว็บส่วนตัว
ดี
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 03 เม.ย.2006, 3:02 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

เศร้า ทำไมไม่พามันไปหาหมอ ดีกว่าคุณฆ่ามัน รู้อยู่ว่าคุณไม่อยากให้มันเจ็บปวด แต่การฆ่าไม่ใช่เรื่องตัดสินความเจ็บปวดของมัน เศร้า
 
ภัส ธรรมจักร
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 03 เม.ย.2006, 3:03 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ความเมตตาต่อสรรพสัตว์ผู้ร่วม เกิด แก่ เจ็บ ตาย คือสิ่งประเสริฐอันสูงสุด หากเจอผู้ใดกำลังลำบากด้วยทุกข์ต่างๆ เราควรยื่นมือเข้าไปช่วยเท่าที่ความสามารถเราจะทำได้ แม้ว่าผู้ที่เราช่วยนั้นถึงเวลาที่เขาจะต้องตาย ขอเพียงมีจิตคิดเมตตาและสงสารด้วยความบริสุทธิ์ และแผ่เมตตาแผ่บุญกุศลให้เขาไปดีเท่านี้ก็ได้ถือว่าช่วยดีที่สุดแล้ว แต่หากเจอคนหรือสัตว์กำลังบาดเจ็บอย่างสาหัสและยังมีลมหายใจอยู่ ก็ควรพานำส่งโรงพยาบาลแม้ว่าเขาต้องตายก็เพราะหมดวาระกรรมของเขา เราทำดีที่สุดแล้ว ยิ้ม
 
Jandee
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 03 เม.ย.2006, 3:03 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

น่าสงสารทั้งเจ้านุ้ย และเจ้าของ

เราจะจำเรื่องนี้ไว้ และจะอธิษฐานไม่ขอทำผิด ไม่ขอทำร้ายใคร ทั้งกาย วาจา และใจ เราไม่อยากทำร้ายใคร ไม่อยากทำให้ใครทุกข์ใจ เรารู้ว่าเวลาทุกข์ใจมันเป็นยังไง ดังนั้น เราจึงขอให้ทุกชีวิตมีความสุขมากๆ .. จากใจเราจริงๆ นะ
 
จันทนา_สการกุล
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 03 เม.ย.2006, 3:03 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

หลายคนอาจจะยังไม่รู้ไม่เข้าใจ หลายเรื่องราวจึงกลายเป็น "หวังดีประสงค์ร้าย" โดยไม่ได้เจตนา เช่น ผู้ป่วยที่ใส่เครื่องช่วยหายใจ ญาติอาจจะมองว่าเป็นการทรมานผู้ป่วยถึงอย่างไรอาการก็ไม่ดีขึ้น จึงขอให้แพทย์ถอดเครื่องช่วยหายใจ ความจริงทุกคนที่เกิดมาย่อมมีอายุขัยของตัวเอง เมื่อหมดอายุขัยก็ต้องละสังขารเดิม ยิ้ม
 
สายลม
บัวเงิน
บัวเงิน


เข้าร่วม: 30 พ.ค. 2004
ตอบ: 1245

ตอบตอบเมื่อ: 02 มี.ค.2008, 9:54 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ตกใจ
 

_________________
"อย่าลืมตัว อย่าลืมปัจจุบัน อย่าลืมปฏิบัติ"
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวส่ง Emailชมเว็บส่วนตัว
suvitjak
บัวบาน
บัวบาน


เข้าร่วม: 26 พ.ค. 2008
ตอบ: 457
ที่อยู่ (จังหวัด): khonkaen

ตอบตอบเมื่อ: 17 มิ.ย.2008, 4:22 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

พุทโธ อนุโมทนาด้วยครับ
 

_________________
ซื่อกินไม่หมดคดกินไม่นาน
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
แสดงเฉพาะข้อความที่ตอบในระยะเวลา:      
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
 


 ไปที่:   


อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
คุณไม่สามารถสร้างหัวข้อใหม่
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ
คุณไม่สามารถแก้ไขข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลบข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลงคะแนน
คุณ สามารถ แนบไฟล์ในกระดานข่าวนี้
คุณ สามารถ ดาวน์โหลดไฟล์ในกระดานข่าวนี้


 
 
เลือกบอร์ด  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  • สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทานธรรมะ  • หนังสือธรรมะ  • บทความ  • กวีธรรม  • สถานที่ปฏิบัติธรรม  • ข่าวกิจกรรม
นานาสาระ  • วิทยุธรรมะ  • เสียงธรรม  • เสียงสวดมนต์  • ประวัติพระพุทธเจ้า  • ประวัติมหาสาวก  • ประวัติเอตทัคคะ  • ประวัติพระสงฆ์  • ธรรมทาน  • แจ้งปัญหา

จัดทำโดย  กลุ่มเผยแผ่หลักคำสอนทางพระพุทธศาสนา ธรรมจักรดอทเน็ต
เพื่อส่งเสริมคุณธรรม และจริยธรรมในสังคม
เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2546
ติดต่อ webmaster@dhammajak.net
Powered by phpBB © 2001, 2002 phpBB Group :: ปรับเวลา GMT + 7 ชั่วโมง