Home  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  •  สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทาน  • หนังสือ  •  บทความ  • กวีธรรม  • ข่าวกิจกรรม  • แจ้งปัญหา
คู่มือการใช้คู่มือการใช้  ค้นหาค้นหา   สมัครสมาชิกสมัครสมาชิก   รายชื่อสมาชิกรายชื่อสมาชิก  กลุ่มผู้ใช้กลุ่มผู้ใช้   ข้อมูลส่วนตัวข้อมูลส่วนตัว  เช็คข้อความส่วนตัวเช็คข้อความส่วนตัว  เข้าสู่ระบบ(Log in)เข้าสู่ระบบ(Log in)
 
ได้ทำการย้ายไปเว็บบอร์ดแห่งใหม่แล้ว คลิกที่นี่
www.dhammajak.net/forums
15 ตุลาคม 2551
 สุขกับงาน...โดย รินใจ อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
ผู้ตั้ง ข้อความ
ลูกโป่ง
บัวแก้ว
บัวแก้ว


เข้าร่วม: 01 ส.ค. 2005
ตอบ: 4089

ตอบตอบเมื่อ: 08 ก.ย. 2005, 8:26 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ไปเที่ยวไกลถึงฮาวายหรือปารีส แต่ถ้าใจยังกังวลถึงลูก ๆ ที่เมืองไทย หรือเพิ่งทะเลาะกับแฟนที่โอ้เอ้ผิดนัด แล้วอย่างนี้จะมีความสุขได้อย่างไร

ในทางตรงกันข้าม เพียงแค่นั่งเล่นที่สวนสาธารณะข้างบ้าน แต่ใจปลอดโปร่งเพราะปล่อยวางภาระทั้งปวง แถมได้ยิ้มหัวกับลูก ๆ หยอกเอินกับแฟน อะไรจะสุขเท่า

ใช่หรือไม่ว่า เที่ยวที่ไหน ไม่สำคัญเท่ากับเที่ยว อย่างไร

ฉันใดก็ฉันนั้น ทำงานที่ไหน หรือทำงาน อะไร ก็ไม่สำคัญเท่ากับทำงาน อย่างไร

คนเรามักฝันถึงงานที่มีเงินเดือนมาก ๆ ตำแหน่งสูง ๆ หรือโดดเด่นเป็นที่รู้จัก โดยคิดว่างานอย่างนี้แหละที่จะทำให้มีความสุข แต่ที่จริงแล้วความสุขไม่ได้อยู่ที่ประเภทของงานมากเท่ากับการวางจิตวางใจในขณะทำงาน จะสุขแค่ไหนขึ้นอยู่กับว่าเราทำงานด้วยความรู้สึกอย่างไร หาใช่เพราะเป็นงานอะไรไม่

งานแม้จะดูต่ำต้อย แอบอยู่หลังฉาก แถมซ้ำซากจำเจ แต่ถ้าทำด้วยใจรัก ก็ย่อมบังเกิดความแช่มชื่นเบิกบาน คุณแม่ที่ทำงานบ้าน หรือคุณย่าคุณยายที่เลี้ยงหลานทั้งวัน มีความสุขกว่าผู้จัดการหรือซีอีโอทั้งหลายก็เพราะเหตุนี้

จริงอยู่ใจรักในงานนั้นบางครั้งเกิดขึ้นเพราะได้งานที่ชอบ แต่แม้จะไม่ได้งานที่ชอบ เราก็ยังสามารถบันดาลใจให้เกิดความรักในงานได้ วิธีหนึ่งก็คือการมองให้เห็นคุณค่าของงานนั้น ๆ

งานอย่างเดียวกัน แต่มองด้วยมุมที่ต่างกัน ก็ให้ความรู้สึกที่ต่างกัน

ชายสามคนกำลังก่ออิฐ คนแรกมีทีท่าเหนื่อยล้า หน้าบึ้งตึง คนที่สองดูดีขึ้นหน่อย ส่วนคนที่สามดูกระฉับกระเฉง หน้าตายิ้มแย้ม

เมื่อถูกถามว่ากำลังทำอะไรอยู่ คนแรกตอบอย่างขอไปทีว่า "กำลังก่ออิฐ" คนที่สองบอกว่า "กำลังก่อกำแพง" ส่วนคนที่สามตอบด้วยความภาคภูมิใจว่า "กำลังสร้างวัดครับ"

ก่ออิฐเหมือนกัน แต่ทำด้วยอาการต่างกันก็เพราะเห็นคุณค่าของงานต่างกัน คนที่สามทำงานอย่างมีความสุขเพราะเห็นว่างานที่ตนทำนั้นไม่ใช่แค่ก่ออิฐธรรมดา ๆ แต่เป็นส่วนสำคัญในการสร้างสิ่งที่สูงส่งเป็นบุญเป็นกุศล อิฐแต่ละก้อนที่ก่อจึงให้ความรู้สึกปีติอิ่มเอิบใจ

นอกจากใจรักในงานแล้ว การทำให้งานกลายเป็นเรื่องสนุก ก็เป็นเคล็ดลับอีกอย่างหนึ่งของการทำงานอย่างมีความสุข คนไทยแต่ก่อนไม่ได้แยกงานกับความสนุกออกจากกัน เวลาเกี่ยวข้าวก็ร้องรำทำเพลงกันไปด้วย แต่เดี๋ยวนี้ พอเข้าโรงงานหรือออฟฟิศ ความสนุกก็ถูกกีดกันออกไป

ถึงแม้มิอาจร้องรำทำเพลงขณะทำงานในออฟฟิศ แต่เราก็ยังสามารถทำให้งานมีบรรยากาศแห่งความสนุกได้ แทนที่จะทำงานอย่างหน้าดำคร่ำเครียดกันไปทั้งวัน

เราอาจเริ่มต้นด้วยการช่วยกันตกแต่งสำนักงานให้มีสีสันเดือนละครั้งหรือสองอาทิตย์ครั้ง ถ้ามีหลายแผนก ก็ให้แต่ละแผนกช่วยกันคิดและร่วมกันสร้างเอกลักษณ์ของตนขึ้นมา แล้วมาประกวดกันโดยมีการสะสมคะแนนตลอดปี หรือให้แต่ละแผนกแต่ละกลุ่มผลัดกันเป็นเจ้าภาพเลี้ยงอาหารกลางวัน ด้วยการสรรหาเมนูแปลก ๆ ใหม่ ๆ แต่ไม่สิ้นเปลือง มาลิ้มลองกัน

กิจกรรมแบบนี้ทำให้เพื่อนร่วมงานมีโอกาสหันหน้ามาคุยและร่วมมือกันในเรื่องที่มีชีวิตชีวา ไม่ใช่คุยกันแต่เรื่องงานการอย่างเดียว ชุมชนแห่งมิตรสามารถเริ่มต้นได้จากบรรยากาศแบบนี้ ก่อนที่จะนำไปสู่การเอื้อเฟื้อเกื้อกูลในเรื่องที่สำคัญกว่า

ชุมชนอย่างนี้แหละที่จะทำให้คนมีใจรักในงานมากขึ้น เพราะงานกลายเป็นช่องทางที่จะ "ให้"แก่คนซึ่งตนรักใคร่ชอบพอ ยิ่งให้ก็ยิ่งมีความสุข จึงไม่คิดเกี่ยงงาน สวนทางกับความรู้สึกของผู้คนจำนวนมากที่ทำงานโดยพยายามออกแรงให้น้อยที่สุด และ "ตักตวง"ให้ได้มากที่สุดจากเพื่อนร่วมงาน

บ่อยครั้งเราไม่อาจเลือกงานได้ แต่เราเลือกได้ว่าจะทำงานด้วยท่าทีอย่างไร และจะใส่ความรู้สึกอะไรลงไปในงาน ความสุขจากงานการจึงมิใช่เรื่องยาก หากอยู่ในกำมือของเราทุกคน





คัดลอกจาก...http://budpage.com/ba54.shtml



 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวชมเว็บส่วนตัว
แสดงเฉพาะข้อความที่ตอบในระยะเวลา:      
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
 


 ไปที่:   


อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
คุณไม่สามารถสร้างหัวข้อใหม่
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ
คุณไม่สามารถแก้ไขข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลบข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลงคะแนน
คุณ สามารถ แนบไฟล์ในกระดานข่าวนี้
คุณ สามารถ ดาวน์โหลดไฟล์ในกระดานข่าวนี้


 
 
เลือกบอร์ด  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  • สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทานธรรมะ  • หนังสือธรรมะ  • บทความ  • กวีธรรม  • สถานที่ปฏิบัติธรรม  • ข่าวกิจกรรม
นานาสาระ  • วิทยุธรรมะ  • เสียงธรรม  • เสียงสวดมนต์  • ประวัติพระพุทธเจ้า  • ประวัติมหาสาวก  • ประวัติเอตทัคคะ  • ประวัติพระสงฆ์  • ธรรมทาน  • แจ้งปัญหา

จัดทำโดย  กลุ่มเผยแผ่หลักคำสอนทางพระพุทธศาสนา ธรรมจักรดอทเน็ต
เพื่อส่งเสริมคุณธรรม และจริยธรรมในสังคม
เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2546
ติดต่อ webmaster@dhammajak.net
Powered by phpBB © 2001, 2002 phpBB Group :: ปรับเวลา GMT + 7 ชั่วโมง