Home  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  •  สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทาน  • หนังสือ  •  บทความ  • กวีธรรม  • ข่าวกิจกรรม  • แจ้งปัญหา
คู่มือการใช้คู่มือการใช้  ค้นหาค้นหา   สมัครสมาชิกสมัครสมาชิก   รายชื่อสมาชิกรายชื่อสมาชิก  กลุ่มผู้ใช้กลุ่มผู้ใช้   ข้อมูลส่วนตัวข้อมูลส่วนตัว  เช็คข้อความส่วนตัวเช็คข้อความส่วนตัว  เข้าสู่ระบบ(Log in)เข้าสู่ระบบ(Log in)
 
ได้ทำการย้ายไปเว็บบอร์ดแห่งใหม่แล้ว คลิกที่นี่
www.dhammajak.net/forums
15 ตุลาคม 2551
 อยากทราบวิธีนั่งกรรมฐาน ว่าต้องปฏิบัติตนอย่างไร อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
ผู้ตั้ง ข้อความ
ใหม่
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 10 พ.ย.2005, 11:23 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

คือคนรักของหนูเขาผูกคอตายไป 1 เดือนแล้ว แต่ไม่เคยติดต่อกลับมา หรือมาเข้าฝันเลย คิดว่าเขาคงไปไหนไม่ได้และคงติดต่อใครไม่ได้ด้วย มีคนเคยถอดจิตไปที่โรงแรมที่เขาผูกคอตายและพบว่าเขายังอยู่ที่นั่น หนูสงสารเขามาก อยากทราบว่าจะช่วยเขาได้อย่างไร และจะมีวิธีใดที่จะเชิญดวงวิญญาณกลับไปอยู่ที่บรรจุอัฐิ (ที่วัด) จะได้ไม่ต้องเหงา อยู่คนเดียว ติดต่อใครไม่ได้แบบนี้

มีคนเคยบอกว่าการนั่งกรรมฐานจะช่วยให้ติดต่อกับจิตเขาได้
 
ปุ๋ย
บัวเงิน
บัวเงิน


เข้าร่วม: 02 มิ.ย. 2004
ตอบ: 1275

ตอบตอบเมื่อ: 10 พ.ย.2005, 1:11 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

กราบสวัสดีคุณใหม่



กระดูกอยู่ที่ไหน ดวงวิญญาณก็อยู่ตรงนั้น ทรัพย์สินของใช้ส่วนตัวสมัยที่ยังมีชีวิตอยู่ ความผูกพันกับคนรัก คนใกล้ชิด ความผูกพันกับสถานที่ต่างๆ ทำให้ดวงวิญญาณวนเวียนอยู่ด้วยความทุกข์



ไม่ต้องทำพิธีอะไรให้วุ่นวายหรอก หากต้องการจะช่วยจริงๆ ถ้าเป็นไปได้และไม่ติดกับธรรมเนียมมากนัก ก็นำเถ้ากระดูกคนตายไปลอยให้หมด ไม่ต้องเก็บไว้ เป็นวิธีที่ดีที่สุด จะได้ไปเกิดตามกรรมที่สะสมไว้เมื่อครั้งมีชีวิตอยู่ ไม่ต้องมานั่งเปล่าเปลี่ยว วิเวกเดียวดายทนทุกข์ทรมานอยู่ในโลกวิญญาณอีก



สมปรารถนาในสิ่งที่ปรารถนา



มณี ปัทมะ ตารา
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวMSN Messenger
วรากร
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 11 พ.ย.2005, 12:50 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

คือคนรักของหนูเขาผูกคอตายไป 1 เดือนแล้ว แต่ไม่เคยติดต่อกลับมา หรือมาเข้าฝันเลย คิดว่าเขาคงไปไหนไม่ได้และคงติดต่อใครไม่ได้ด้วย มีคนเคยถอดจิตไปที่โรงแรมที่เขาผูกคอตายและพบว่าเขายังอยู่ที่นั่น หนูสงสารเขามาก อยากทราบว่าจะช่วยเขาได้อย่างไร และจะมีวิธีใดที่จะเชิญดวงวิญญาณกลับไปอยู่ที่บรรจุอัฐิ (ที่วัด) จะได้ไม่ต้องเหงา อยู่คนเดียว ติดต่อใครไม่ได้แบบนี้

มีคนเคยบอกว่าการนั่งกรรมฐานจะช่วยให้ติดต่อกับจิตเขาได้



ตอบ

คนเรามีกรรมเป็นของตนเอง ทุกๆคนไม่มีใครหนีกรรมได้ ยกเว้น นิพพาน

หากมีคนบอกว่า คนเคยถอดจิตไปที่โรงแรมที่เขาผูกคอตายและพบว่าเขายังอยู่ที่นั่น เขาโกหกเรา เพราะว่าเมื่อตายไปแล้ว จะต้องไปตามกรรม หากเขาผูกคอตายไป เขาก็ต้องได้รับกรรม ทันที (ข้อ 1 ห้ามฆ่าสัตว์) แล้วเขาจะยังอยู่ที่เดิมได้อย่างไร



ขอให้น้องลองคิดดู



เกิด แก่ เจ็บ ตาย เป็นเรื่องธรรมดา ไม่ว่าใครก็หนีไม่พ้น

หากเรายังเป็นทุกข์เพราะเรื่องนี้ ไม่ลองมองดูคนที่เขารักเราบ้างละ ว่าเขาก็ต้องทุกข์เพราะเรา

เมื่อเรายังมีชีวิต ก็จงเรียนรู้ธรรม เพื่อเราจะได้พบความสุขที่แท้จริง



หากต้องการที่ปรึกษา ก็โทรมาได้ 06-6104239

 
ใหม่
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 11 พ.ย.2005, 1:31 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ขอบคุณนะคะคุณปุ๋ยและคุณวรากรที่ช่วยตอบ



ตอนนี้ใหม่อยากศึกษาเกี่ยวกับการปฏิบัติกรรมฐานแล้วล่ะค่ะ จากที่ลองอ่านหนังสือของหลวงพ่อจรัญ วัดอัมพวัน ท่านว่าคนผูกคอตาย ต่อให้ญาติทำบุญมากเท่าไร ก็ไม่ได้รับหรอก

นอกเสียจากว่า ญาติจะทำกรรมฐานอุทิศส่วนบุญให้มาจึงจะได้รับ หรือว่ามีกินมีใช้ค่ะ

ไม่ทราบว่ามีใครทราบเรื่องเท็จจริงข้อนี้ไหมคะ แล้วจะต้องเตรียมตัว หรือว่าทำอย่างไรบ้างคะในเริ่มปฏิบัติกรรมฐาน ช่วยแนะนำรายละเอียดหน่อยได้ไหมคะ
 
ผู้เดินทาง
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 11 พ.ย.2005, 5:27 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

....ไม่เข้าใจคำว่ามีกินมีใช้ ที่คุณได้อ่านคำแนะนำมาจากหนังสือนั้น หมายถึงอะไรหรอครับ



หากหมายถึงว่า มีข้าวกินมีเงินใช้ละก็ มันจะเกี่ยวกะการทำบุญอุทิศให้ผู้ตายอย่างไร การ



ทำบุญอุทิศให้ผู้ตายนั้น จะถึงหรือไม่ถึง เราควรทำทั้งนั้น จะรู้ได้อย่างไรว่าถึง



หรือไม่ถึง



...แต่มีกล่าวไว้ในตำราชั้นอรรถกถา ว่า ผู้ที่ไม่ได้รับส่วนบุญจากโลกนี้ ซึ่งญาติอุทิศ



ไปให้ เท่าที่จำได้ตอนนี้ ก็มี เทวดา 1 สัตว์นรก 1 สัตว์เดรัจฉาน 1 ถ้าญาติของเราไปเกิดใน



ภพภูมิดังกล่าวนี้ ส่วนอุทิศให้ก็ไม่ได้รับ เพราะว่า เขามีอาหารของเขาอยู่แล้ว.



มาถึงการทำกรรมฐานบ้าง การพำเพ็ญอย่างนี้ จะได้แก่เราเองโดยตรง เพราะเป็นการฝึกจิต



ของเราเอง ไม่ได้ไปฝึกใครที่ไหน แล้วก็ไม่ควรทำเพื่ออภิหาริย์ หรือ ต้องการรู้สิ่งลี้ลับ



ฯลฯ อย่างความเชื่อของชาวพุทธอีกหลาย ๆ เปอร์เซ็นต์



ถ้าต้องการรู้ ก็รู้สิ่งที่ทำให้จิตเศร้า รู้เท่าทันความคิดนั่นแหละตรงจุดที่สุด



เมื่อรู้แล้ว ก็กำจัดสิ่งมัวหมองเหล่านั้นเสีย....



การปฏิบัติแบบนี้ เป็นจุดมุ่งหมายของพุทธธรรมชั้นดั้งเดิม



 
ใหม่
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 14 พ.ย.2005, 10:42 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ขอบคุณค่ะ..ผู้เดินทาง



ที่อุตส่าห์เสียสละเวลาชี้แนะ เพื่อให้ใหม่ได้ทราบข้อเท็จจริงยิ่งขึ้น ที่บอกว่ามีกินมีใช้ ก็คือว่า คนที่ผูกคอตายท่านว่าเป็นบาป เวลาญาติพี่น้องทำบุญให้ก็ไม่ได้กิน ต้องไปหากินตามที่เขาทิ้งหรือว่ากินเหลือแล้วค่ะ ต้องนั่งกรรมฐานแล้วอุทิศส่วนกุศลให้ ใหม่อ่านแล้วก็เลยสงสาร หากว่าการนั่งกรรมฐานจะเป็นการส่งผลบุญให้เขาได้ใหม่ก็อยากทำค่ะ แต่เมื่อคุณทราบข้อเท็จจริงมากกว่าใหม่แล้วบอกว่า การนั่งกรรมฐานจะได้ผลแก่ตัวเราเอง ใหม่ก็คงไม่นั่งกรรมฐานเพื่อได้พบเห็นเขา หรือว่าให้เกิดอภินิหารใด ๆ แล้วล่ะค่ะ แต่กะว่าปีใหม่นี้จะทำการบวชชีพราหมณ์ เพื่ออุทิศส่วนกุศลให้เขาแทน จะดีกว่าไหมคะ

แล้วที่คุณบอกว่าต้องเขาไปเกิดในภพภูมิที่กล่าวมานั้น เขาถึงจะไม่ได้รับผลบุญจากเรา แต่ถ้าว่าเขายังไม่ได้ไปเกิดในภพภูมิใด ๆ ล่ะคะ เนื่องจากจิตวิญญาณยังไม่ถูกปลดปล่อย เพราะว่าวันที่เขาตายญาติไม่ได้เชิญวิญญาณกลับบ้าน และยังคงอยู่ทีโรงแรมที่เขาผูกคอตายค่ะ หรือว่าจิตวิญญาณเขายังเป็นห่วงและผูกพันไม่ยอมปล่อยวางล่ะคะ เราควรจะทำอย่างไรเพื่อเป็นการช่วยปลดปล่อยเขา ให้เขาได้ไปเกิดยังภพภูมิตามที่บุญกรรมที่เขาทำมาล่ะคะ

รบกวนผู้รู้ช่วยชี้ทางให้หน่อยนะคะ



 
ใหม่
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 14 พ.ย.2005, 10:43 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ขอบคุณค่ะ..ผู้เดินทาง



ที่อุตส่าห์เสียสละเวลาชี้แนะ เพื่อให้ใหม่ได้ทราบข้อเท็จจริงยิ่งขึ้น ที่บอกว่ามีกินมีใช้ ก็คือว่า คนที่ผูกคอตายท่านว่าเป็นบาป เวลาญาติพี่น้องทำบุญให้ก็ไม่ได้กิน ต้องไปหากินตามที่เขาทิ้งหรือว่ากินเหลือแล้วค่ะ ต้องนั่งกรรมฐานแล้วอุทิศส่วนกุศลให้ ใหม่อ่านแล้วก็เลยสงสาร หากว่าการนั่งกรรมฐานจะเป็นการส่งผลบุญให้เขาได้ใหม่ก็อยากทำค่ะ แต่เมื่อคุณทราบข้อเท็จจริงมากกว่าใหม่แล้วบอกว่า การนั่งกรรมฐานจะได้ผลแก่ตัวเราเอง ใหม่ก็คงไม่นั่งกรรมฐานเพื่อได้พบเห็นเขา หรือว่าให้เกิดอภินิหารใด ๆ แล้วล่ะค่ะ แต่กะว่าปีใหม่นี้จะทำการบวชชีพราหมณ์ เพื่ออุทิศส่วนกุศลให้เขาแทน จะดีกว่าไหมคะ

แล้วที่คุณบอกว่าต้องเขาไปเกิดในภพภูมิที่กล่าวมานั้น เขาถึงจะไม่ได้รับผลบุญจากเรา แต่ถ้าว่าเขายังไม่ได้ไปเกิดในภพภูมิใด ๆ ล่ะคะ เนื่องจากจิตวิญญาณยังไม่ถูกปลดปล่อย เพราะว่าวันที่เขาตายญาติไม่ได้เชิญวิญญาณกลับบ้าน และยังคงอยู่ทีโรงแรมที่เขาผูกคอตายค่ะ หรือว่าจิตวิญญาณเขายังเป็นห่วงและผูกพันไม่ยอมปล่อยวางล่ะคะ เราควรจะทำอย่างไรเพื่อเป็นการช่วยปลดปล่อยเขา ให้เขาได้ไปเกิดยังภพภูมิตามที่บุญกรรมที่เขาทำมาล่ะคะ

รบกวนผู้รู้ช่วยชี้ทางให้หน่อยนะคะ



 
ปุ๋ย
บัวเงิน
บัวเงิน


เข้าร่วม: 02 มิ.ย. 2004
ตอบ: 1275

ตอบตอบเมื่อ: 14 พ.ย.2005, 11:17 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

การเริ่มต้นเข้าสู่การปฏิบัติธรรมไม่ว่าจะเนื่องมาจากสาเหตุใด ล้วนแล้วแต่เป็นการเริ่มต้นที่ดี แต่ทีนี้ปัญหาที่เกิดขึ้นกับคุณใหม่จะยังไม่กระจ่างและไม่สามารถแก้ไขได้ด้วยตนเอง ก็เพราะยังไม่ลงมือปฏิบัติ การที่จะช่วยเหลือคนที่เรารักหรือแม้แต่บุคคลอื่นได้ตามที่เราปรารถนา ไม่ใช่สิ่งที่เหลือวิสัย หากแต่เราต้องช่วยเหลือตนเองก่อน เมื่อตั้งมั่นและปรารถนาที่ช่วยเหลือผู้อื่นอย่างแท้จริง ก็ต้องพากเพียรและตั้งมั่นในการฝึกปฏิบัติธรรมอย่างยอมตายถวายชีวิตด้วย ไม่ใช่ทำไปเพื่อความสงบเท่านั้น



ทางเดินนั้นจะว่าไกลก็ไม่ไกล จะว่าใกล้ก็แค่อีกฟากฝั่งหนึ่งเท่านั้น ลงมือและอย่ารีรอที่จะปฏิบัติเสียแต่วันนี้ หากไม่ทราบว่าจะเริ่มต้นอย่างไร ที่ไหน หรือสถานที่ใดดี ก็รังแต่จะเป็นการเพิ่มปัญหาและทุกข์ให้แก่ตนเองมากขึ้น คำตอบใดก็ไม่ก่อให้เกิดความเชื่อถือ หรือแน่ใจเท่าคำตอบที่คุณใหม่ได้ค้นพบด้วยตัวคุณใหม่เอง



เจริญในธรรม



มณี ปัทมะ ตารา
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวMSN Messenger
สายลม
บัวเงิน
บัวเงิน


เข้าร่วม: 30 พ.ค. 2004
ตอบ: 1245

ตอบตอบเมื่อ: 14 พ.ย.2005, 3:50 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน





สาธุด้วยครับ
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวส่ง Emailชมเว็บส่วนตัว
ผู้เดินทาง
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 15 พ.ย.2005, 1:38 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

...จะขอยกตัวอย่าง ที่กล่าวไว้ในตำรามาเล่าประกอบสักนิดนะครับคุณใหม่



เมื่อสมัยพุทธกาลมีภิกษุรูปหนึ่ง ได้จีวรใหม่มาผืนหนึ่ง ยังไม่ได้ใช้สอยจีวรนั้น แต่มามรณะภาพ (ตาย) ไปสะก่อน ด้วยความคิดที่ผูกพันธ์อยู่กับจีวรนั้น จึงไปเกิดเป็นเล็นเฝ้าจีวรอยู่

.......หลังจากพระรูปนี้มรณะภาพแล้ว พระอานนท์จึงนำจีวรมาแจก แต่ พระพุทธเจ้าได้ห้ามไว้ ด้วยเหตุดังกล่าว ให้พ้น 7 วันเสียก่อน เล็นนั้นตายจึงค่อยนำไปแจก



นี่ก็เป็นอุทาหรณ์ได้ประการหนึ่งเหมือนกัน ว่ามนุษย์มีจิตผูกพันธ์อยู่กับสิ่งใด ก่อนจุติจิต ก็ต้องไปเฝ้าสิ่งเหล่านั้น ต่อเมื่อพ้นกรรมจากตรงนั้น ก็ต้องว่ายวนไปเกิดตามกรรมของตนต่อไป

...ที่นี่เราไม่รู้ได้ว่า ผู้นั้น ไปเกิดในภพภูมิใด....



คุณใหม่มีจิตเมตตา ต้องการจะยก..ผู้นั้นให้พ้นจากทุกข์ จึงต้องการปฏิบัติกรรมฐานโดยคิดว่าจะช่วยให้เขาไปเกิด....

.

..ดู พุทธภาษิตนี้ครับ กัมมุนา วัตตตี โลโก สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม (ของตน)



เมื่อรู้อย่างนี้แล้ว ตนจึงเป็นที่พึ่งแห่งตนครับ เมื่อเป็นที่พึ่งแห่งตนได้แล้ว การจะเพื่อแผ่ กุศลเจตนา ถึงผู้อื่นนั้น ก็เป็นไปได้ตามเหตุปัจจัย....

..

คุณใหม่ครับ การปฏิบัติกรรมฐาน ก็เพื่อฝึกจิตตนเองให้มีพละมีกำลัง...เรื่องนี้ค่อนข้างยาวครับ เอาแค่นี้ก่อน

ขอให้ความคิดดีของคุณ โน้มนำชักจูงคุณไปสู่อัตภาพที่ดีดังความคิดนั้น ทั้งในปัจจุบันและอนาคตครับ







 
tanawat30
บัวบาน
บัวบาน


เข้าร่วม: 15 พ.ย. 2005
ตอบ: 256

ตอบตอบเมื่อ: 15 พ.ย.2005, 7:37 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

คือการปฏิบัติกรรมฐาน จะว่าง่ายก็ง่าย จะว่ายากก็ยาก ก่อนอื่นนะครับ การทำให้เกิดสมาธิทำได้ง่าย ๆ จากการทำอาณาปานสติ คือการเฝ้าสังเกตลมหายใจเข้าออก สังเกตลักษณะความเป็นธรรมชาติของลมหายใจ ให้สมาธิจดจ่ออยู่ที่ลมหายใจ จากนั้นให้เราใช้กำลังสมาธิที่ได้ มาสำรวจข้อบกพร่อง สันดานที่ไม่ดี เช่นความโลภ ความโกรธ ฯลฯ แล้วนึกให้สิ่งเหล่านั้น ค่อย ๆ หมดสิ้นไป เมื่อสันดานที่ไม่ดีหมดไปในแต่ละรอบจิตของเราจะสงบนิ่งเป็นช่วงเวลาใดเวลาหนึ่ง นั่นคือจิตของเราจะบริสุทธิ์ที่สุด ณ. เวลานั้นด้วย ให้เราเอาช่วงเวลานั้นมาแผ่เมตตา โดยตั้งจิตอธิษฐานว่า ขอแผ่เมตตาให้สรรพจิตสรรพวิญญาณให้ขึ้นสู่สุคติ และแผ่เมตตาให้มนุษย์และสรรพสัตว์ทั้งหลายให้มีความสุขความเจริญ กุศลที่ได้มา อุทิศให้กับสรรพจิตสรรพชีวิต แผ่เมตตาไปจนกระทั่งจิตของเราเริ่มหงุดหงิดฟุ้งซ่านอีก ให้เราไปนั่งสำรวจสันดานที่ไม่ดีแล้วก็ใช้กำลังสมาธิของเรานั้นขจัดออกไปอีกรอบเพื่อให้จิตสงบ เมื่อจิตสงบก็แผ่เมตตาอีกรอบ ทำสลับไปสลับมาเช่นนี้ พร้อม ๆ กับการทำอาณาปานสติ จะพบว่า เมื่อกรรมของเราน้อยลง จิตของเราก็จะมีความบริสุทธิ์สงบนิ่งอยู่ได้นาน นานขึ้น ๆ เรื่อย ๆ จนพ้นป่าแห่งความคิดที่ขุ่นมัวทั้งมวลอย่างถาวร เรียกว่าการเข้าสู่สภาวะพ้นป่าแห่งความคิดทั้งมวลหรือเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า สภาวะนิพพาน นั่นเอง



อันนี้ที่ทำยากเพราะ มนุษย์ที่ทำได้ต้องไม่เข้าข้างตนเอง คือต้องยอมรับสันดานที่ไม่ดีของเราอย่างหมดเปลือกและบริสุทธิ์ใจตั้งแต่เริ่มต้นเท่านั้น จึงจะประสบความสำเร็จจากการปฏิบัติธรรม และที่สังเกตบทแผ่เมตตา นั่นคือคำแผ่เมตตาที่ดีที่สุดเท่าที่ผมรู้ เพราะเป็นคำแผ่เมตตาที่ทำให้ผู้ปฏิบัติได้รับอานิสงฆ์มากที่สุด และรับรองว่าถึงผู้รับได้แน่นอน แต่โดยหลักการเข้าใจทั่ว ๆ ไป ผู้ที่มารับบุญกุศลของเรา คือเจ้ากรรมนายเวรของเราเป็นอันดับแรก ๆ นั่นเอง
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวชมเว็บส่วนตัวMSN Messenger
ครรชิต
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 16 พ.ย.2005, 2:13 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

เป็นไงบ้างคุณใหม่ ได้เริ่มปฏิบัติพระกรรมฐานบ้างหรือยัง หลักง่าย ๆ ในการปฏิบัติสวดมนต์และอาราธนาศีล 5 ก่อนเป็นการสร้างสมาธิและกำลัง (ศีลป็นหนึ่งในพละ 5 ยังไม่ต้องทำความเข้าใจครับ)

1. กำหนดยืน หลับตามโนภาพเห็นตัวเรายืนอยู่ปักจิตไว้กึ่งกลางกระหม่อมพร้อมภาวนาในใจว่ายืนขณะเดียวกันค่อย ๆ เลื่อนจิตลงมาที่สะดือ (อุปมาเหมือนน้ำท่วมศรีษะแล้วค่อย ๆ ลดระดับน้ำลง) จากสะดือค่อย ๆ เลื่อนลงไปถึงปลายเท้าพร้อมกับภาวนาว่าหนอ แล้วกำหนดจากปลายเท้าถึงสะดือพร้อมภาวนาว่ายืน จากสะดือถึงกลางกระหม่อมพร้อมภาวนาว่าหนอ ทำอย่างนี้ประมาณ 5 ครั้ง



วันต่อไปจะอธิบายการเดินจงกรมให้นะครับ



ขอพระธรรมคุ้มครอง
 
tanawat30
บัวบาน
บัวบาน


เข้าร่วม: 15 พ.ย. 2005
ตอบ: 256

ตอบตอบเมื่อ: 16 พ.ย.2005, 2:37 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ผมว่านะครับ คนรักของคุณใหม่นี่ ไปอยู่ทำไมครับที่วัด ผมว่าส่งเขาไปเป็นเทวดาอยู่บนสวรรค์ไม่ดีกว่าเหรอครับ เดี๋ยวผมจะนำเรื่อง 16 ชั้นฟ้า 15 ชั้นดินมาเปิดเผย มาดูว่าเราจะทำอย่างไรกันบ้าง จะว่าไปก็มีส่วนเกี่ยวกับรูปฌาณ 4 ซึ่งก็มีอยู่ในพระไตรปิฎกนั่นแหล่ะครับ เดี๋ยวผมจะช่วยให้ แล้วถ้าคนรักคุณใหม่หลุดพ้นจากโรงแรมนั้นแล้วมาบอกผมบ้างก็แล้วกัน
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวชมเว็บส่วนตัวMSN Messenger
khanchit
บัวใต้ดิน
บัวใต้ดิน


เข้าร่วม: 12 พ.ย. 2005
ตอบ: 10

ตอบตอบเมื่อ: 16 พ.ย.2005, 4:46 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ไม่ทราบว่าคุณใหม่รู้วิธีปฏิบัติพระกัมมัฏฐานหรือยังครับผมไม่ทราบว่าคุณใหม่อยู่ภาคไหน



แต่ถ้าหากไม่ใกลจาก สิงห์บุรี ขอให้คุณใหม่ไปรับพระกัมมัฏฐานจากหลวงพ่อครับ



ขอพระธรรมคุ้มครองครับ
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวชมเว็บส่วนตัว
ใหม่
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 17 พ.ย.2005, 2:29 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ขอขอบคุณทุกท่านนะคะที่กรุณาเสียสละเวลา เพื่อชี้แนะแนวทางในการปฏิบัติธรรมกรรมฐาน และเรื่องราวต่าง ๆ ที่ใหม่ไม่เคยได้รับรู้และไม่เคยศึกษาอย่างจริงจัง



คือใหม่ก็เป็นเหมือนคนธรรมดาทั่วไปค่ะ ที่เช้าขึ้นก็ต้องเร่งรีบกับการทำงาน ทำงาน และก็ทำงาน จนลืม ละเลยไม่ได้ใส่ใจในการทำบุญทำทาน ฟังเทศน์ฟังธรรมมากนัก ดำเนินชีวิตตามวิถีทางโลกในปัจจุบัน ซึ่งชีวิตคนเมืองที่มีแต่งานและการดำรงชีวิตให้คงอยู่ ไม่ค่อยได้มีโอกาสได้ไปงานบุญ หรือว่าร่วมพิธีกรรมทางศาสนา และศึกษาในหลักธรรมอย่างจริงจัง เด็ก ๆ ก็พอจะมีโอกาสรับทราบเกี่ยวกับพุทธศาสนาบ้างแต่ว่าไม่เข้าใจอย่างถ่องแท้



พอเกิดเรื่องขึ้น มันใกล้ตัวเรามาก แม้ว่าเราจะรู้ดีว่ามันเป็นเรื่องธรรมดาของสัตว์โลก แต่ทว่าเราก็กลับหลงลืมไปจึงไม่คาดคิดว่ามันจะเกิดเรื่องแบบนี้กับเรา เมื่อใหม่ได้คุย ได้รับคำปรึกษาจากทุกท่าน ใหม่จึงรับรู้ว่าการที่เรามัวแต่ใส่ใจกับสิ่งภายนอก รอบ ๆ กายเราตามวิถีชีวิตเหมือนคนทั่ว ๆ ไป จนหลงลืมความรู้สึก ความต้องการความสุขทางจิตใจไป ถึงเราดิ้นรนเพื่อมีชีวิตที่ดีขึ้นมากแค่ไหน หากแต่ว่าเรากลับหาความสุขทางใจไม่ได้เลย (ที่มันอาจจะเกิดขึ้นได้ง่าย ๆ เพียงแค่เราหลับตาแล้วใช้ใจมองดูตัวเอง) มันก็ไม่มีประโยชน์ใด ๆ ที่เราสู้ดิ้นรนมากมายเพื่อที่จะมี..เพื่อที่จะทำเพื่อคนอื่น ครอบครัว หรือตัวเอง หากแต่ถ้าความสุขมิได้งอกงามขึ้นในใจตามปริมาณ สิ่งของ วัตถุภายนอกที่เราดิ้นรนมาเลย



(คุณครรชิตคะ ใหม่มาทำงานที่ชลบุรีค่ะ เคยมีคนแนะนำให้ใหม่ไปที่วัดอัมพวัน ที่สิงห์บุรีเหมือนกันคะ แต่ว่าใหม่คงไม่มีเวลาไปปฏิบัติธรรมที่นั่นหรอกค่ะ เพราะว่าไกลพอสมควร

แต่ถ้าวันหยุดติดต่อหลาย ๆ วัน ก็จะลองไปดูนะคะ ขอบคุณที่แนะนำสถานที่นะคะ

ใหม่จะลองเริ่มปฏิบัติตนตามที่คุณแนะนำง่าย ๆ ข้างต้นดูค่ะ)



หากใครที่พอมีเวลาและไม่ป็นการรบกวนมากนัก ใหม่ก็ยังต้องการแนะนำดี ๆ และแนวทางปฏิบัติธรรมอยู่นะคะ หรือว่าคุณอยากจะบอกเล่าเรื่องราวที่คุณคิดว่ามีประโยชน์ ใหม่ก็ยินดีค่ะ

สุดท้ายใหม่ขอให้ผลแห่งแรงปราถนาดีของทุกท่านที่กรุณามอบให้แก่ใหม่ ส่งผลให้คุณพบสิ่ง ๆ ดี เช่นกันค่ะ
 
ผู้เดินทาง
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 18 พ.ย.2005, 3:00 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

อยู่ชลบุรี ไม่ลองเข้าไปสังเกตทีสำนักปฏิบัติวิเวกอาศรม ดูละครับ อยู่ อ.บ้านสวน แถวๆ สี่แยกบ้านบึง

 
นิพพาน
บัวใต้ดิน
บัวใต้ดิน


เข้าร่วม: 30 ต.ค. 2006
ตอบ: 34

ตอบตอบเมื่อ: 03 พ.ย.2006, 12:07 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

จะทำอะไรก็ตามเถิด ให้ยึดทางสายกลางไว้เป็นพอ จะทำงานใหญ่งานเล็ก จะนั่งสมาธิภาวนา จะเทศน์จะบรรยายธรรม ก็ควรเดินตามทางสายกลาง เพราะทางสายกลางนำไปสู่ความสุขใจ ที่มันทุกข์ใจวุ่นวายใจจะเป็นบ้ากันอยู่ทุกวันนี้ เพราะทำอะไรเกินตัว อย่างงานบางอย่างมันเกินความสามารถของตนก็ไม่ต้องทำเพราะมันเกินความสามารถของเรา รู้จักประมาณตน รู้จักฐานะของตนนั้นแหละคือทางสายกลาง เราพูดกันแต่ปากว่าทำอะไรให้ยึดสายกลางไว้ ดึงไปมันก็ขาด หย่อนไปมันก็ดีดไม่ดัง แต่ไม่ได้พากันปฏิบัติให้มันเป็นบุญเป็นคุณขึ้นมา ในครอบครัวก็เหมือนกันทำอะไรก็ให้ยึดสายกลางไว้ ถ้าตึงเกินไปคนในบ้านก็ปั่นป่วน หย่อนเกินไปก็เหลิงได้ใจ ธรรมข้อนี้ช่วยแก้ปัญหาได้
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
ชัย
บัวใต้ดิน
บัวใต้ดิน


เข้าร่วม: 25 ต.ค. 2006
ตอบ: 26
ที่อยู่ (จังหวัด): ร้อยเอ็ด

ตอบตอบเมื่อ: 03 พ.ย.2006, 9:26 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

สาธุ สาธุ สาธุ ขออนุโมทนาบุญกับทุกท่านครับ

สรรพสัตว์ทั้งหลายจะตายเนื่องด้วยสาเหตุ 5 ประการ
1.เพราะโรคภัยเบียดเบียน
2.เพราะร่างกายเสื่อมโทรมร่วงโรย
3.เพราะสิ้นเวรกรรม
4.เพราะหมดอายุขัย และสิ้นเวรกรรม
5.เพราะความประมาท

ในกรณีของแฟนคุณ เป็นการผูกคอตาย ลักษณะอย่างนี้เป็นการกระทำกรรมด้วยตนเอง เป็นปาณาติบาต ถ้ากล่าวถึงการชดใช้กรรมนั้น ถ้าเป็นการตายด้วยความประมาท ฆ่าตนเอง หรือตายแบบปัจจุบันทันด่วนนั้น บางคนยังไม่หมดอายุขัย แต่เมื่อต้องตายไปก็ไม่มีร่างกายที่จะสิงสู่ กลายเป็นสัมภเวสี ล่องลอยอยู่อย่างนั้น สามารถจะทำอะไรก็ได้ แต่เมื่อหมดอายุขัยต้องชดใช้กรรมที่ตนเองก่อไว้

ยกตัวอย่าง เช่น บางคนตายตอนอายุ 20 ปี แต่อายุขัยของเขาอยู่ที่ 40 ปี ฉะนั้นในระยะเวลาอีก 20 ปีที่เขาตายก่อนนั้น เขาก็จะล่องลอยอยู่อย่างนั้นจนกว่าจะหมดอายุขัย และในระยะ 20 ปีที่ล่องลอยอยู่นี้สามารถจะทำอะไรก็ได้ เพราะยังอยู่ในระยะที่กรรมยังไม่สามารถให้ผลได้ ต่อเมื่อหมดอายุขัย กรรมจึงจะส่งผลได้ทั้งกรรม 20 ปีแรกและกรรม 20 ปีหลังที่ตายก่อนหมดอายุขัยนั้น

สำหรับเรื่องของกรรมนั้นมันเป็นไม้บรรทัดจริงๆ เที่ยงตรง เที่ยงธรรม และแน่นอนเสมอ
คุณปลูกมะม่วง คุณต้องได้ผลมะม่วงแน่นอน ไม่เป็นอื่นไปได้เลย

ส่วนที่คุณตั้งใจที่จะตามหาแฟนคุณนั้น ปฏิบัติกรรมฐานน่าจะถูกทางครับ

ขอความสำเร็จจงบังเกิดแก่คุณ ถ้าปฏิบัติได้อานิสงส์นั้นขอจงเป็นแรงหนุนนำส่งให้คุณและครอบครัว ตลอดจนผู้ที่คุณปรารถนาจะพบพาน ประสบแต่ความสุขความเจริญนะครับ สิ่งใดไม่ขัดต่อศีลธรรมแล้วไซร้ ขอจงได้แก่คุณครับ

ขออนุโมทนา.....สาธุ สาธุ สาธุ สาธุ
 

_________________
ทำวันนี้ให้ดีที่สุด
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวส่ง Email
รักษาจิต
บัวผลิหน่อ
บัวผลิหน่อ


เข้าร่วม: 03 พ.ย. 2006
ตอบ: 8
ที่อยู่ (จังหวัด): เชียงใหม่

ตอบตอบเมื่อ: 11 พ.ย.2006, 9:46 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

คนที่ขาดสติขาดความยั้งคิดจนฆ่าตัวตาย เป็นคนที่เสียโอกาสที่สุด แทนที่จะใช้ชีวิตที่ได้มาศึกษาพัฒนาจิตวิญญาณตนให้เจริญขึ้น ทุกข์ทั้งหลายเกิดขึ้นเพื่อให้เราได้ศึกษาเรียนรู้และแก้ใขจิตใจเราให้เข้าถึงความจริง เห็นความไม่เที่ยงของสรรพสิ่ง ปล่อยวางได้อย่างเข้าใจในเหตุปัจจัยต่างๆที่เกิดขึ้น จงเป็นผู้มีสติเป็นผู้ดูเหมือนผู้พิพากษา หรือกรรมการ อย่ากระโดดเข้าไปเป็นผู้เล่นจะมองไม่เห็นตนเอง คนที่ตายไปแล้วจะตามหากันนั้นยากมาก ถึงใครจะบอกคุณว่าอยู่ที่นั่นที่นี่ก็พิสูจน์ได้ยาก ผมเองสามารถติดตามกระแ สร์จิตได้ แต่ก็ไม่มีหลักฐานยืนยันได้ว่าถูกต้องหรือไม่ เป็นการรู้เห็นคนเดียว ซึ่งอาจรู้ไม่จริงก็ได้ เพราะไม่ใช่พระพุทธเจ้าซึ่งเป็นผู้ที่รู้เรื่องกรรมถูกต้องที่สุด มีคนมาถามก็ดูให้ได้แต่ไม่รับประกันว่าถูกหรือไม่ แต่บางทีก็มีวิญญาณมาจริงๆ เราแก้ใขได้ตามปูมจิตของกระแสร์นั้นๆ ซึ่งก็ขึ้นกับภูมิจิตของจิตดวงนั้นๆ ถ้าเขาเเคยรักษาศีล5มาก่อนชั่ววันหนึ่งคืนหนึ่งและเราดึงจิตเขาให้เขาระลึกถึงกุศลกรรมของเขาได้เขาย่อมเปลี่ยนจากภูมิที่เขาทุกข์อยู่เช่นเป็นจิตที่สับสนเร่ร่อนอยู่ เมื่อมีที่ไปได้ชัดจากการระลึกถึงกุศลกรรมของเขาเอง เราเป็นเพียงผู้ตะล่อมจิตเขาเท่านั้นเอง เรื่องปลีกย่อยมีอีกแยะ เล่าให้ฟังคร่าวๆ บอกว่ามันไม่ใช่เรื่องง่าย แล้วก็จะชวนคุยเรื่องคนเป็นให้ปฏิบัติธรรมดีกว่า เพราะยังมีโอกาส ไม่เหมือนคนตายไม่มีสมอง ยากที่จะเห็นทุกข์และมีธรรมแก้ใขเหตุแห่งทุกข์นั้นได้ เรื่องธรรมเป็นเรื่องจำเป็นที่สุดที่เราทุกคนไม่ควรพลาดโอกาสศึกษาและปฏิบัติ สำหรับคุณไม่ไม่ได้เข้าใจหลักธรรมเบื้องต้นเลย จะไปนั่งสมาธิติดต่อวิญญาณ มันไม่ใช่ฐานะที่จะเป็นไปได้ ดีไม่ดีเดี๋ยวจะเพี้ยนไปอีกจากการนั่งสมาธิที่ไม่มีขั้นตอนที่ถูกต้อง และผิดวัตถุประสงค์ของการปฏิบัติธรรม ศีล5เป็นเบื้องต้น ที่ต้องปฏิบัติ สำหรับการทำทานเป็นเบื้องต้นสำหรับการกระทำของชาวพุทธที่ต้องเข้าใจสัจจะสาระของการกระทำจึงจะเข้าใจว่าทำทานเพื่ออะไร คนเราทุกข์เพราะการเสียของรัก เช่นข้าวของ คนรัก อวัยวะ และแม้ชีวิต เพราะเราหวงเราจึงทุกข์ เวลาทำทานสละออกไปได้ทำไมเราปิติ ยกตัวอย่างคุณมีเงิน200บาท ทำบุญใส่บาตรพระ 100บาท แต่อีก 100 ตกหาย ความรู้สึกแตกต่างกันไหม ทั้งๆที่เสียเงิน 100บาทเท่ากัน เป็นที่ใจที่ให้ กับใจที่หวงใช่ไหม พระพุทธเจ้าสอนให้คนให้เพื่อที่จะพบจิตที่ต่างกัน เพื่อจะได้พร้อมที่จะเสียสิ่งที่เราหวงได้มากขึ้นๆ โดยไม่ทุกข์ เพราะท้ายสุดสิ่งที่หวงที่สุดคือชีวิตเราก็ต้องทิ้ง และทิ้งได้อย่างไม่หวงทำได้หรือเปล่า นี่คือเรื่องการทำทานที่ต้องเข้าใจ ทานคือการตัดกิเลสตัวโลภตัวหวง ไม่ใช่ทำทานแล้วขอให้ถูกหวย มันโลภชัดๆใช่ไหม พระพุทธเจ้าตรัสว่าถ้าคิดถึงคนตายอย่าเศร้าโศก จิตผู้ตายจะเศร้าหมองไปด้วย ให้ทำทาน คือสัมผัสกับจิตที่มีปิติจากการให้ การทำทานจิตที่เป็นเปรตจึงมารับส่วนกุศลได้ เพราะเปรตคือวิญญาณที่มีความโลภ เมื่อเปรตไ ด้เห็นจิตที่ไม่มีความโลภก็อนุโมทนา จึงพ้นจากความเป็นเปรต เรียกว่าอนุโมทนาในส่วนกุศลที่เราอุทิศให้ และเราต้องรีบอุทิศขณะที่จิตเราเกิดปิติจากการทำทาน ไม่ต้องรอพระยถาสัพพี คุณทำงานคงทำทานรักษาศีลให้ดีก่อน อ่านหนังสือธรรมะ จะนั่งสมาธิก็ต้องมีสติเป็นคนดูตลอด อย่าเผลอ อย่าเกาะอารมณ์ การปฏิบัติธรรม ต้องทำตามขั้นตอนที่ถูกต้อง
 

_________________
รักษาจิต
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
ทูล ดำนงค์
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 11 พ.ย.2006, 11:49 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

สาธุ ยิ้มเห็นฟัน สาธุ สาธุ สาธุ ทุกท่านพูดได้ดีมากครับ ผมพลอยได้ความรู้เพิ่มเติมด้วย
 
แสดงเฉพาะข้อความที่ตอบในระยะเวลา:      
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
 


 ไปที่:   


อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
คุณไม่สามารถสร้างหัวข้อใหม่
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ
คุณไม่สามารถแก้ไขข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลบข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลงคะแนน
คุณ สามารถ แนบไฟล์ในกระดานข่าวนี้
คุณ สามารถ ดาวน์โหลดไฟล์ในกระดานข่าวนี้


 
 
เลือกบอร์ด  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  • สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทานธรรมะ  • หนังสือธรรมะ  • บทความ  • กวีธรรม  • สถานที่ปฏิบัติธรรม  • ข่าวกิจกรรม
นานาสาระ  • วิทยุธรรมะ  • เสียงธรรม  • เสียงสวดมนต์  • ประวัติพระพุทธเจ้า  • ประวัติมหาสาวก  • ประวัติเอตทัคคะ  • ประวัติพระสงฆ์  • ธรรมทาน  • แจ้งปัญหา

จัดทำโดย  กลุ่มเผยแผ่หลักคำสอนทางพระพุทธศาสนา ธรรมจักรดอทเน็ต
เพื่อส่งเสริมคุณธรรม และจริยธรรมในสังคม
เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2546
ติดต่อ webmaster@dhammajak.net
Powered by phpBB © 2001, 2002 phpBB Group :: ปรับเวลา GMT + 7 ชั่วโมง