Home  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  •  สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทาน  • หนังสือ  •  บทความ  • กวีธรรม  • ข่าวกิจกรรม  • แจ้งปัญหา
คู่มือการใช้คู่มือการใช้  ค้นหาค้นหา   สมัครสมาชิกสมัครสมาชิก   รายชื่อสมาชิกรายชื่อสมาชิก  กลุ่มผู้ใช้กลุ่มผู้ใช้   ข้อมูลส่วนตัวข้อมูลส่วนตัว  เช็คข้อความส่วนตัวเช็คข้อความส่วนตัว  เข้าสู่ระบบ(Log in)เข้าสู่ระบบ(Log in)
 
ได้ทำการย้ายไปเว็บบอร์ดแห่งใหม่แล้ว คลิกที่นี่
www.dhammajak.net/forums
15 ตุลาคม 2551
 นิทานชาดก...รัชชุมาลาเทพนารี อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
ผู้ตั้ง ข้อความ
ลูกโป่ง
บัวแก้ว
บัวแก้ว


เข้าร่วม: 01 ส.ค. 2005
ตอบ: 4089

ตอบตอบเมื่อ: 15 พ.ย.2005, 10:47 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน



10501050.jpg


เอื้อเฟื้อข้อมูลโดย



ชมรมพัฒนาจริยธรรมและคุณธรรม พระจอมเกล้าลาดกระบัง


http://patji.net/patji-club/index.php?option=com_wrapper&Itemid=40









แนะนำหนังสือโดย Webmaster





 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวชมเว็บส่วนตัว
ลูกโป่ง
บัวแก้ว
บัวแก้ว


เข้าร่วม: 01 ส.ค. 2005
ตอบ: 4089

ตอบตอบเมื่อ: 15 พ.ย.2005, 10:50 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านเคยตรัสไว้แก่พระเจ้าปเสนทิโกศล เมื่อครั้งประทับอยู่ ณ พระเชตวันมหาวิหาร ที่ท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐีสร้างถวายว่า บุคคลที่ปรากฏอยู่ในโลกนี้มี ๔ จำพวก คือ บุคคลผู้มืดมาแล้วมืดไป บุคคลผู้มืดมาแล้วสว่างไป บุคคลผู้สว่างมาแล้วมืดไป บุคคลผู้สว่างมาแล้วสว่างไป พระองค์ได้เล่าถึงตัวอย่างบุคคล ๔ จำพวก และ ๑ ใน ๔ จำพวกนั้น คือ นางรัชชุมาลาทาสี ผู้มืดมาแล้วสว่างไป ความว่า



ในหมู่บ้านตยาคาม เขตพระนครสาวัตถี มีครอบครัวมหาพราหมณ์ผู้หนึ่ง เป็นครอบครัวใหญ่มีข้าทาสบริวารมากมาย ครอบครัวของพราหมณ์มีสะใภ้นางหนึ่งเมื่อครั้งมาอยู่ใหม่ๆ ก็ดีอยู่แต่พออยู่ไปนานวันเข้า ขันธสันดานอันมากไปด้วยโทสะจริตก็แสดงออกมา โดยการทุบตีด่าว่าทาสีทั้งหลายอยู่เสมอ บรรดาทาสีเหล่านั้นมีทาสีนางหนึ่งได้รับทุกขเวทนาจากน้ำมือของนายสาวมากที่สุด วันหนึ่งนายสาวโกรธนางทาสีนั้นอย่างรุนแรง นางใช้มือจิกผมทาสีนั้นแล้วลากมาทุบตีด้วยไม้และก้อนอิฐที่อยู่ใกล้มืออย่างไร้ความเมตตาแม้ว่านางทาสีจะร้องโอดโอยออกมาด้วยความเจ็บปวดปานใดนายสาวก็ไม่ให้ความสนใจ ซ้ำยังกล่าวว่าประเดี๋ยวจะลงโทษอีก เมื่อนายสาวปล่อยมือแล้วนางจึงคิดว่า



"นายสาวใจร้ายของเรา เมื่อจะลงโทษเอาตามอารมณ์ ย่อมจะจิกเอาผมของเราแล้วทุบตีที่ศีรษะร่างกายเอาตามใจชอบ อย่าเลยเราจะโกนผมเสียเพื่อที่นายสาวจะจิกผมเราไม่ได้"



เมื่อคิดดังนั้นนางก็โกนผมเสียจนเกลี้ยงโล้นแล้วจึงกลับขึ้นคฤหาสน์ไป เมื่อนายสาวเห็นเข้าก็ยิ่งโกรธมากขึ้นแล้วตะโกนด่าว่า



"xxxโกนผมเสีย ด้วยนึกในใจว่าจักพ้นน้ำมือกูแล้วเหรอ"



 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวชมเว็บส่วนตัว
ลูกโป่ง
บัวแก้ว
บัวแก้ว


เข้าร่วม: 01 ส.ค. 2005
ตอบ: 4089

ตอบตอบเมื่อ: 15 พ.ย.2005, 10:51 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน



96469646.jpg


ว่าดังนั้นแล้วก็สั่งให้คนไปเอาเชือกมารัดศีรษะนางทาสนั้น แล้วจับเอาปลายเชือกฉุดมาตบตี เสร็จแล้วก็บังคับไม่ให้เอาเชือกนั้นออก ปล่อยให้เชือกรัดศีรษะอยู่อย่างนั้น ครั้นพอเกิดอารมณ์โกรธขึ้นครั้งใดก็จับปลายเชือกฉุดกระชากลากมาตบตี จนคนทั้งหลายเรียกนางทาสีนั้นว่า รัชชุมาลา



ต่อมาวันหนึ่งองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ทรงตรวจดูหมู่สัตว์อันเป็นพุทธกิจที่ทรงปฏิบัติอยู่เป็นนิตย์ ทรงเห็นว่านางรัชชุมาลาทาสีจักได้บรรลุพระโสดาปัตติผลสำเร็จเป็นพระอริยบุคคลผู้ประเสริฐเที่ยงแท้ จึงเสด็จออกจากพระเชตวันมหาวิหารเพียงพระองค์เดียวประทับ ณ ต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่ง แล้วจึงเปล่งพระฉัพพรรณรังสีให้สว่างไสวแลเลื่อมพรรณรายอยู่ในบริเวณนั้นเป็นอัศจรรย์



ส่วนนางรัชชุมาลาทาสี เมื่อถูกโบยตีมาจากนายสาวทั้งวัน ก็ปวดร้าวชอกช้ำสลบซบหลับไปทั้งคืน ครั้นเมื่อรู้สึกตัวตื่นขึ้นในยามอรุณรุ่ง ก็รู้สึกเจ็บปวดรวดร้าวไปทั้งร่าง นางน้อยใจในวาสนาจนน้ำตาไหลริน ก็คิดไปว่า



"จักมีประโยชน์อันใด ด้วยการมีชีวิตอยู่ให้เขาทุบตีเอาตามใจชอบ ได้รับความเจ็บปวดไม่มีวันสิ้นสุด ชาตินี้มีกรรม เราจึงต้องได้รับความทรมานทั้งร่างกายและจิตใจ เมื่อมีกรรมเช่นนี้แล้วก็อย่าอยู่เป็นผู้เป็นคนกับเขาอีกเลย ตายเสียดีกว่า"



เมื่อนางคิดเช่นนั้นแล้วก็เดินตรงไปยังท่าน้ำ คว้าเอาเชือกเถาวัลย์ติดมือมาตั้งใจจะผูกคอตาย ครั้นเดินมาถึงต้นไม้ใหญ่นางก็ปีนขึ้นไปบนต้นไม้ แล้วเหลียวมองดูรอบข้างเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะทำอัตวินิบาตกรรม พลันสายตาก็เหลือบไปเห็นองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าซึ่งประทับนั่งอยู่ ณ ต้นไม้ใกล้ๆ นั่นเอง นางอัศจรรย์ใจแลปีติยินดีเป็นยิ่งนักด้วยองค์พระชินสีห์ทรงสวยงามด้วยพระฉัพพรรณรังสี ประเสริฐเลิศกว่าเทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย และคิดว่า



"หากแม้ตัวข้าผู้มีวาสนาน้อย ได้ฟังพระธรรมเทศนาแห่งองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าสักครั้งหนึ่ง ก็คงจักเป็นบุญกุศลแก่ตัวยิ่งนัก แต่เห็นทีจักไม่มีโอกาสเพราะตัวเราเป็นคนอาภัพวาสนาเกิดมาในตระกูลที่ต่ำช้าเป็นทาสีเขา ไหนเลยพระองค์จักแสดงธรรมหรือแม้แต่สนทนาปราศรัยกับเรา"



ครั้นองค์พระชินสีห์ทราบวาระจิตแห่งนางจึงมีพุทธฎีกาตรัสเรียกว่า



"ดูกร รัชชุมาลา"



เมื่อนางได้ยินดังนั้นก็ลืมการที่จะคิดฆ่าตัวตายเสียสิ้น ค่อยๆ ปลดห่วงที่สวมคอตนออกแล้วไต่ลงจากต้นไม้ เข้าไปกราบถวายนมัสการสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ในขณะนั้นองค์พระพิชิตมารจึงตรัสพระธรรมเทศนาอนุปุพพิกถา ตามสมควรแก่นาง พอจบพระธรรมเทศนา นางรัชชุมาลาทาสีผู้ซึ่งมีวาสนาที่ตนเคยสั่งสมมาแต่ปางบรรพ์ ก็พลันได้บรรลุโสดาปัตติผลเป็นพระอริยบุคคลขั้นแรกในพระบวรพุทธศาสนา แล้วองค์สมเด็จพระชินสีห์ก็เสด็จกลับไปยังพระเชตวันมหาวิหาร



ฝ่ายนางรัชชุมาลาพระโสดาบันอริยชนคนใหม่ ก็น้อมกายลงถวายอภิวาทหันหน้าไปทางทิศที่พระองค์เสด็จไปเมื่อสักครู่ครั้งแล้วครั้งเล่า แล้วจึงเดินกลับไปยังคฤหาสน์ตามเดิม ครั้นมาถึงหน้าคฤหาสน์ก็ให้บังเอิญประจันหน้ากับท่านมหาพราหมณ์ซึ่งเป็นพ่อผัวนางใจร้าย พราหมณ์เฒ่ามองหน้านางทาสีเห็นพักตราผ่องใสผิดสังเกต ไม่เศร้าหมองเหมือนแต่ก่อน ก็เอ่ยถามว่าเป็นเพราะเหตุใด รัชชุมาลาทาสีก็เล่าเรื่องแต่ต้นให้ฟัง เมื่อพราหมณ์เฒ่าได้สดับฟังก็พลันบังเกิดความชื่นชมยินดียิ่งนัก จึงรีบขึ้นเรือนไปเรียกหานางหญิงลูกสะใภ้แล้วขู่สำทับอย่างเฉียบขาดว่า



"แต่นี้ต่อไป เจ้าอย่าได้ตีด่านางรัชชุมาลาอีก มิฉะนั้นเราจักเอาโทษแก่เจ้า"



 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวชมเว็บส่วนตัว
ลูกโป่ง
บัวแก้ว
บัวแก้ว


เข้าร่วม: 01 ส.ค. 2005
ตอบ: 4089

ตอบตอบเมื่อ: 15 พ.ย.2005, 10:52 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน



63396339.jpg


เมื่อประกาศดังนั้นแล้ว มหาพราหมณ์เฒ่าใคร่จักได้ฟังพระธรรมเทศนา ก็ได้กราบทูลอาราธนาองค์สมเด็จพระชินสีห์สัมมาสัมพุทธเจ้ามายังหมู่บ้านแห่งตน พร้อมถวายอาหารบิณฑบาต พราหมณ์และคหบดีทั้งหลายในตำบลตยาคามขณะนั้นยังไม่มีความเลื่อมใสในบวรพระพุทธศาสนา เมื่อเห็นท่านมหาพราหมณ์ผู้เป็นหัวหน้ามีความเลื่อมใสในองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าดังนั้น ต่างก็พากันมาต้อนรับและสดับฟังพระธรรมเทศนาแห่งพระพุทธองค์ ต่อมาก็ได้ประกาศตนเป็นพุทธมามกะตั้งอยู่ในไตรสรณคมน์และศีล ๕ ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา และประกาศแต่งตั้งให้นางรัชชุมาลาทาสีนั้นเป็นธิดาสุดที่รักแห่งตนตราบเท่าสิ้นชีวิต เมื่อท่านมหาพราหมณ์ผู้ทรงคุณถึงแก่กรรมแล้ว ต่อมาไม่นาน นางรัชชุมาลาผู้เป็นธิดาบุญธรรมก็ทำกาลกิริยาตายไปตามธรรมดาแห่งสังขาร แล้วไปอุบัติเป็นเทพนารี มีรัศมีและฤทธานุภาพมาก ณ เทพวิมานสรวงสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ เพราะเหตุที่นางได้บรรลุถึงความเป็นพระอริยบุคคลโสดาบัน จึงได้เสวยทิพยสมบัติเป็นสุขนักหนา







"พฤษภผกาสร อีกกุญชรอันปลดปลง

โททนต์เสน่ห์คง สำคัญหมายในกายมี

นรชาติวางวาย มลายสิ้นทั้งอินทรีย์

สถิตทั่วแต่ชั่วดี ประดับไว้ในโลกา"



 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวชมเว็บส่วนตัว
นิดหน่อย
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 23 ธ.ค.2005, 1:05 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

เก่งมากเลยค่ะขอชมค่ะ
 
แสดงเฉพาะข้อความที่ตอบในระยะเวลา:      
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
 


 ไปที่:   


อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
คุณไม่สามารถสร้างหัวข้อใหม่
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ
คุณไม่สามารถแก้ไขข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลบข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลงคะแนน
คุณ สามารถ แนบไฟล์ในกระดานข่าวนี้
คุณ สามารถ ดาวน์โหลดไฟล์ในกระดานข่าวนี้


 
 
เลือกบอร์ด  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  • สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทานธรรมะ  • หนังสือธรรมะ  • บทความ  • กวีธรรม  • สถานที่ปฏิบัติธรรม  • ข่าวกิจกรรม
นานาสาระ  • วิทยุธรรมะ  • เสียงธรรม  • เสียงสวดมนต์  • ประวัติพระพุทธเจ้า  • ประวัติมหาสาวก  • ประวัติเอตทัคคะ  • ประวัติพระสงฆ์  • ธรรมทาน  • แจ้งปัญหา

จัดทำโดย  กลุ่มเผยแผ่หลักคำสอนทางพระพุทธศาสนา ธรรมจักรดอทเน็ต
เพื่อส่งเสริมคุณธรรม และจริยธรรมในสังคม
เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2546
ติดต่อ webmaster@dhammajak.net
Powered by phpBB © 2001, 2002 phpBB Group :: ปรับเวลา GMT + 7 ชั่วโมง