Home  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  •  สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทาน  • หนังสือ  •  บทความ  • กวีธรรม  • ข่าวกิจกรรม  • แจ้งปัญหา
คู่มือการใช้คู่มือการใช้  ค้นหาค้นหา   สมัครสมาชิกสมัครสมาชิก   รายชื่อสมาชิกรายชื่อสมาชิก  กลุ่มผู้ใช้กลุ่มผู้ใช้   ข้อมูลส่วนตัวข้อมูลส่วนตัว  เช็คข้อความส่วนตัวเช็คข้อความส่วนตัว  เข้าสู่ระบบ(Log in)เข้าสู่ระบบ(Log in)
 
ได้ทำการย้ายไปเว็บบอร์ดแห่งใหม่แล้ว คลิกที่นี่
www.dhammajak.net/forums
15 ตุลาคม 2551
 พุทธวิธีเตรียมตัวก่อนตาย (หลวงพ่อจรัญ ฐิตธมฺโม) อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
ผู้ตั้ง ข้อความ
ลูกโป่ง
บัวแก้ว
บัวแก้ว


เข้าร่วม: 01 ส.ค. 2005
ตอบ: 4089

ตอบตอบเมื่อ: 21 ธ.ค.2005, 5:40 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

Image

พุทธวิธีเตรียมตัวก่อนตาย
โดย พระธรรมสิงหบุราจารย์
(หลวงพ่อจรัญ ฐิตธมฺโม)



ขอเจริญพรท่าน ดร.พินิจ รัตนกุล ผู้อำนวยการศูนย์ศาสนศึกษา
มหาวิทยาลัยมหิดล พร้อมด้วยบรรดาญาติพี่น้องผู้ใคร่ธรรมสัมมาปฏิบัติทุกท่าน
อาตมาขออนุโมทนาแก่ท่าน ดร.พินิจ รัตนกุล
ที่มองเห็นการณ์ไกลนิมนต์อาตมาให้บรรยายเรื่อง

“พุทธวิธีเตรียมตัวก่อนตาย” เป็นหัวข้อที่ดีมาก
ไม่มีใครคิดขึ้นมา คิดมองกันแต่ข้างหน้า
ไม่มองย้อนกลับข้างหลัง ท่านทั้งหลายโปรดพิจารณา
โลกกำลังจะแตกแล้ว ขาดความสามัคคี หาความพอดีไม่ได้
เดินสวนทางกันหมดแล้ว
ประเทศจะเหมือนเมื่อ พ.ศ. ๒๓๑๐
สมัยกรุงศรีอยุธยาราชธานีที่ผ่านมา
ปัจจุบันโลกเจริญมาก แต่จิตใจเลวที่สุด
เดี๋ยวนี้เด็กติดยาเสพติดกันมาก
เด็กไม่เรียนหนังสือกันเป็นเพราะเหตุประการใด

ท่านผู้เป็นบิดามารดาโปรดพิจารณาด้วย
ถ้าท่านเป็นบิดามารดาไม่ได้ดูลูกเลยจะเสียใจต่อภายหลัง
นี่เป็นความสำคัญของชีวิตในระยะกลาง
อย่าให้ลูกอยู่ว่าง อย่าให้ห่างผู้ใหญ่ จะหลงทางได้ง่าย
ท่านเตรียมตรงนี้หรือยัง
จะไปเตรียมตอนแก่แล้วจึงเข้าวัดจะเกิดประโยชน์ไหม
เข้าวัดตอนแก่จะเข้าไปทำไม ควรจะเตรียมตัวตั้งแต่เป็นเด็ก

ธรรมจักร ธรรมจักร ธรรมจักร

(มีต่อ 1)
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวชมเว็บส่วนตัว
ลูกโป่ง
บัวแก้ว
บัวแก้ว


เข้าร่วม: 01 ส.ค. 2005
ตอบ: 4089

ตอบตอบเมื่อ: 21 ธ.ค.2005, 5:49 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

เตรียมตัวตั้งแต่เด็กเตรียมอย่างไร

พ่อแม่ควรสอนลูกหลานตั้งแต่ยังเด็กจะมีวิธีการสอนอย่างไร
เมื่อ ๑๕ ปีมาแล้ว อาตมาไปพูดที่โรงเรียนอนุบาลจังหวัดสระบุรี
เด็กเล็กๆ ทั้งนั้น เขาก็เกรงว่าเด็กจะสนใจฟังได้แค่ ๕ นาที
ถ้าเลยกว่านี้ต้องซนอยู่ไม่ได้
แต่ปัญหาอยู่ที่ว่าทำอย่างไรจึงจะทำให้เด็กอนุบาลอยู่ฟังได้ถึง ๓ ชั่วโมง
อาตมาคิดว่า เด็กชอบอะไร เด็กเป็นอะไร
นึกได้ว่าเด็กก็เหมือนปลาต้องมีเหยื่อล่อ
อาตมาจึงเตรียมพร้อมโดยเตรียมปัจจัยใส่ซองไปห้าพันบาท ซองละ ๑๐ บาท
นำทอฟฟี่ไป ๕ ปี๊บ มีเด็กอยู่สามพันคน
เริ่มรายการก็แจกทอฟฟี่ก่อน เด็กก็ไม่พูด
พอได้ ๕ นาทีก็จุดธูปเทียนบูชาพระแล้วรับศีล
อาตมาใช้วิธีบรรยายถาม – ตอบ ไม่ใช้วิธีบรรยายเรื่อยไป
เด็กจะจำไม่ได้ ทำให้เด็กอยู่ฟังได้เป็นชั่วโมง

อาตมาถามว่าใครเป็นชาวพุทธยกมือขึ้น
ใครเป็นอิสลามยกมือขึ้น ใครเป็นคริสต์ยกมือขึ้น
ปรากฏว่ามีทุกศาสนา

อาตมาถามว่า “ศาสนาแปลว่าอะไร”
ให้คนที่เป็นพุทธตอบก่อนก็ตอบไม่ได้
ให้คริสต์ตอบ ก็ตอบไม่ได้
อิสลามคนหนึ่งลุกขึ้นยืนตอบทันทีว่า “ศาสนาแปลว่าคำสั่งสอนเจ้าข้า”
อาตมาจึงยื่นซองให้ไปหนึ่ง พวกก็ฮากันเลย ถ้าพูดไปเรื่อยๆ เด็กจะไม่จำ

ข้อต่อไปก็ถามว่า “คำสั่งกับคำสอนแปลว่าอะไร”
ให้พุทธตอบก็ตอบไม่ได้ คริสต์ก็ตอบไม่ได้
เด็กอิสลามคนหนึ่งยืนขึ้นบอกว่าหนูตอบเองเจ้าข้า
“คำสั่งแปลว่าวินัย คำสอนแปลว่าธรรมะ”
อาตมาจึงเรียกให้มารับซองไป ๒ ซอง
ผู้ใหญ่ยังตอบไม่ได้ แต่อิสลามตอบได้หมด
คำสั่งคือวินัย ผู้บังคับบัญชา ผู้บังคับบัญชาสั่ง นี่คือวินัย
คำสอนนั้นเป็นหลักธรรม
ถ้าพูดอย่างนี้เด็กจะจำได้ทั้งสามพันคน
ทำไมจำได้ก็ได้ของแล้วมันตื่นเต้น
เด็กก็ชะเง้อ สนใจ สิ่งนี้เป็นเทคนิคในการสอน

อาตมาถามต่อไปอีก “ศีลคืออะไร”
อิสลามตอบได้อีก “ศีลคือปกติเจ้าข้า”
ศีลคือปกติ ทั้งสามพันคนจำได้หมด
ถ้าเรามีนโยบายชี้แจงอย่างนี้
เด็กก็จำได้และอยู่กับเราได้ถึง ๓ ชั่วโมง
คนจะปกติได้เพราะอะไร
คนจะปกติได้คนนั้นต้องมีสติสัมปชัญญะ
คนที่ขาดสติสัมปชัญญะจะไม่ปกติ
พูดไม่มีหูรูด พูดขึ้นห้วยลงเขา นี่ต้องพูดตรงไปตรงมา

ศาสนาขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้านี้ยอดพัฒนาจริงๆ
เริ่มพัฒนาจิตคน พอพัฒนาจิตแล้วคนก็อยากมีการศึกษา
อยากจะแสวงหาความรู้ เรียกว่าพัฒนาการศึกษา
พอพัฒนาการศึกษาเสร็จแล้ว
ทุกคนก็อยากจะประกอบอาชีพการงาน
พัฒนาเศรษฐกิจ ให้เศรษฐกิจดีขึ้น

ถ้าจิตใจดีแล้วก็จะพัฒนาอย่างนั้น
สุดท้ายก็พัฒนาสังคมอยู่ด้วยความเมตตาปรานี
อารีเอื้อเฟื้อ ขาดเหลือคอยดูกัน
ถ้าพัฒนาผิดที่ก็เอาดีไม่ได้
ถ้าสร้างความดีถูกสถานที่ ถูกตัวบุคคล
ถูกกาลเทศะและเสมอต้นเสมอปลาย
รับรองผู้นั้นดีแน่
ปัญหาของชีวิตคือกฎแห่งกรรม

ขอเจริญพรพี่น้องทุกคนว่า
ปัญหาชีวิตของแต่ละคนคือกฎแห่งกรรม
แก้ให้กันไม่ได้ ตัวใครตัวมัน ต้องแก้ด้วยตัวเอง
คนอื่นจะไปแก้ไขเขาก็ไม่ได้
พระพุทธเจ้าจบ ๑๘ ด๊อกเตอร์ ๑๘ ศาสตร์
เรียนมาหมดทุกอย่างแล้ว เพราะเหตุจึงต้องเสด็จบรรพชา
ท่านต้องการไปหาวิชาแก้ปัญหาชีวิต วิชาแก้ทุกข์
ต้องใช้เวลาไปเรียนวิชานี้ถึง ๖ ปี
กว่าจะได้วิชานี้มาให้เรา วิชาแก้ปัญหาชีวิต วิชาแก้ปัญหาทุกข์
แต่เรากลับเอาไปทิ้ง ไม่เคยมีใครนำมาใช้เลย
มีแต่สร้างความทุกข์หาความสนุกในสังคมเท่านั้น

ผู้ที่มีทุกข์มาที่วัดอัมพวันมี ๕ ประการ ได้แก่
๑. ครอบครัวไม่มีความสุข
๒. ผิดหวังในชีวิต แก้ปัญหาไม่ได้
ผูกคอตาย ฆ่าตัวตาย เป็นโรคทันสมัยกันมาก
โรคทันสมัยก็คือโรคประสาท

๓. ลูกไม่เรียนหนังสือ อย่างนี้อย่าโทษเด็ก
เด็กติดยาเสพติดอย่าไปโทษเด็ก
อาตมาโทษแม่ แม่ไม่ดี แม่แบบ แม่แผน แม่แปลนใช้ไม่ได้
แม่บ้านการเรือนเคหศาสตร์ไม่ดี
ถ้าแม่บ้านการเรือนเคหศาสตร์ดี
สามีจะเจ้าชู้หรือเล่นการพนันก็ไม่เป็นไร
แม่บ้านเอาลูกไว้ได้แน่นอน ลูกได้ดีหมดทุกคน
อาตมาจึงเขียนขึ้นมาว่า กันอยู่ที่แม่ แก้อยู่ที่พ่อ
ก่ออยู่ที่ลูก ปลูกอยู่ที่ครู ความรู้อยู่ที่ศิษย์ จะได้เป็นมิตรกัน

๔. เศรษฐกิจไม่พอปากพอท้อง นี่แหละปัญหามันเกิดขึ้น
เป็นหนี้สินกันไม่มีปัญญาจะใช้หนี้ เป็นกฎแห่งกรรม
โดนล้มละลายเป็นแถว เพราะอะไร จะแก้อย่างไร
เตรียมตัวอย่างไร น่าจะคิดตรงนี้ก่อน

๕. มีแล้วยังไม่พอ ตะเกียกตะกายไปยากจนหมดเงินหมดทอง
สิ้นเนื้อประดาตัว เดินทางผิด กฎจราจรผิด
ก้าวพลาดก้าวผิดตลอดไป ชีวิตจึงไร้สาระมีปัญหาอย่างนี้
ท่านจะแก้อย่างไร

ถ้าท่านไม่ศึกษา ไม่ปฏิบัติธรรม ไม่ใช้ธรรมะของพระพุทธเจ้าแล้ว
ท่านจะแก้ปัญหาไม่ได้นะ
อาตมาจึงถามเด็กว่า “หนู มหานิยมอยู่ที่ไหน”
แม่ก็ตอบไม่ได้
มหานิยมอยู่ที่มีวิชาความรู้
ถ้าลูกเราเรียนมีวิชาความรู้เป็นด๊อกเตอร์
รับรองมีคนนิยมชมชอบมาก ตรงนี้เป็นมหานิยม
ไม่ใช่ไปให้พระเป่าหัว ไปรดน้ำมนต์วัดโน้นวัดนี้

ลงเสน่ห์ ตรงนี้น่าคิดนะ
ถ้าลูกของโยมเรียนหนังสือเก่งทุกคน จบปริญญาโท
จบปริญญาเอก นี่ซิเป็นมหานิยม มีคนนิยมชมชอบมากมาย
น่าจะเตรียมตัวกันตรงนี้ ไม่ใช่ไปเตรียมตัวตอนจะตาย

นอกเหนือจากนั้นแล้ว อะไรหนอที่เป็นเสน่ห์
เสน่ห์อยู่ที่คุณธรรม ถ้าคนไหนไม่มีคุณธรรม ไร้เหตุผล
จะมีเสน่ห์ได้อย่างไร ไม่มีใครมองหน้าแน่นอน
ถ้าลูกของท่านทั้งหลายไม่เรียนหนังสือเลย
ไปไหนก็เก้อเขินไม่มีความรู้ความสามารถ
นี่เป็นคำสอนของพระพุทธเจ้า ต้องแก้ปัญหา
แต่เราไปแก้ปัญหากันผิดจุด น่าจะแก้ตรงไปตรงมา
ปากกับใจตรงกันหน่อยได้ไหม
อาตมาจึงได้สรุปความไว้ข้อหนึ่งว่า เรียนให้รู้ ดูให้จำ ทำให้จริง

ลูกนี้สำคัญมาก จะยกตัวอย่างให้เห็น
ลูกมีทั้งเมตตามหานิยมที่สิงห์บุรี เมื่อ พ.ศ.๒๕๐๐
ครอบครัวหนึ่งพ่อเป็นจับกัง แม่รับจ้างซักรีด มีลูกห้าคน
เป็นด๊อกเตอร์สามคน เป็นเถ้าแก่เนี้ยขายทองที่เยาวราชสองคน
จนแท้ๆ เพราะเหตุใด เพราะเขามีคุณธรรม มีทั้งเสน่ห์ มีทั้งมหานิยม
เรียนให้รู้ ดูให้จำ ทำให้จริง
ปฏิบัติพระกรรมฐานเป็นการแก้ปัญหา แก้กรรมของเขาได้
ขอเจริญพรว่า คนดีมีปัญหาอยู่ที่ไหนมันก็จะไปถึงที่ได้
คนเศรษฐีมหาเศรษฐีลูกไม่เอาไหนก็เยอะ แก้ปัญหาชีวิตไม่ได้
ทั้งรักทั้งแค้นทั้งแน่นในทรวง ทั้งหึงทั้งหวงหนักหน่วงในหัวใจ
จึงฆ่ารันฟันแทงกันได้ง่ายเหมือนผักปลา
ขาดสติสัมปชัญญะ ขาดเหตุผล น่าจะเตรียมพร้อมตรงนี้ก่อนตาย

ธรรมจักร ธรรมจักร ธรรมจักร

(มีต่อ 2)
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวชมเว็บส่วนตัว
ลูกโป่ง
บัวแก้ว
บัวแก้ว


เข้าร่วม: 01 ส.ค. 2005
ตอบ: 4089

ตอบตอบเมื่อ: 21 ธ.ค.2005, 5:52 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

แก้ปัญหาชีวิตด้วยการมีสติยับยั้ง

ความเข้าใจในหลักของธรรมะตามที่พระพุทธเจ้าสอน
เป็นบทความที่จะแก้ปัญหาชีวิตได้เป็นอย่างดียิ่ง
แต่แล้วเราก็ไม่ทราบว่าปัญหาของเราคืออะไร
ปัญหาของแต่ละคนไม่เหมือนกัน
เกิดจากการกระทำและกฎแห่งกรรมไม่เหมือนกัน
ลักษณะการเกิดมามีหู มีตา มีจมูก มีปาก มีฟัน
มีเพศหญิงเพศชาย เหมือนกันไม่ได้
สืบเนื่องจากการกระทำครั้งอดีตชาติแต่ชาติปางก่อน
เราเลือกเกิดไม่ได้ และเลือกตายไม่ได้เหมือนกัน
ปราสาทราชวังเขาเปิด ไม่มีใครเข้าไปเกิด
บ้านอาเสี่ยมีมากมาย ไม่มีใครเข้าไปเกิด เลือกไม่ได้
แต่ทำไมหนอคุกปิดใส่กุญแจตั้งหลายชั้น เข้าไปกันได้เป็นพัน
ไม่ทราบเข้าไปกันได้อย่างไร เป็นกฎแห่งกรรมจากการกระทำ
ของแต่ละท่านไม่เหมือนกัน

ท่านทั้งหลายเอ๋ยเวลาไม่เหมือนกัน
เราต้องเตรียมพร้อมเสียแต่วันนี้
เพื่อสัมภาระที่จะต้องทำในวันพรุ่งนี้
พระพุทธเจ้าสอนไว้ชัดเจนมาก
กฎแห่งกรรมซ้ำเติมส่งเสริมโทษเหมือนกันไม่ได้
ถ้าท่านเจริญพระกรรมฐาน
เจริญสติปัฏฐาน ๔ ท่านจะระลึกชาติได้ รู้กฎแห่งกรรม
และแก้ปัญหาที่เกิดเฉพาะหน้าได้
ท่านไม่ต้องไปหาผีเข้าเจ้าทรง แต่ท่านก็ทำไม่ได้
ตรงนี้เป็นหลักสำคัญของชีวิตของแต่ละคน
ใครมีบุญวาสนาก็จะเดินไปหาบุญวาสนาเอง
แข่งเรือแข่งพายใครก็แข่งได้ แข่งบุญวาสนาไม่ได้ก็จริง
แต่อยากถามว่า ท่านพายเรือเป็นไหม พายเรือไม่เป็นจะแข่งได้อย่างไร
ท่าต้องฝึกหัด ต้องปฏิบัติ

ธรรมจักร ธรรมจักร ธรรมจักร

(มีต่อ 3)
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวชมเว็บส่วนตัว
๛ ลูกโป่ง ๛
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 22 ธ.ค.2005, 9:23 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ไม่ได้เตรียมตัวไว้ต้องพึ่งตัวเอง

ขอเจริญพรทุกคนว่า เราต้องพึ่งตนเองช่วยตัวเอง
เตรียมตัวก่อนตายเสีย
เตรียมสวดมนต์ภาวนา พาหุงมหากาฯ แล้วเจริญพระกรรมฐาน
พระกรรมฐานแปลว่า การกระทำให้ฐานะดี
ทำให้จิตใจเบิกบาน ทำให้อายุยืน ทำให้ไม่หลงทาง
จะมีจิตเป็นกุศล ได้ผลอนันต์ เป็นหลักฐานสำคัญในชีวิตต่อไป
ณ โอกาสข้างหน้าแน่ขอเจริญพรว่าไม่มีทางอื่น
นอกเหนือจากพระกรรมฐานเท่านั้น
พระกรรมฐานแก้กรรมได้แน่ ถ้าท่านทำได้

หายใจยาวๆ เข้าไว้ อย่าหายใจสั้น จะแก้ปัญหาได้
เวลาโกรธไม่สบายใจ ให้หายใจยาวๆ กำหนดโกรธหนอที่ลิ้นปี่
ซึ่งอยู่ระหว่างกึ่งกลางจมูกกับสะดือ เป็นการชาร์ทไฟเข้าหม้อแบตเตอรี่
หายใจยาวๆ อย่าหายใจสั้น ถ้าหายใจสั้นท่านจะแก้ปัญหาไม่ได้
ท่านจะวูบเดียวขาดสติ หายใจช้าๆ ช้าเพื่อไว เสียเพื่อได้
ถ้าหากท่านโกรธ อย่าให้ความโกรธค้างคืน
อารมณ์ค้างจะทำให้มีปัญหาตอนเช้า
ถ้าท่านเป็นครูอาจารย์จะสอนไม่ได้ดี
ถ้าท่านเป็นนักธุรกิจการค้าท่านจะค้าขายไม่ดี
ถ้าท่านผู้พิพากษาจะตัดสินให้เขาติดคุก
ไม่มีการลดโทษแต่ประการใด ก่อให้เกิดผลเสีย

วิธีแก้ กำหนดโกรธหนอที่ลิ้นปี่ หายใจยาวๆ
ตั้งสติไว้จะหายโกรธทันที
ท่านจะได้คิด ท่านจะมีโอกาสทำงานได้อีก
นั่งเขียนหนังสือที่โต๊ะเกิดไม่สบายใจ
กำหนด “ไม่สบายใจหนอ” ที่ลิ้นปี่เดี๋ยวนี้เลย ไม่ต้องไปวัด
รับรองหายแน่ภายใน ๕ นาที และจะมีสติปัญญาครบด้วย
นี่เป็นการเตรียมตัวที่ดีที่สุดในระยะที่ชีวิตใกล้จะตาย

ธรรมจักร ธรรมจักร ธรรมจักร

(มีต่อ 4)
 
๛ ลูกโป่ง ๛
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 22 ธ.ค.2005, 9:30 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

เตรียมตัวก่อนตายด้วยการฝึกเจริญพระกรรมฐาน

คนใกล้จะตายจะมี นิมิตกรรม ขึ้นมาบอกให้เราทราบ
รียกว่า กรรมนิมิต คตินิมิต
บางคนก็ชักดิ้นชักงอ บางคนก็ชกโน่นชกนี่ตลอดรายการ
บางคนตาเหลือก บางคนยิ้มแย้มแจ่มใสเพราะฝึกสติปัฏฐาน ๔
เขาเตรียมตัวก่อนตายด้วยการฝึกเจริญพระกรรมฐาน
ถ้าใครไม่เจริญพระกรรมฐานจะไม่มีทางแน่นอน พูดอย่างไรก็ไม่ได้ผล

อาตมาเคยประสบมาหลายครั้ง เวรกรรมตามสนอง
ถ้าใครมีปาณาติบาตติดมา ๖๐ เปอร์เซ็นต์
รับรองว่าเป็นอัมพาตแน่นอน
อาตมาเคยหักคอนกเมื่อตอนอยู่ชั้นมัธยม ๓ สติบอกว่า
วันที่ ๑๔ ตุลาคม ๒๕๒๑ เวลา ๑๒.๔๕ น.
ท่านจะถูกรถชนคอหักตาย ด้วยเดชะที่เป็นพระ
อาตมาคอหักแต่ไม่ตาย หายใจทางสะดือได้
ไม่ต้องรอชาติหน้า ชาตินี้เห็นทันตาแล้ว

ท่านอย่าเข้าใจผิดว่า สร้างความดีแล้วเวรกรรมไม่ตามสนอง
ยิ่งสร้างความดียิ่งกรรมมาซัด มารไม่มี บารมีไม่เกิด
สร้างความดีต้องมีอุปสรรค
เพราะเหตุใด ต้องมีอุปสรรคแน่นอน
คือ กรรมมาทวงหนี้ สร้างความดีต้องลงทุนความลำบากได้

ท่านสาธุชนทั้งหลาย อาตมาโดนคอหัก แขนหัก
ฟ้าผ่าที่กุฏิ รับกรรมไปในชาตินี้ สร้างความดีกรรมมาทวงเลย
ถ้าไม่สร้างกรรมดีสร้างแต่กรรมชั่ว จะไปทวงก่อนท่านตาย
จะเห็นผลทันตา ตายอย่างกรรมนิมิต
นิมิตที่แปลงมาบอกชัดด้วย
ท่านที่ไม่ได้เจริญพระกรรมฐานจะไม่ทราบเลยนะว่า
กรรมนิมิตมาแล้วจะต้องตาย

ยกตัวอย่าง โยมสุ่ม ทองยิ่ง
อาตมารู้ว่าจะต้องตายภายใน ๓ ชั่วโมง เลยเทศน์ให้ฟัง
เทศน์จบเขาเดินกลับกุฏิ อาเจียนออกมาเป็นเลือดแล้วก็ตาย
เขาเข้าผลสมาบัติไปทันที เพราะเตรียมไว้แล้ว
อาตมาเคยสอนพระกรรมฐานแก่โยมคนนี้
เมื่อสมัยยังเป็นสาวอายุ ๓๘ ปี
ตอนตายอายุ ๘๔ ปี ๖ เดือน เมื่อ พ.ศ. ๒๕๒๖

โยมสุ่มเป็นโรคมะเร็งระยะสุดท้าย จะต้องตาย
นายแพทย์บอกว่าหลวงพ่อ ปอดหมดแล้ว
อาตมาจึงรับมาอยู่ที่วัด บอกให้เจริญพระกรรมฐานต่อไปก็หายวันหายคืน
เขาช่วยตัวเอง อาตมาไม่ได้ไปเสกเป่าแต่ประการใด
อยู่มาได้ ๑๕ ปี หมดเวลาแล้วจะต้องเดินทางต่อไป
เขาก็รู้ตัว อาตมาก็เทศน์ให้ฟังเรื่องปฐมวัย มัชฌิมวัย
ปัจฉิมวัย พอ ๓ ชั่วโมง เขาก็ตายจากโลกไป

ถ้ามีกรรมติดมา เราจะรู้ได้จากการเจริญพระกรรมฐาน
อทินนาทานติดมา ๖๐ เปอร์เซ็นต์
จะต้องถูกปล้น ถูกไฟไหม้บ้าน โดนจี้ โดนโกง

กาเมสุมิจฉาจารติดมา ๖๐ เปอร์เซ็นต์ มีสามีเป็นของเขาหมด
มีภรรยามีชู้หมด มีลูกเอาดีไม่ได้ จะเสียหายทั้งครอบครัว ถ้าท่านไม่แก้

แต่ถ้าท่านมาเจริญพระกรรมฐานจะแก้กรรมนี้ได้ มุสาวาท
หลอกลวงโลกหวังเอาลาภติดมา ๖๐ เปอร์เซ็นต์ ท่านจะโดนหลอกโดนโกงตลอด

สุราเมรัยติดมา ๖๐ เปอร์เซ็นต์ คนนั้นจะประสาทไม่ดี จะเป็นโรคประสาท
ท่านเตรียมตัวแก้กรรมก่อนตายหรือยัง ถ้าท่านไม่แก้กรรมนั้นก็ติดค้างสนองท่านไปเรื่อยๆ
ท่านจะต้องรับกรรมต่อไป

ขอสรุปว่า
ความสำคัญของชีวิตนั้นเริ่มตั้งแต่ต้น เริ่มทำให้ชีวิตมีค่า
เวลาของท่านจะมีประโยชน์ต่อไป ใครหนอจะทำเวลาแค่วินาทีเดียวให้มีค่าได้
ต้องมีความดีมาแล้วต้องเตรียมการมาก่อน ไม่ใช่มาเตรียมก่อนจะตาย


ธรรมจักร ธรรมจักร ธรรมจักร

(มีต่อ 5)
 
ลูกโป่ง
บัวแก้ว
บัวแก้ว


เข้าร่วม: 01 ส.ค. 2005
ตอบ: 4089

ตอบตอบเมื่อ: 22 ธ.ค.2005, 9:32 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

วิชาความรู้ติดตัวหลังตายหรือไม่

มีด๊อกเตอร์คนหนึ่งชื่อ ดร.กฤช เป็นเพื่อนของอาตมาตั้งแต่ ม.๖ ที่สิงห์บุรี อาตมาช่วยส่งเขาเรียนเพราะเขาไม่ค่อยมีเงินเรียนจบปริญญาตรีแล้วไปต่อปริญญาโทที่กรุงเทพฯ อาตมาให้เงินเขาไปเรียน ๔๐๐ บาทสมัยก่อน เมื่อสมัยก่อนข้าวเกวียนละ ๘๐ บาท จบปริญญาโทแล้วไปต่อปริญญาเอกที่กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส กลับมามีภรรยาอยู่ที่ธนบุรี มีลูก ๓ คน ต่อมาตาย แล้วมาเกิดเป็นลูกคนจีนอยู่ที่ตรอกจันทน์ ยานนาวา

เด็กคนนี้ อายุ ๑๑ ขวบ เกิดระลึกชาติได้ ให้แม่พามาหาอาตมาที่สิงห์บุรี เมื่อ พ.ศ. ๒๕๐๐ บอกว่าจะไปหาเพื่อนที่บวช แม่เขาก็ว่าลูกเขาเป็นโรคประสาท เขาเล่าเหตุการณ์ให้ฟังหมด เขาบอกให้ พาไปที่บ้านภรรยา พาไปขอวิทยานิพนธ์ ๓ เล่ม ซึ่งเขียนเป็นภาษาฝรั่งเศสทั้งหมดแล้วเขาก็มาศึกษาเอาเอง เดี๋ยวนี้อยู่ที่ประเทศญี่ปุ่น

ท่านทั้งหลายเอ๋ย วิชาเอาติดตัวไปได้แน่นอน สมบัติเอาไปไม่ได้ มีลูกมีหลานให้เรียนหนังสือไว้ให้ได้เป็นด๊อกเตอร์ให้ได้ ตายแล้วเอาไปได้แน่ ถ้าเรียนเก่งมาก รับรองว่าชาติก่อนเรียนมาแล้ว เตรียมลูกหลานให้เรียนวิชาไว้ให้ได้ก่อน เป็นบัณฑิตแล้วจะทำได้ทุกอย่าง ชอบตรงไหนก็ทำตรงนั้น

ธรรมจักร ธรรมจักร ธรรมจักร

(มีต่อ 6)
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวชมเว็บส่วนตัว
ลูกโป่ง
บัวแก้ว
บัวแก้ว


เข้าร่วม: 01 ส.ค. 2005
ตอบ: 4089

ตอบตอบเมื่อ: 22 ธ.ค.2005, 9:35 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ตายด้วยโทสะเป็นอย่างไร

สามีภรรยาสองคนเป็นนายแพทย์และแพทย์หญิงมารอพบอาตมา สามีก็เข้าใจว่าภรรยามีชู้ ภรรยาก็เข้าใจว่าสามีมีชู้ ต่างคนต่างโทษกัน อาตมาก็บอกว่า อย่าโทษกันเลยเชื่ออาตมาเถอะ คนจะตายจะไมยอมเชื่อเหลือเวลาอีกชั่วโมงครึ่งจะต้องตาย และตายโหงด้วย

อาตมาบอกให้รับประทานข้าวกันก่อนนะ ทำอารมณ์ดีๆ ไว้รับประทานข้าวแล้วค่อยไป เขาก็ไม่รับประทาน ทั้งๆ ที่ยังไม่ได้รับประทานข้าวตั้งแต่เมื่อวาน เขาไม่เคยเจริญพระกรรมฐานเลย อาตมามองดู “เห็นหนอ” เงาหัวไม่มีแล้วต้องตายทั้งคู่ ต้องเป็นอสุรกาย เวลาจะหมดแล้ว อาตมาก็พูดไม่ได้ ได้แต่ถ่วงเวลาให้เขาไปรับประทานข้าว เขาก็ไม่ยอมรับประทาน ไม่ยอมเชื่ออาตมา จำไว้เลยนะ คนจะตายไม่ยอมเชื่อ

เขาก็ขึ้นรถเบนซ์จะขับไปนครสวรรค์ อาตมาก็นึกว่าคู่นี้ไม่ได้กลับแน่ ต้องตายกลางทางด้วยอำนาจโทสะอย่างแรง ตายไม่ดีเลย ไม่ใช่รถชนตายกลางถนนแล้วไม่ดี เขามีสติดี ขึ้นรถได้ก็ทะเลาะกัน ตั้งแต่ออกจากวัด

ข้อเท็จจริงเขาไม่ได้มีชู้กันเลย เพื่อนของเพื่อนที่เป็นหุ้นส่วนกันยุให้แตก เมื่อขับรถไปถึงตากฟ้า อำเภออินทร์บุรี เขาก็บอกกันว่า เอาละเรามาตายทั้งคู่นะ อย่าอยู่เลย แล้วก็พุ่งรถเข้าประสานงากับรถซุง รถซุงยาวๆ ชนก็ต้องตาย เดี๋ยวนี้ก็ยังยืนอยู่ตรงนั้น เป็นอสุรกายดุร้ายมาก รถคว่ำตายกันเรื่อยเลย

เราเข้าใจผิดว่า ตายตรงไหนก็ไปเชิญวิญญาณกลับถึงจะมาได้ ข้อเท็จจริงไม่ใช่ ตายด้วยอำนาจโทสะต้องอยู่ตรงนั้นก่อน ไม่ต้องสังฆทาน ถ้าเป็นญาติก็นั่งเจริญพระกรรมฐานแผ่ส่วนกุศลให้ เหมือนฆ่าตัวตาย ถ้าไม่นั่งเจริญพระกรรมฐานให้จะไม่ได้ ถ้าบุญเก่ามี ต้องหมดเวรหมดกรรมแล้วจึงไปหาบุญ

สรุป ร่างกายของคนเรามีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา
ตั้งแต่เด็กเปลี่ยนไปเรื่อยๆ เรียกว่าตายจริง
ส่วนที่หมดลมหายใจนั้นเป็นการตายสมมติ
จิตเคลื่อนย้ายออกจากร่าง มีบาป บุญ ติดตัวไป
จิตเกิด ดับ ตลอดซับซ้อนเป็นกฎแห่งกรรม
การเตรียมตัวก่อนตายต้องเตรียมตั้งแต่เดี๋ยวนี้
เตรียมสอนลูกหลานให้เรียนหนังสือหาวิชาความรู้ใส่ตัว
สอนลูกหลานให้มีคุณธรรมประจำจิต
หมั่นเจริญกุศลภาวนา ฝึกสติปัฏฐาน ๔
สามารถรู้กฎแห่งกรรมของตนเอง
จะได้แก้ไขปัญหาของชีวิต และพึ่งพาตนเองได้
มองย้อนหลังกลับไปดูพ่อแม่
และสนองคุณแก่ผู้มีพระคุณ
เป็นการเตรียมตัวก่อนตายอย่างดีที่สุด


ธรรมจักร ธรรมจักร ธรรมจักร


>>>>> จบ >>>>>


คัดลอกจาก ::
หนังสือกฎแห่งกรรม เล่ม 12
หลวงพ่อจรัญ ฐิตธมฺโม วัดอัมพวัน จ.สิงห์บุรี
http://www.jarun.org
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวชมเว็บส่วนตัว
แสดงเฉพาะข้อความที่ตอบในระยะเวลา:      
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
 


 ไปที่:   


อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
คุณไม่สามารถสร้างหัวข้อใหม่
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ
คุณไม่สามารถแก้ไขข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลบข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลงคะแนน
คุณ สามารถ แนบไฟล์ในกระดานข่าวนี้
คุณ สามารถ ดาวน์โหลดไฟล์ในกระดานข่าวนี้


 
 
เลือกบอร์ด  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  • สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทานธรรมะ  • หนังสือธรรมะ  • บทความ  • กวีธรรม  • สถานที่ปฏิบัติธรรม  • ข่าวกิจกรรม
นานาสาระ  • วิทยุธรรมะ  • เสียงธรรม  • เสียงสวดมนต์  • ประวัติพระพุทธเจ้า  • ประวัติมหาสาวก  • ประวัติเอตทัคคะ  • ประวัติพระสงฆ์  • ธรรมทาน  • แจ้งปัญหา

จัดทำโดย  กลุ่มเผยแผ่หลักคำสอนทางพระพุทธศาสนา ธรรมจักรดอทเน็ต
เพื่อส่งเสริมคุณธรรม และจริยธรรมในสังคม
เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2546
ติดต่อ webmaster@dhammajak.net
Powered by phpBB © 2001, 2002 phpBB Group :: ปรับเวลา GMT + 7 ชั่วโมง