...หรือว่าธรรม(ดา)...

ผู้เยี่ยมชม

.........

..อันชีวิตคิดตรองต้องฉงน..............คงคอยค้นไขว่คว้าคิดความหมาย

หลากหลายเรื่องล้ำลึกและเรียงราย...คิดคลี่คลายหายฉงนไม่พ้นงง

แม้มุ่งมาดมืดมนมิเหมือนหมาย........ต่างวุ่นวายหวั่นจิตพิศวง

ทำถักถ้อยทอพจน์เพื่อปลดปลง.......ก็ยังคงแคลงคน วก วนใจ

ให้หุนหันหดหู่หนหวนหา................อัน"ธรรมา"หมายถึงซึ่งสิ่งไหน

มุ่งหมายเหมาเมียงมองหมวดหมู่ใด....ให้เข้าใจในคำของธรรมา

หรือมองเหมาเอาของทุกผองสิ่ง......มองแน่นิ่งแน่วเน้นนึกเฟ้นหา

หรือว่าหยุดสุดแต่กรรมจะนำพา.......ปล่อยชีวาเลื่อนไหลดุจสายธาร

นึกพินิจพิศถ้อยเรียงร้อยเรื่อง........แปร่งแปร่งเปรื่องแปรปรับคำขับขาน

ดั่งดวงแดเดียวดายดูดักดาน..........เกิดอาการกลืนเก็บก่อนกรุยกลอน

เป็นมนุษย์สุดประเสริฐเลิศแล้วหรือ..หรือมีชื่อเพียงแต่แค่อักษร

มีขอบเขตแค่ไหนให้สังวรณ์...........ส่อสะท้อนเฉกเช่นว่าเป็นคน

..ทั้งกายใจรายล้อมเรื่องรุมเร้า........บ้างก็เศร้าบ้างก็สุขสุดสับสน

หวาดหวั่นไหวเหว่ว้าวุ่นวายวน........ติดตามตนแต่ต้นคงตราบตาย..ฯ

ตั้งสติตรึกตรองสมองตื่น..............อารมณ์รื่นชื่นบานไม่นานหาย

ทั้งความเศร้าตั้งไม่นานพลันมลาย..ดูเหมือนหมายคล้ายสองจ้องโรมรัน

จ้องปรับเปลี่ยนแปรผันมาบั่นจิต.....จึงมีสิทธิ์โศกเศร้าและสุขสันต์

หรือเพียงใจนั้นเล่ารู้เท่าทัน...........ฝืนฝ่าฟันฝึกฝนอดทนเอย....

.......

...น้อมรับคำชี้แนะ..

ตอบเมื่อ: 12 ม.ค. 2006, 2:26 am

ธรรมนั้นหนาเคลื่อนไหวอยู่เป็นนิจ

ไม่ใช่ติดนั่งหลับตามายาหลอน

จะยืน เดิน นอน นั่ง พึงสังวรณ์

เพียงกล่าวกลอนย้อนกลับดูจิตตน

ไม่มีดีไม่มีชั่วกลัวต่ำสูง

เช่นยางยูงหลากสีในไพรสนท์

เพียงธาตุรู้อย่างเดียวไม่เลี้ยววน

จิตวุ่นวกว่างปนฉงนตาม

สัจธรรมทุกชีวิตนั้นมีอยู่

หากอ่านรู้กายจิตในไร้ครั่นคร้าม

อิริยาบทปกติสติตาม

ล้วนงดงามรู้จักธรรมแห่งตนเอง

ธรรมะสวัสดี คุณกเว็น

มณี ปัทมะ ตารา