Home  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  •  สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทาน  • หนังสือ  •  บทความ  • กวีธรรม  • ข่าวกิจกรรม  • แจ้งปัญหา
คู่มือการใช้คู่มือการใช้  ค้นหาค้นหา   สมัครสมาชิกสมัครสมาชิก   รายชื่อสมาชิกรายชื่อสมาชิก  กลุ่มผู้ใช้กลุ่มผู้ใช้   ข้อมูลส่วนตัวข้อมูลส่วนตัว  เช็คข้อความส่วนตัวเช็คข้อความส่วนตัว  เข้าสู่ระบบ(Log in)เข้าสู่ระบบ(Log in)
 
ได้ทำการย้ายไปเว็บบอร์ดแห่งใหม่แล้ว คลิกที่นี่
www.dhammajak.net/forums
15 ตุลาคม 2551
 เทสโกวาท 100 ปี ( หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี ) บทที่ว่าด้วยเรื่อง อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
ผู้ตั้ง ข้อความ
poivang
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 09 ธ.ค.2005, 6:31 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน



6592.gif


พระพุทธเจ้าแก้เหตุแห่งทุกข์

เรื่องความทุกข์ต่างๆพระองค์ ไม่แก้หรอก

พระองค์แก้เหตุของทุกข์ต่างหาก

คนใดถ้าไม่เอาทุกข์มาเป็นอารมณ์

ไม่มีทางที่จะพ้นจากทุกข์ได้

คนเราถ้าหากไม่เห็นทุกข์ด้วยตนเองแล้ว

มันจะเป็นทางพ้นจากทุกข์ได้ที่ไหน



ความนึกคิดไม่ใช่ทุกข์

แท้จริงความนึกคิดไม่ใช่ทุกข์

แต่การไปยึดเอาความนึกคิดต่างหากที่เป็นเรื่องทุกข์



ทุกข์นั่นแหละเป็นธรรม

คนเราถ้าไม่เห็นทุกข์ก็ไม่เห็นธรรม

เห็นทุกข์ถึงที่สุดทีเดียวแหละ จึงจะเห็นธรรม

ทุกข์นั่นแหละเป็นธรรม

ทุกข์เล็กๆน้อยๆ ก็ปล่อยละเลยกันไปเสีย

ไม่เอามากำหนดพิจารณา

มันก็ไม่เห็นสักทีละสิ

ทุกข์เป็นของควรกำหนด ไม่ใช่ของควรละ



ไม่ยึดไม่ทุกข์

หัดไม่ให้ทุกข์ตรงนี้ ทุกข์มีอยู่ก็ไม่ทุกข์

อย่างที่ของอะไรๆ ถ้ามีอยู่ไม่ยึด

มันก็ไม่มีทุกข์

เหมือนกับทุกขเวทนามีอยู่

ถ้าเราไม่ยึดเราก็ไม่ทุกข์

เราหัดตรงนี้ หาความสุขใส่ตัวให้จงได้



ทุกข์เพราะใจ

คนที่จะพ้นจากทุกข์ได้

พ้นจากโลกนี้ได้ พ้นจากกรรมได้

ก็เพราะใจอันเดียว

จงยึดใจถือใจเป็นสำคัญ

จะมาเกิดก็เพราะใจ

เกิดแล้วจะมาสร้างกิเลสก็เพราะใจ

เป็นทุกข์ก็เพราะใจ

ถ้าใจไม่เป็นทุกข์ ใจไม่ยึดถือ

ปล่อยทิ้งเสีย

กายอันนี้ก็ไปตามเรื่องของกาย

ใจก็เป็นตามเรื่องของใจ

หมดเรื่องหมดราวกันที



ผู้ไม่ทุกข์

ผู้ไม่ทุกข์ก็คือ

ผู้ไม่เข้าไปยึดเอาสิ่งนั้นๆ

มาเป็นตัวเป็นตนนั่นเอง



เกิดทุกข์เพราะยึดขันธ์ ๕

เมื่อเราจะพิจารณาอะไรทั้งหมด

ให้จับหลักคือ “ใจ” ให้ได้เสียก่อน

อะไรที่เกิดขึ้น

เมื่อมันกระทบอายตนะสัมผัส

มันจะต้องเกิดขึ้นที่ใจ

พอมาถึงใจ

มันก็อยู่ในเวทนา

สัญญา สังขาร วิญญาณ

พูดง่ายๆ เรียกว่าขันธ์ ๕

เป็นที่ตั้งของความยึดความถืออุปทาน

ที่เกิดทุกข์ก็เพราะยึดขันธ์ ๕

ที่ไม่ทุกข์ก็เพราะไม่ไปยึดขันธ์ ๕



คนเกิดมาพร้อมทุกข์

คนเราเกิดมาต้องมีทุกข์ประจำตัวอยู่ทุกคน

เรียกว่าทุกข์ธรรมชาติ มันทุกข์อยู่เช่นนั้น

ทุกข์จากการเกิด แก่ เจ็บ ตาย

ต้องมีอยู่ทุกคนหนีไม่พ้น



ผู้มัวเมาเห็นว่าทุกข์เป็นสุข

กายอันนี้เกิดมาทีแรกก็เป็นทุกข์

ความเป็นอยู่ในปัจจุบันก็เป็นทุกข์

คราวที่สุดจวนจะตายก็เป็นทุกข์

หาความสุขสบายของกายอันนี้

แม้แต่น้อยหนึ่งย่อมไม่มีเลย

เว้นแต่ผู้ยังหลงมัวเมาเข้าใจว่า

ทุกข์เป็นสุขเท่านั้น

เหตุนี้พระพุทธองค์จึงได้ทรงตรัสไว้ว่า

“ในโลกนี้นอกจากทุกข์เท่านั้นเกิดขึ้น

ทุกข์เท่านั้นย่อมดับไป ย่อมไม่มีอะไร” ดังนี้

ฉะนั้นผู้มาพิจารณากายนี้ให้เห็นเป็นทุกข์

ดังอธิบายมานี้แล้วย่อมเบื่อหน่ายในกายนี้แล้ว

พยายามหาวิถีทางที่จะหนีให้พ้นจากทุกข์



ทุกข์เป็นพื้นเพของโลก

แท้จริงแล้ว

มนุษย์ สัตว์ทั้งหลาย ที่เกิดมาในโลกนี้

จะหาความสุขอันแท้จริงแล้ว

อาจไม่ได้เสียเลยก็ว่าได้

ทุกข์นั้นแลเป็นพื้นเพของโลก

ที่เข้าใจกันว่ามีความสุขๆ นั้น

เพราะไปหลงยึดเอาความทุกข์

มาเป็นความสุขต่างหาก



ไม่เห็นทุกข์ไม่เห็นธรรม

คนเราไม่เห็นทุกข์ จึงไม่เห็นธรรม

เห็นทุกข์นั่นแหละจึงเห็นธรรม

เห็นเช่นนี้แล้วหรือยัง

การที่มันเปลี่ยนแปลงไปเรื่อยๆ

อันนั้นแหละท่านเรียกว่า

อนิจจังของไม่เที่ยง

อนิจจังเป็นอนัตตา

นี่แหละมันจึงได้เป็นทุกข์ หรือทุกขัง

ความจริงเรื่องกายและใจของเราเป็นอย่างนี้

เราเห็นเช่นนี้แล้วหรือยัง



กิเลสเป็นเครื่องก่อทุกข์

คนเราถ้ายังมีกิเลสอยู่ ก็เป็นทุกข์ด้วยกันทั้งนั้น

ทุกข์ของฆารวาสปล่อยตามใจของตน มันเป็นทุกข์บานปลาย

ทุกข์ของผู้บวช ทุกข์ต่อสู้กิเลสของตนเอง ไม่ปล่อยใจให้ไปตามกิเลส



กำจัดเหตุแห่งทุกข์

เมื่อจับต้นเหตุแห่งทุกข์ได้แล้ว ไม่ต้องไปมัวแสวงหาสิ่งอื่น

มาบำบัดทุกข์ให้เสียเวลา เข้าไปหยุดความทะยานอยากได้แล้วก็สิ้นเรื่อง



ทำไมเราจึงละทุกข์ไม่ได้

คำสอนของพระพุทธองค์ตรัสว่า

สังขารทั้งหลายเป็นทุกข์

แต่ทำไมเราจึงละทุกข์ไม่ได้

ก็เพราะปัญญาของเราไม่พอ



 
I am
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 13 ธ.ค.2005, 9:32 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

สาธุ โมทนาด้วยครับ
 
แสดงเฉพาะข้อความที่ตอบในระยะเวลา:      
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
 


 ไปที่:   


อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
คุณไม่สามารถสร้างหัวข้อใหม่
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ
คุณไม่สามารถแก้ไขข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลบข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลงคะแนน
คุณ สามารถ แนบไฟล์ในกระดานข่าวนี้
คุณ สามารถ ดาวน์โหลดไฟล์ในกระดานข่าวนี้


 
 
เลือกบอร์ด  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  • สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทานธรรมะ  • หนังสือธรรมะ  • บทความ  • กวีธรรม  • สถานที่ปฏิบัติธรรม  • ข่าวกิจกรรม
นานาสาระ  • วิทยุธรรมะ  • เสียงธรรม  • เสียงสวดมนต์  • ประวัติพระพุทธเจ้า  • ประวัติมหาสาวก  • ประวัติเอตทัคคะ  • ประวัติพระสงฆ์  • ธรรมทาน  • แจ้งปัญหา

จัดทำโดย  กลุ่มเผยแผ่หลักคำสอนทางพระพุทธศาสนา ธรรมจักรดอทเน็ต
เพื่อส่งเสริมคุณธรรม และจริยธรรมในสังคม
เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2546
ติดต่อ webmaster@dhammajak.net
Powered by phpBB © 2001, 2002 phpBB Group :: ปรับเวลา GMT + 7 ชั่วโมง