Home
•
กระดานสนทนา
•
สมาธิ
•
สติปัฏฐาน
•
กฎแห่งกรรม
•
นิทาน
•
หนังสือ
•
บทความ
•
กวีธรรม
•
ข่าวกิจกรรม
•
แจ้งปัญหา
คู่มือการใช้
ค้นหา
สมัครสมาชิก
รายชื่อสมาชิก
กลุ่มผู้ใช้
ข้อมูลส่วนตัว
เช็คข้อความส่วนตัว
เข้าสู่ระบบ(Log in)
ได้ทำการย้ายไปเว็บบอร์ดแห่งใหม่แล้ว คลิกที่นี่
www.dhammajak.net/forums
15 ตุลาคม 2551
ชีวิตใหม่มีความสุข : หลวงพ่อจรัญ ฐิตธมฺโม
อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
:: ลานธรรมจักร ::
»
บทความธรรมะ
ผู้ตั้ง
ข้อความ
ลูกโป่ง
บัวแก้ว
เข้าร่วม: 01 ส.ค. 2005
ตอบ: 4089
ตอบเมื่อ: 12 ต.ค.2005, 11:20 am
ชีวิตใหม่มีความสุข
ก็ขอให้ท่านทั้งหลายเจริญสุข
คือสร้างบุญกุศลไว้ให้มาก
บุญนั้นไม่ต้องใช้สตางค์
ก็ขอฝากไว้ คือความเจริญก้าวหน้าของชีวิต
คิดสิ่งใด ทำสิ่งใด ก็อยากให้สำเร็จตามปรารถนาด้วยกันทุกคน
เป็นปีแห่งความสดชื่นเบิกบานใจกับดอกไม้แย้มผลิ
มีสีสันสดสวยตระการตาแก่ผู้พบเห็นทั่วไป
ความสดสวยของชีวิตจะต้องเกิดขึ้น
ตามระบบและครรลองที่ถูกต้อง ซึ่งจะต้องมี
"แผนการในการสร้างชีวิต
แผนการในการสร้างอนาคตดำเนินให้ต่อเนื่อง"
ด้วยความตั้งใจที่แน่วแน่และมั่นคง
เพื่อจะนำนาวาของชีวิต
ให้บรรลุเป้าหมายให้จงได้ดังที่ตั้งปณิธานไว้
การที่เราจะมีชื่อเสียงและเกียรติยศ
มีทรัพย์สินเงินทอง มีสุขภาพพลานามัยที่สมบูรณ์
หรือทำให้เกิดความสุขนั้นอยู่ที่ตัวเราทั้งสิ้น
เราเป็นผู้สร้างสรรค์และเป็นผู้ที่จะกระทำให้เกิดขึ้น
ถ้าทำให้เกิดความสุขมาก
หรือทำให้เกิดน้อยก็เป็นของเรา
หรือถ้าไม่ทำก็ไม่มีสุข
สุขนั้นจะทำให้เกิดขึ้น
จึงจะเป็นสุขได้ ฉันใดก็ดี
หากต้องการมีความสุขในปีต่อไป
หรือในอนาคต ก็ต้องทำดังต่อไปนี้
องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ตรัสว่า
ความสุขของคฤหัสถ์ จะเกิดขึ้นได้ ๔ ประการ
๑. ค ว า ม สุ ข เ กิ ด จ า ก ก า ร มี ท รั พ ย์
เมื่อคนเรามีความขยันหมั่นเพียร
มีความตั้งใจที่จะทำงานให้เกิดความเจริญก้าวหน้า
และมีผลงานในการปฏิบัติหน้าที่ของตน
ก็จะทำให้มีหน้าที่การงานและรายได้สูงขึ้น
มีทรัพย์สินเงินทองสะสมไว้เป็นประโยชน์ต่อชีวิต
เพื่อวันข้างหน้าต่อไปเถิดท่านจะประเสริฐที่สุด
๒. ค ว า ม สุ ข จ า ก ก า ร ใ ช้ ท รั พ ย์
เงินทองนั้นไม่ได้หามาได้ง่ายเลย
หามาด้วยความเหนื่อยยากด้วยกันทุกคน
จะเกิดความภูมิใจอิ่มเอิบว่า
ตนได้ใช้ทรัพย์ที่ได้มาด้วยความชอบธรรมนั้น
นำไปใช้ทำประโยชน์ ทำกุศลผลบุญต่าง ๆ
และนำไปซื้อของใช้ที่จำเป็นต่อชีวิต
หรือสร้างบ้านเรือนที่อยู่อาศัยให้เป็นหลักฐานที่มั่นคง
แก่ชีวิตยิ่งขึ้นต่อไปเถิด
๓. ค ว า ม สุ ข จ า ก ก า ร ไ ม่ เ ป็ น ห นี้
การที่เราหาทรัพย์สิน หามาด้วยความเหนื่อยยากลำบาก
จะต้องระมัดระวังรักษาทรัพย์มิให้สูญหายไป
จะกระทำสิ่งใดก็ต้องรู้จักแบ่งทรัพย์ให้ถูกต้อง เป็น ๔ ประการคือ
เพื่อตนเองและครอบครัว ทำบุญทำกุศลและส่วนรวมหนึ่ง
เพื่อธุรกิจการงาน สองส่วน
เพื่อสะสมไว้เป็นทุนสำหรับชีวิตในอนาคตอีกหนึ่งส่วน
ฉะนั้น เมื่อจะนำเงินนั้นมาลงทุนหรือดำเนินกิจการใด ๆ
ก็ต้องคำนึงถึงหลัก ๔ ประการนี้
ถึงแม้ว่าจะเพลี่ยงพล้ำก็ไม่เกิดเป็นทุกข์
การที่ทำธุรกิจเกินตัวหรือการใช้จ่ายเกินตัว
จะทำให้เกิดเป็นหนี้ขึ้นการเป็นหนี้นั้น
นอกจากจะทำให้ชีวิตตัวเองไม่มีความสุขแล้ว
ยังทำให้ครอบครัวไม่มีความสุขด้วย
๔. ค ว า ม สุ ข เ กิ ด จ า ก ค ว า ม ป ร ะ พ ฤ ติ ไ ม่ มี โทษ
ถ้าเรามีความประพฤติสุจริตไม่บกพร่องเสียหาย
ทำมาหากินในทางสุจริต ใคร ๆ ติเตียนไม่ได้
ทั้งทางกาย วาจา และทางใจ
เราก็เกิดความสุขความภาคภูมิใจ
ผู้ที่มีความประสงค์จะมีความสุขยิ่ง ๆ ขึ้น
พระพุทธองค์ตรัสว่า ความสงบเป็นเป็น สุขอย่างยิ่ง
คนที่มีจิตใจสงบ ไม่วุ่นวายกับสิ่งใด ๆ
มีความตั้งใจและสมาธิแน่วแน่ดีในพระกรรมฐาน
จะทำแต่สิ่งที่ดี ๆ ทั้งนั้น และมีความตั้งใจ
ที่จะทำงานของตนให้ดียิ่งขึ้น
ไม่ทำความชั่ว ไม่เบียดเบียนผู้อื่น ไม่ทำร้ายผู้อื่น
และไม่อยากได้ของผู้อื่น
เลี้ยงชีวิตโดยชอบ ก็จะทำให้ชีวิตนั้นมีความสุขและความสงบเกิดขึ้น
ส่วนผู้ที่ปฏิบัติธรรมกรรมฐาน
สติปัญญาก็จะเกิดขึ้นจากความสงบนั้น
และบรรลุถึงการปฏิบัติธรรมในที่สุด
อย่างที่มาเจริญกรรมฐานด้วยความถูกต้อง
ความสุขใดเสมอด้วยความสงบไม่มีแล้ว
ท่านทั้งหลาย สิ่งใด ๆ ก็ตามที่เกิดขึ้นตามธรรมชาตินั้น
เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นตามปกติ
บุคคลที่มีจิตใจเป็นปกติย่อมมีความสุขและความสงบ
มีความเจริญก้าวหน้าของชีวิต
ส่วนผู้ที่มีจิตใจที่ผิดปกติ ก็จะเกิดโทษทุกข์ทรมาน
และเกิดความเดือดร้อนต่อตัวเองและผู้อื่นนานัปการ
ความปกติจึงทำให้คนพบกับความสันติสุขและไม่มีโทษ
ความเป็นปกตินี้ พระพุทธศาสนาบัญญัติว่า เป็นศีล
ที่โยมนั่งกรรมฐาน ถือศีลก็คือความเป็นปกตินั่นเอง
บางท่านที่ไม่รู้จักคำว่า ศีล
อีกนัยหนึ่งไม่รู้จักคำว่า ศีลคืออะไร
เลยสิ้นกำลังใจที่จะรักษาศีล
แต่ความจริงแล้ว ศีล แปลว่า ปกติ
คัดลอกจาก :
http://www.jarun.org/
~ทอแสง~
ผู้เยี่ยมชม
ตอบเมื่อ: 18 ต.ค.2005, 10:21 pm
ขอฝากด้วยนะคะ *-*
ห้องจิตวิวัฒน์ กระบวนการนิวเอจ นิเวศแนวลึก เปิดตัวแล้ว
หลังจากยุคของความเสื่อม
ก็มาถึงจุดแห่งการเปลี่ยนแปลง
แสงอันทรงพลังที่ถูกบดบัง
กลับสว่างขึ้นอีกครั้งหนึ่ง
มีการเคลื่อนไหวเกิดขึ้น
แต่ไม่ได้เป็นไปด้วยกำลังบังคับ
หากเป็นขบวนการตามธรรมชาติ
ที่เกิดขึ้นเอง
ด้วยเหตุนี้ การเปลี่ยนแปลงสิ่งเก่าๆ จึงง่าย
สิ่งเก่าถูกละทิ้งไป
สิ่งใหม่ได้รับการเชื้อเชิญเข้ามา
ทั้งสองอย่างนี้เป็นไปตามจังหวะที่เหมาะสม
จึงไม่ก่อให้เกิดโทษแต่ประการใด
จากคัมภีร์ อนิจลักษณะ
จิตวิวัฒน์ กระบวนการนิวเอจ นิเวศแนวลึก ท่านทะไลลามะ ตรัสว่า อนาคตของมนุษยชาติอยู่ที่ การปฏิวัติจิต (Spiritual Revolution)
เว็บนี้ ตั้งขึ้นมาได้ บนพื้นฐาน การมองโลกแบบ เชื่อมโยง องค์รวม จักรวาลทัศน์ ไม่แบ่งแยก อะไรที่คิดว่าดี จะนำมาลงและนำเสนอ เสวนาเป็นห้องๆ ตาม ความชอบครับ และได้ตั้งห้อง จิตวิวัฒน์ กระบวนการนิวเอจ นิเวศแนวลึก มันค้อนข้างใหม่สำหรับคนไทยมาก ทางทีมงานคิดว่า จะช่วยๆ ดัน แนวคิดแบบ นี้ตามเวลา กำลังความสามารถ ครับ ในทีมงานบางคน เคยผ่านงานค่าย งานอบรมแนวนี้มา แต่ ยังไม่เชี่ยวนัก ส่วนใหญ่จะใหม่เลย กับ การงานนี้ บางคนพึ่งจับหนังสือ แนวจิตวิวัฒน์ อ่าน ช่วงแรกๆ เว็บพึ่งตั้ง เราก็ได้ทุ่มไป ตรงการวางระบบ จัด บ้านอยู่ การเสวนาเลยน้อย ต่อไป เครือข่ายถ้าแน่น เข้มแข็ง ขึ้น คิดว่าจะเป็นรูปเป็นร่าง มากกว่า นี้ เราเชื่อในเมล็ดพันธ์ ทางความคิด ที่หว่าน ลงไป พื้นที่ดี ทีมงานเครือข่ายดี ถูกยุคสมัยขอเรียกว่า ยุคสมัยอันอุดม การก้าวกระโดดทางความคิดคนย่อมมีแน่ เราช่วยกันหว่าน และ มันกำลังเติบโต ไม่ได้รู้อะไรมากมาย ก็ได้เก็บ บท
ความตามเว็บ บ้าง พิม จากหนังสือบ้าง เอามาลงให้ คนอ่าน ครับ ภาพในหัวของเรา คือ คนมาอ่านแล้วเขามีรอย ยิ้ม เพิ่มรอยหยักทางสมอง กระตุ้น ปลุกเค้า แล้วเค้าจะตื่นเอง เราเชื่อในพลังตัวอักษร อ่านหนังสือมาเป็นร้อย เป็น พันเล่ม เพียงแค่ คำ สั้นๆ ซื่อๆ ง่ายๆ ไม่กี่คำ สามารถ เปลี่ยนคน พลิก จิต คนได้ คับ
เราคิดว่าการทำอะไรเป็นหมู่คณะ ถ้าถูกทางแล้ว จะมีกำลัง มหาศาลเลย ไม่ใช่ 1 +1 เป็น 2 ครับ คุณภาพของคน สองคน บวกกัน มันมากกว่า คำว่าสอง อาจ ทวีคูณเลย ถ้ายิ่งกำลัง ของหมู่คณะยิ่งไม่ต้องพูดถึง ถ้ารวมตัวกัน ทำสิ่งดีๆ จะขนาดใหน
เกริ่นมา ซะ ยาวเลย ไปเยี่ยมแนะ นำ ติติงได้เลย ครับ
http://www.agalico.com/board/forumdisplay.php?f=33
จิตร่วมหากมากพอจะช่วยโลกได้
http://www.agalico.com/board/showthread.php?t=479
แสดงเฉพาะข้อความที่ตอบในระยะเวลา:
แสดงทั้งหมด
1 วัน
7 วัน
2 สัปดาห์
1 เดือน
3 เดือน
6 เดือน
1 ปี
เรียงจากเก่า-ใหม่
เรียงจากใหม่-เก่า
:: ลานธรรมจักร ::
»
บทความธรรมะ
ไปที่:
เลือกกลุ่ม บอร์ด
กลุ่มสนทนา
----------------
สนทนาธรรมทั่วไป
แนะนำตัว
กฎแห่งกรรม
สมาธิ
ฝึกสติ
การสวดมนต์
การรักษาศีล-การบวช
ความรัก-ผูกพัน-พลัดพลาก
กลุ่มข่าวสาร-ติดต่อ
----------------
ข่าวประชาสัมพันธ์
ธรรมทาน
รูปภาพ-ประมวลภาพกิจกรรมต่างๆ
สำหรับนักเรียน นักศึกษา ขอความรู้ทำรายงาน
แจ้งปัญหา
รูปภาพในบอร์ด
กลุ่มสาระธรรม
----------------
หนังสือธรรมะ
บทความธรรมะ
นิทาน-การ์ตูน
กวีธรรม
นานาสาระ
ต้นไม้ในพุทธประวัติ
วิทยุธรรมะ
ศาสนสถานและศาสนพิธี
----------------
สถานที่ปฏิบัติธรรม
วัดและศาสนสถาน
พิธีกรรมทางศาสนา
พุทธศาสนบุคคล
----------------
พระพุทธเจ้า
ประวัติพระอสีติมหาสาวก
ประวัติเอตทัคคะ (ภิกษุณี, อุบาสก, อุบาสิกา)
สมเด็จพระสังฆราชไทย
ประวัติและปฏิปทาของครูบาอาจารย์
ในหลวงกับพระสุปฏิปันโน
อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
คุณ
ไม่สามารถ
สร้างหัวข้อใหม่
คุณ
ไม่สามารถ
พิมพ์ตอบ
คุณ
ไม่สามารถ
แก้ไขข้อความของคุณ
คุณ
ไม่สามารถ
ลบข้อความของคุณ
คุณ
ไม่สามารถ
ลงคะแนน
คุณ
สามารถ
แนบไฟล์ในกระดานข่าวนี้
คุณ
สามารถ
ดาวน์โหลดไฟล์ในกระดานข่าวนี้
เลือกบอร์ด •
กระดานสนทนา
•
สมาธิ
•
สติปัฏฐาน
•
กฎแห่งกรรม
•
นิทานธรรมะ
•
หนังสือธรรมะ
•
บทความ
•
กวีธรรม
•
สถานที่ปฏิบัติธรรม
•
ข่าวกิจกรรม
นานาสาระ
•
วิทยุธรรมะ
•
เสียงธรรม
•
เสียงสวดมนต์
•
ประวัติพระพุทธเจ้า
•
ประวัติมหาสาวก
•
ประวัติเอตทัคคะ
•
ประวัติพระสงฆ์
•
ธรรมทาน
•
แจ้งปัญหา
จัดทำโดย กลุ่มเผยแผ่หลักคำสอนทางพระพุทธศาสนา ธรรมจักรดอทเน็ต
เพื่อส่งเสริมคุณธรรม และจริยธรรมในสังคม
เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2546
ติดต่อ
webmaster@dhammajak.net
Powered by
phpBB
© 2001, 2002 phpBB Group :: ปรับเวลา GMT + 7 ชั่วโมง
www.Stats.in.th