Home
•
กระดานสนทนา
•
สมาธิ
•
สติปัฏฐาน
•
กฎแห่งกรรม
•
นิทาน
•
หนังสือ
•
บทความ
•
กวีธรรม
•
ข่าวกิจกรรม
•
แจ้งปัญหา
คู่มือการใช้
ค้นหา
สมัครสมาชิก
รายชื่อสมาชิก
กลุ่มผู้ใช้
ข้อมูลส่วนตัว
เช็คข้อความส่วนตัว
เข้าสู่ระบบ(Log in)
ได้ทำการย้ายไปเว็บบอร์ดแห่งใหม่แล้ว คลิกที่นี่
www.dhammajak.net/forums
15 ตุลาคม 2551
ร่วมกันฟื้นฟูศีลธรรมให้กลับมา (พระไพศาล วิสาโล)
อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
:: ลานธรรมจักร ::
»
บทความธรรมะ
ผู้ตั้ง
ข้อความ
admin
บัวทอง
เข้าร่วม: 15 ธ.ค. 2004
ตอบ: 1886
ตอบเมื่อ: 15 มี.ค.2006, 10:51 pm
ร่วมกันฟื้นฟูศีลธรรมให้กลับมา
โดย พระไพศาล วิสาโล
ปลายเดือนพฤษภาคม พ.ศ.2519 หรือเมื่อ 30 ปีที่แล้ว ท่านพุทธทาสภิกขุได้บรรยายธรรมในโอกาสที่ท่านมีอายุครบ 7 ทศวรรษ หัวข้อที่ท่านเลือกมาแสดงธรรมคือ
"โลกวิปริต"
จะว่าไปแล้วนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ท่านเตือนให้เราตระหนักถึงปัญหาความวิปริตของโลก แต่ในการบรรยายธรรมครั้งนั้นท่านได้แจกแจงสภาพการณ์และสาเหตุของความวิปริตดังกล่าวไว้อย่างละเอียด ซึ่งกล่าวโดยสรุปก็คือ โลกนี้วิปริตเพราะการคลาดเคลื่อนออกจากหลักธรรม จนตกเข้าไปเป็นทาสของวัตถุนิยม ด้วยเหตุนี้ท่านจึงเรียกร้องให้ชาวพุทธทั้งหลายพยายามเข้าถึงหัวใจของพุทธศาสนาเพื่อพาตนให้หลุดพ้นจากอำนาจของวัตถุนิยม ขณะเดียวกันก็ช่วยกันนำศีลธรรมกลับมา เพราะ
"ถ้าศีลธรรมไม่กลับมา โลกาจะวินาศ"
ในโอกาสที่ปีนี้เป็นปีที่ท่านพุทธทาสภิกขุมีชาตกาลครบหนึ่งศตวรรษ หากชาวพุทธจะบำเพ็ญอาจาริยบูชาถวายแด่ท่าน คงไม่มีอะไรที่สำคัญไปกว่าการพยายามนำศีลธรรมกลับมายังแผ่นดินไทย อย่างไรก็ตาม การนำศีลธรรมกลับมานั้น ลำพังการเผยแผ่ด้วยการพิมพ์หนังสือหรือเทศนาสั่งสอน ย่อมไม่เพียงพอ แม้จะพิมพ์หนังสือเป็นล้านๆ เล่ม หรือเทศนาวันละสามเวลาก็ตาม แต่ถ้าผู้คนไม่อ่าน หรือไม่เข้าวัด และที่สำคัญคือมองไม่เห็นแบบอย่างทางศีลธรรมในชีวิตประจำวันแล้ว ก็ยากที่ศีลธรรมจะกลับมาแม้กระทั่งในใจของผู้คน
อุปสรรคสำคัญที่สุดของการนำศีลธรรมกลับมา มิได้อยู่ที่ว่าเรายังเผยแผ่ศีลธรรมไม่มากพอ แต่น่าจะอยู่ที่ว่าศีลธรรมทุกวันนี้ไม่สามารถตามทันอธรรมหรือความชั่วร้ายได้ต่างหาก อธรรมในปัจจุบันได้วิวัฒน์พัฒนาตนเองไปไกลมาก เปรียบดังเชื้อโรคที่กลายพันธุ์อย่างรวดเร็วจนภูมิคุ้มกันในร่างกายตามไม่ทัน กว่าจะรู้ตัวภูมิคุ้มกันก็ถูกทำลายไปแล้ว
อธรรมทุกวันนี้มีอุบายมากมายที่ทำให้มันสามารถขยายตัวได้อย่างรวดเร็ว อุบายอย่างหนึ่งคือการอำพรางตัวเองจนผู้คนมองไม่เห็นว่ามันเป็นอธรรมที่ตรงไหน ซ้ำอาจเห็นว่าเป็นเรื่องดีด้วยซ้ำ เช่น การเพิ่มความโลภในรูปการกระตุ้นให้บริโภคเพื่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจ การเอาเปรียบผู้อื่นในนามของการทำกำไรสูงสุด รวมไปถึงการพนันในรูปของการเล่นหุ้นหรือการซื้อหวยเพื่อเป็นทุนการศึกษาแก่เด็กยากจน เป็นต้น
ยิ่งไปกว่านั้น อธรรมยังรู้จักใช้กฎหมายและกลไกต่างๆ ที่สลับซับซ้อน มา "ฟอก" ตัวมันเองจนกลายเป็นสิ่งที่ "ถูกต้อง" หรือไม่ผิดศีลธรรม อาทิ การหนีภาษีโดยใช้วิธีการเล็ดลอดไปตามช่องว่างของกฎหมายต่างๆ จนนอกจากจะไม่ผิดกฎหมายแล้ว ยังกลายเป็นความชอบธรรมไปด้วยซ้ำ
การขายหุ้นเป็นเงิน 73,000 ล้านบาท โดยไม่เสียภาษีแม้แต่สลึงเดียวของครอบครัวชินวัตร เป็นตัวอย่างที่ชัดเจนของการซิกแซ็กอย่างสลับซับซ้อนจนทำให้สิ่งที่เป็นอธรรมนั้นกลับกลายเป็นความถูกต้องได้ แม้ในชั้นแรกจะเป็นเพียงความถูกต้องในทางกฎหมาย แต่ไม่ช้าไม่นานก็จะกลายเป็นความชอบธรรม และที่สุดกลายเป็นเรื่องธรรมดาที่ใครๆ ก็ทำกันโดยไม่รู้สึกละอาย
การเสียภาษีเมื่อมีรายได้มหาศาลนั้นไม่ใช่หน้าที่ตามกฎหมายเท่านั้น แต่ยังเป็นหน้าที่ทางศีลธรรม เพราะเป็นการตอบแทนประเทศที่มีส่วนช่วยให้บุคคลมีรายได้เพิ่มพูนขึ้น (ลองนึกดูว่าหากประเทศไม่มีโครงสร้างพื้นฐานทางเศรษฐกิจที่เข้มแข็ง เขาจะมีรายได้มหาศาลจากการขายหุ้นได้อย่างไร) ในขณะเดียวกันก็เป็นการกระจายรายได้เพื่อช่วยเหลือเจือจุนแก่ผู้ยากไร้ ดังนั้น การเลี่ยงภาษีทั้งๆ ที่มีรายได้มหาศาล แม้จะทำให้ถูกกฎหมายเพียงใดก็ตาม จึงไม่อาจเป็นการกระทำที่ถูกจริยธรรมไปได้เลย ยิ่งการกระทำดังกล่าวมีนายกรัฐมนตรีเข้ามาเกี่ยวข้องทั้งในฐานะผู้ได้รับผลประโยชน์และผู้ผลักดันกฎเกณฑ์ต่างๆ เพื่อเอื้อประโยชน์ให้แก่การกระทำดังกล่าว จึงนับว่าผิดจริยธรรมเป็นอย่างยิ่ง
การที่คนไทยจำนวนไม่น้อยเห็นว่าการเลี่ยงภาษีดังกล่าวเป็นการกระทำที่ถูกต้อง นับเป็นสัญญาณอันตรายที่ชี้ชัดว่าทุกวันนี้อธรรมได้พัฒนาไปอย่างรวดเร็วมากจนศีลธรรมตามไม่ทันเสียแล้ว นี่ถือเป็นความล้มเหลวของศีลธรรมในเมืองไทยเลยทีเดียว สาเหตุสำคัญเป็นเพราะเราสอนศีลธรรมกันอย่างโบราณ ไม่สมสมัย จนผู้คนเข้าใจเพียงว่าศีลธรรมมีแค่ 5 ข้อเท่านั้น ในเมื่อการเลี่ยงภาษีไม่จัดว่าผิดศีลข้อใดข้อหนึ่งใน 5 ข้อ ก็เลยไม่ถือว่าเป็นการกระทำที่ผิดศีลธรรม ยิ่งการเลี่ยงภาษีนั้นผ่านกระบวนการที่สลับซับซ้อนจนกลายเป็นถูกกฎหมาย ก็เลยเห็นเป็นการกระทำที่ถูกต้องไปเลย โดยไม่เฉลียวใจเลยว่ากฎหมายเหล่านั้นก็ถูกเขียนขึ้นมาเพื่อฟอกสิ่งที่เป็นอธรรมให้กลายเป็นความถูกต้อง
น่าแปลกก็ตรงที่ว่าใครก็ตามที่ซื้อซีดีหรือโปรแกรมที่ไม่ได้รับอนุญาต เขาจะถูกชี้หน้าทันทีว่าเป็นขโมย แต่แล้วเมื่อนายทุนไม่ยอมจ่ายภาษีทั้งๆ ที่เป็นสิทธิประโยชน์ที่ประเทศควรได้รับ กลับไม่ถือว่าเป็นการขโมย อะไรทำให้เกิดความแตกต่างได้ขนาดนั้น คำตอบก็คือ ศีลธรรมทุกวันนี้นายทุนเข้ามามีส่วนกำหนดอย่างสำคัญ ในเมื่อการซื้อซีดีหรือโปรแกรมที่ไม่ได้รับอนุญาต ทำให้นายทุนขาดรายได้มหาศาล เขาจึงกำหนดให้การกระทำดังกล่าวเป็นการขโมยอย่างหนึ่ง ในขณะที่การหนีภาษีหรือการกดค่าแรงคนงานในโรงงานนั้นไม่ได้ทำให้เขาสูญเสียประโยชน์ จึงไม่ถือว่าเป็นการขโมย
เห็นได้ชัดว่าทุกวันนี้ศาสนาตามไม่ทันอำนาจเงิน เป็นเหตุให้ศีลธรรมไม่สามารถตามอธรรมได้ทัน หากเป็นเช่นนี้เรื่อยไป ก็ไม่มีหวังว่าศีลธรรมจะกลับมาได้ ดังนั้น สิ่งที่ควรทำอย่างเร่งด่วนคือการพัฒนาระบบศีลธรรมให้เท่าทันอธรรม ด้วยการสร้างบรรทัดฐานทางศีลธรรมอย่างสมสมัย ไม่ว่าจะคอร์รัปชั่นด้วยวิธีซับซ้อนเพียงใด เช่น คอร์รัปชั่นแบบบูรณาการ หรือคอร์รัปชั่นเชิงนโยบาย หรือไม่ว่าจะหนีภาษีด้วยวิธีใด ซุกหุ้นในชื่อคนใช้ โอนหุ้นกลับไปกลับมาหรือเปลี่ยนมือผู้ถือครองกี่ขั้นตอนก็ตาม แม้จะถูกกฎหมาย (เพราะเขียนโดยเหล่าอธรรม) ก็ยังถือว่าผิดศีลธรรมอยู่ดี ไม่มีวันถูกต้องชอบธรรมไปได้ กล่าวอีกนัยหนึ่งคือไม่ว่าอธรรมจะซิกแซ็กไปตามซอกเล็กซอกน้อยเพียงใดก็ตาม แต่เมื่อมันปรากฏตัวสู่สาธารณะ ศีลธรรมหรือศาสนาก็สามารถตามทันและชี้หน้ามันได้ทันทีว่าเป็นสิ่งผิดศีลธรรม
การสร้างบรรทัดฐานทางศีลธรรมนั้น มิอาจกำหนดโดยใครคนใดคนหนึ่ง หากแต่ต้องอาศัยฉันทามติของสังคม หรืออย่างน้อยก็ต้องช่วยกันผลักดันให้เป็นสำนึกร่วมของคนทั้งสังคม การเทศนาบนธรรมาสน์หรือสั่งสอนในชั้นเรียนเป็นวิธีการหนึ่ง แต่ที่สำคัญไม่น้อยไปกว่ากันก็คือการสร้างความตื่นตัวให้แก่สังคมทุกครั้งที่มีการทำสิ่งที่ผิดศีลธรรมขึ้นมา กรณีซุกหุ้นและไม่จ่ายภาษีของครอบครัวนายกรัฐมนตรีเป็นเหตุการณ์ที่บั่นทอนศีลธรรมของสังคมไทยอย่างร้ายแรง หากปล่อยให้ผ่านเลยไป ย่อมกลายเป็นบรรทัดฐานที่เลวร้ายของสังคมไทยไปอีกนาน และนั่นหมายถึงชัยชนะของอธรรมพอๆ กับที่เป็นความพ่ายแพ้ของศีลธรรม
ด้วยเหตุนี้การลุกขึ้นมาคัดค้านการกระทำดังกล่าวจึงเป็นสิ่งที่จำเป็นสำหรับการพยายามฟื้นฟูศีลธรรมให้กลับมา นี่คือโอกาสสำหรับการสร้างบรรทัดฐานทางศีลธรรมให้เข้มแข็งและสมสมัย แต่จะทำเช่นนั้นได้ข้อสำคัญก็คือการคัดค้านนั้นจะต้องเป็นไปอย่างถูกต้องตามหลักศีลธรรมด้วย กล่าวคือตั้งมั่นในสัจจะ ไม่โกหกใส่ร้าย หรือใช้กลอุบายทุกอย่างเพื่อให้ได้ชัยชนะ พึงมีขันติธรรมและเมตตาธรรมต่อผู้ที่เห็นต่างไปจากตน ไม่มองเขาเป็นศัตรู ไม่ว่าจะเห็นต่างกันเพียงใด เราก็เป็นเพื่อนร่วมชาติและเพื่อนมนุษย์ พึงมั่นคงในสันติวิธี หลีกเลี่ยงความรุนแรงไม่ว่าโดยวาจาและการกระทำ ด้วยวิธีนี้เท่านั้นที่พลังทางศีลธรรมจะกลับมาเข้มแข็งและนำสังคมไทยไปสู่สันติสุขอย่างแท้จริง
...........................................................
หนังสือพิมพ์มติชน รายวัน หน้า 6
คอลัมน์ มองอย่างพุทธ
วันที่ 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2549 ปีที่ 29 ฉบับที่ 10214
_________________
-- การให้ธรรมเป็นทาน ชนะการให้ทั้งปวง --
แก้ไขล่าสุดโดย admin เมื่อ 21 ม.ค. 2007, 11:40 am, ทั้งหมด 4 ครั้ง
ลูกโป่ง
บัวแก้ว
เข้าร่วม: 01 ส.ค. 2005
ตอบ: 4089
ตอบเมื่อ: 16 มี.ค.2006, 3:09 pm
อนุโมทนาบุญค่ะ...คุณ admin
"ถ้าศีลธรรมไม่กลับมา โลกาจะวินาศ"
แสดงเฉพาะข้อความที่ตอบในระยะเวลา:
แสดงทั้งหมด
1 วัน
7 วัน
2 สัปดาห์
1 เดือน
3 เดือน
6 เดือน
1 ปี
เรียงจากเก่า-ใหม่
เรียงจากใหม่-เก่า
:: ลานธรรมจักร ::
»
บทความธรรมะ
ไปที่:
เลือกกลุ่ม บอร์ด
กลุ่มสนทนา
----------------
สนทนาธรรมทั่วไป
แนะนำตัว
กฎแห่งกรรม
สมาธิ
ฝึกสติ
การสวดมนต์
การรักษาศีล-การบวช
ความรัก-ผูกพัน-พลัดพลาก
กลุ่มข่าวสาร-ติดต่อ
----------------
ข่าวประชาสัมพันธ์
ธรรมทาน
รูปภาพ-ประมวลภาพกิจกรรมต่างๆ
สำหรับนักเรียน นักศึกษา ขอความรู้ทำรายงาน
แจ้งปัญหา
รูปภาพในบอร์ด
กลุ่มสาระธรรม
----------------
หนังสือธรรมะ
บทความธรรมะ
นิทาน-การ์ตูน
กวีธรรม
นานาสาระ
ต้นไม้ในพุทธประวัติ
วิทยุธรรมะ
ศาสนสถานและศาสนพิธี
----------------
สถานที่ปฏิบัติธรรม
วัดและศาสนสถาน
พิธีกรรมทางศาสนา
พุทธศาสนบุคคล
----------------
พระพุทธเจ้า
ประวัติพระอสีติมหาสาวก
ประวัติเอตทัคคะ (ภิกษุณี, อุบาสก, อุบาสิกา)
สมเด็จพระสังฆราชไทย
ประวัติและปฏิปทาของครูบาอาจารย์
ในหลวงกับพระสุปฏิปันโน
อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
คุณ
ไม่สามารถ
สร้างหัวข้อใหม่
คุณ
ไม่สามารถ
พิมพ์ตอบ
คุณ
ไม่สามารถ
แก้ไขข้อความของคุณ
คุณ
ไม่สามารถ
ลบข้อความของคุณ
คุณ
ไม่สามารถ
ลงคะแนน
คุณ
สามารถ
แนบไฟล์ในกระดานข่าวนี้
คุณ
สามารถ
ดาวน์โหลดไฟล์ในกระดานข่าวนี้
เลือกบอร์ด •
กระดานสนทนา
•
สมาธิ
•
สติปัฏฐาน
•
กฎแห่งกรรม
•
นิทานธรรมะ
•
หนังสือธรรมะ
•
บทความ
•
กวีธรรม
•
สถานที่ปฏิบัติธรรม
•
ข่าวกิจกรรม
นานาสาระ
•
วิทยุธรรมะ
•
เสียงธรรม
•
เสียงสวดมนต์
•
ประวัติพระพุทธเจ้า
•
ประวัติมหาสาวก
•
ประวัติเอตทัคคะ
•
ประวัติพระสงฆ์
•
ธรรมทาน
•
แจ้งปัญหา
จัดทำโดย กลุ่มเผยแผ่หลักคำสอนทางพระพุทธศาสนา ธรรมจักรดอทเน็ต
เพื่อส่งเสริมคุณธรรม และจริยธรรมในสังคม
เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2546
ติดต่อ
webmaster@dhammajak.net
Powered by
phpBB
© 2001, 2002 phpBB Group :: ปรับเวลา GMT + 7 ชั่วโมง
www.Stats.in.th